ช่างเป็นข่าวที่ทำให้เห็นความ ฟอนเฟะของวงการราชการโดยเฉพาะหน่วยงานด้านความมั่นคง
สำหรับกรณีที่มีการเปิดโปงว่าตำรวจหญิงยศส.ต.ท.รายหนึ่ง ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย ทรมานทหารหญิงยศนายสิบที่มีความสัมพันธ์ลักษณะนายกับบ่าวอย่างรุนแรง
เนื่องจากกรณีดังกล่าวไม่ใช่แค่ การใช้ความรุนแรงธรรมดา แต่ยังมีประเด็นข้อสงสัยในเรื่องดังกล่าวอีกมาก
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ระบุว่าตำรวจหญิงคนนั้นอ้างตัวเป็นภรรยาของสมาชิกวุฒิสภาคนหนึ่ง แถมยังมีรายงานในลักษณะว่าได้ใช้อำนาจหน้าที่ช่วยเหลือจนบรรจุเป็นตำรวจได้
สงสัยกันกระทั่งบรรดาส.ว.ชายด้วยกัน ก็มองหน้ากันเลิ่กลั่ก บางคนถึงกับไม่รับโทรศัพท์ผู้สื่อข่าว
เรื่องนี้หากไม่จริงก็ต้องออกมาชี้แจง เพราะกระทบหนักไปถึงองค์กร
หรือการที่เป็นตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจสันติบาล แต่กลับไปช่วยราชการกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า หรือในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ตัวตนกลับไปโผล่อยู่ที่จ.ราชบุรี
ทั้งกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ทั้งกอ.รมน. ก็ออกมายอมรับว่ามีเรื่องเช่นนี้จริง แต่กลับไม่ชี้แจงแถลงไขว่าทำไมชื่อกับตัวถึงอยู่คนละที่กัน
Advertisement
ค่าตอบแทนที่มาจากภาษีประชาชนรับเต็ม แต่งานการได้ไปทำไหม
อย่างนี้ก็ได้หรือ แล้วยังมีอีกกี่คนที่เข้าข่ายลักษณะดังกล่าว!??
ไม่เพียงแค่นั้นยังถูกกล่าวหาอีกว่าสามารถฝากคนเข้าไปเป็นทหาร แล้วก็ทำได้จริงเสียด้วย
จนคนเขาสงสัยทั้งบ้านทั้งเมืองว่าการเข้าเป็นทหารนี่ฝากได้จริง ไม่ต้องมีกฎเกณฑ์อะไรกับเขาเลยหรือไง
แถมหลังจากเป็นทหารแล้วก็ออกมาเป็นทหารรับใช้บ้านเจ้านาย แล้วยังถูกทำร้ายอย่างทารุณ กลายเป็นทาสในเรือนเบี้ย
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในยุคสมัยปัจจุบัน ในพ.ศ.2565 ยุคที่มีนายกฯมาจากทหารที่สัญญาจะปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปตำรวจ และปฏิรูประบบราชการ
ทำกันมา 8 ปีทำไมถึงเข้ารกเข้าพง!!?
ส.ว.ที่ควรจะมีหน้าที่กลั่นกรองกฎหมายก็กลายเป็นผู้มีอิทธิพล กองทัพที่ควรมีบุคลากรปกป้องประเทศก็ กลายเป็นคนรับใช้
หากไม่เร่งคลี่คลายให้กระจ่าง ทำทุกอย่างให้โปร่งใส ก็อย่าแปลกใจที่คนเขาเสื่อมศรัทธา ไม่เชื่อถือเชื่อมั่น
ก็ทำตัวกันเองทั้งนั้น!!!
รุก กลางกระดาน