การเมืองหักเหลี่ยนเฉือนคมหลังฝ่ายผู้มีอำนาจทุบโต๊ะสั่งส.ส.รัฐบาล และส.ว. โหวตเห็นด้วยกับกมธ.เสียงข้างน้อย ที่เสนอใช้สูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อหาร 500 แทนที่จะหาร 100 ตามที่ กมธ.เสียงข้างมากเสนอ

ด้วยเหตุเพราะผู้มีอำนาจกระแสนิยมทิ้งดิ่ง สะท้อนจากเลือกตั้งใน กทม. และนิด้าโพล จนกลัวว่าพรรคเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์

จึงต้องหาวิธีเล่นแร่แปรธาตุกติกาเลือกตั้งเสียใหม่ ตัดไฟแต่ต้นลม เพื่อตัวเองจะอยู่สืบทอดอำนาจต่อไป

บรรลุผลหรือไม่ ยังไม่แน่ แต่ที่แน่ๆ กฎหมายลูกเลือกตั้งส.ส. ต้องลากยาวออกไป

เพราะขั้นตอนต่อจากนี้จะต้องส่งเรื่องไปให้ กกต.พิจารณาอีกครั้ง เนื่องจากเป็นร่างกฎหมายที่ กกต.ส่งมายัง ครม. ซึ่งรัฐสภารับร่าง ครม.เป็นร่างหลัก เมื่อส่งกลับไปพิจารณาอีกครั้งก็ต้องดูว่า กกต.จะคิดเห็นประการใด

จะเห็นว่าชอบหรือไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ หรือจะขอให้แก้ไขอย่างไร จากนั้นส่งเรื่องกลับมารัฐสภา เพื่อมีมติให้เป็นไปตามการแก้ไขของ กกต. หรือไม่แก้ไข

จากนั้นส่งให้นายกฯ โดยนายกฯ ต้องเก็บร่างกฎหมายไว้ 5 วัน ระหว่างนั้นส.ส.หรือส.ว. 1 ใน 10 สามารถเข้าชื่อเสนอศาลรัฐธรรมนูญได้

แต่หากไม่มีคนยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญก็นำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่ถ้ามีคนยื่นก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการศาลรัฐธรรมนูญ รอคำวินิจฉัย








Advertisement

เกี่ยวกับสูตรหาร 500 สกัดเพื่อไทยแลนด์สไลด์ นักการเมืองด้วยกันเองก็ยังเห็นต่าง บ้างก็ว่าสกัดได้

บ้างก็ว่าสกัดไม่ได้ เพราะพรรคเพื่อไทยคงต้องสู้กลับ เบื้องต้นมีการพูดถึงแผนรับมือ 1 2 3 ออกมาบ้างแล้ว

วิธีหนึ่งคือ “แตกแบงก์พัน” ตั้งพรรคใหม่อีก 1 พรรค กำหนดพื้นที่ลุยหาเสียงระบบปาร์ตี้ลิสต์โดยเฉพาะ

หลักการบัตรเลือกตั้งสองใบ ต้องการให้พรรคการเมืองเข้มแข็งขึ้น ลดอิทธิพลการซื้อเสียงลง ตัดประเด็นเรื่องปัดเศษ และการแตกแบงก์พันออกไป ซึ่งเป็นเรื่องบิดเบี้ยวในกระบวนการทางการเมือง

แต่เมื่อสูตรหาร 500 นำการเมืองกลับไปสู่จุดนั้นอีก พรรคการเมืองก็มีสิทธิ์แตกแบงก์พัน

ผู้มีอำนาจไม่สามารถดับฝันร้ายของตัวเองได้ ที่คาดหวังจะสกัดไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามได้แลนด์สไลด์ กลับไปทำให้เขาฮึดสู้

เผลอๆ มีสิทธิ์แลนด์สไลด์มากกว่าเดิม

มันฯ มือเสือ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน