พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงกับลงมาเล่นเอง
ส่งสัญญาณถึงพรรคร่วมและส.ว.ให้โหวตในทางเดียวกันใช้วิธีหารด้วย 500
พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติพัฒนา และพรรคเล็กออกมาขานรับพรึบ
ถึงขั้นเตรียมประกาศชัยชนะ
ส่วนสมาชิกวุฒิสภาก็คงโหวตไปตามสัญญาณที่ได้รับมา
สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ผู้เสนอร่างแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ กลับมาเห็นต่าง บ้างก็จะเอาหาร 100 บ้างก็จะเอา 500
สุดท้ายก็จะคงปล่อยฟรีโหวต ซึ่งเป็นเรื่องเสียหายกับจุดยืน
เรื่องนี้ นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย มองอย่างรู้เท่าทันว่าตอนที่จะแก้รัฐธรรมนูญในประเด็นนี้ พรรคแกนนำในรัฐบาลเห็นว่าตนเองจะเป็นพรรคใหญ่และจะได้เปรียบ
หากแก้เป็นบัตรสองใบและคำนวณ จำนวนส.ส.แบบสมัยก่อน คือเหมือนการเลือกตั้งปี 54 หรือก่อนหน้านั้น
แต่พอมาถึงตอนนี้ ก็เกิดเปลี่ยนใจ เพราะพรรคตนเองกำลังระส่ำระสาย จึงต้องการแก้ให้คำนวณจำนวนส.ส.โดยใช้วิธีหารด้วย 500
สุดท้ายก็คงจะโหวตสนับสนุนแบบหาร 500 แบบฝักถั่ว
แต่ปัญหาคือถ้ามติออกมาแบบนี้จะทำให้กฎหมายนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และจะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาต่อไป
ถ้ากฎหมายแบบนี้ก็จะตกไป ต้องร่างกันใหม่ ซึ่งไม่น่าจะทันกับอายุสภาในช่วงที่เหลือ
กลายเป็นว่าความพยายามผ่านมาต้องเสียเปล่า
สำหรับมาตรา 5 นั้น บัญญัติว่าให้ยกเลิกความในมาตรา 91 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
“มาตรา 91 การคำนวณสัดส่วนผู้สมัครรับเลือกตั้งตามบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรค การเมืองที่จะได้รับเลือกตั้ง ให้นำคะแนนที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับการเลือกตั้งมารวมกันทั้งประเทศ แล้วคำนวณเพื่อแบ่งจำนวนผู้ที่จะได้รับเลือกของแต่ละพรรคการเมือง เป็นสัดส่วนที่สัมพันธ์กันโดยตรงกับจำนวนคะแนนรวมข้างต้น โดยให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งซึ่งมีรายชื่อในบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมืองได้รับเลือกตามเกณฑ์คะแนนที่คำนวณได้เรียงตามลำดับหมายเลขในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองนั้น”
ชัดว่าการคำนวณจำนวนส.ส.แบบบัญชีรายชื่อให้ใช้คะแนนพรรคโดยตรงแล้วหารด้วย 100
ไม่ใช่คำนวณหาส.ส.พึงมีแล้วหักด้วยจำนวนส.ส.เขตที่แต่ละพรรคได้รับ
ที่สำคัญ พรรคพลังประชารัฐจะกล้าเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดต นายกฯ ต่อหรือไม่
รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลขณะนี้จะกอดคออุ้มกันต่ออีกไหม?
เภรี กุลาธรรม