กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ออกประกาศแจ้งเตือนให้เฝ้าระวังระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา
หลังกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกหนักช่วงวันที่ 3-8 ก.ย. บริเวณภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคตะวันออก
สถานการณ์น้ำในปีนี้ หลายฝ่ายมองว่าจะมากกว่าปีก่อนๆ หรืออาจจะเท่ากับปี 2554 ก็ได้
ขณะนี้เข้าใจว่าหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งบริหารจัดการ เตรียมรับมือรับพายุลูกใหม่หรืออิทธิพลอื่นๆ ที่อาจทำให้ฝนตกลงมาอย่างหนัก
บทเรียนจากมหาอุทกภัย เชื่อว่าทุกหน่วยมีมาตรการรองรับและแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ
สำหรับลุ่มน้ำเจ้าพระยา จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) คาดว่าจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำนครสวรรค์ อยู่ในเกณฑ์ 2,000-2,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ส่งผลให้ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์ 1,800-2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมประมาณ 0.40-0.50 เมตร ช่วงวันที่ 1-10 ก.ย.นี้
โดยเฉพาะบริเวณชุมชนพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ ได้แก่ คลองโผงเผง จ.อ่างทอง, คลองบางบาล ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด และ ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา
รวมถึงพื้นที่ จ.นนทบุรี ปทุมธานี และกรุงเทพมหานครด้วย
เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือ จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
ตรวจสอบความมั่นคงอาคารป้องกันริมแม่น้ำและเสริมคันบริเวณจุดเสี่ยงที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ
ประชาสัมพันธ์ข้อมูลและแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมน้ำนอกแนวคันกั้นน้ำ แนวเขื่อนชั่วคราวในบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำทราบล่วงหน้า
จัดเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือเพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบได้ทันที
รวมถึงติดตามสถานการณ์น้ำทะเลหนุนในช่วงเวลาดังกล่าว พร้อมปรับแผนบริหารจัดการน้ำ อ่างเก็บน้ำ เขื่อนระบายน้ำ และประตูระบายน้ำ เพื่อบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ในส่วนของพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลนั้น น่ายินดีที่กองทัพพร้อมสนับสนุนกำลังพล ช่วยวางแนวกระสอบทรายกั้นน้ำในแนวฟันหลอ
ผบ.ทบ.ก็ดูเอาจริงถึงขนาดควงผู้ว่าฯ กทม.ออกตรวจหน้างานเอง!!!
เภรี กุลาธรรม