นับเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง สำหรับผลการเลือกตั้งซ่อมนายกอบจ.ร้อยเอ็ดที่ผ่านมา

ซึ่งผลปรากฏว่านายเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ จากพรรคเพื่อไทย เอาชนะได้ไปอย่างขาดลอยด้วยคะแนน 301,187 คะแนน

เรียกว่าต่อให้นำคะแนนของอันดับ 2-4 มารวมกัน ก็ยังน้อยกว่านายเศกสิทธิ์

กลายเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทย ประกาศว่านี่คือ ‘แลนด์สไลด์’ ตามที่โหมโรงโปรโมตกันมาเป็นระยะ

ถือเป็นสนามที่ 2 หลังจากการเลือกตั้งซ่อมนายกอบจ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 14 ส.ค. นางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล จากเพื่อไทย ก็ชนะขาดด้วยคะแนน 248,657 คะแนน เรียกว่ารวมคะแนนของคู่แข่งอีก 2 คน ก็ยังแพ้

แน่นอนว่าการเลือกตั้งซ่อมนายกอบจ. 2 จังหวัดข้างต้น คงไม่สามารถสรุปได้ว่าจะส่งผลลักษณะเดียวกันกับการเลือกตั้งทั่วไป

เพราะการที่เพื่อไทย จะแลนด์สไลด์ได้นั้น หากพูดกันตรงๆ ก็คือต้องได้ส.ส.เกินกว่า 375 ที่นั่งจาก 500 ที่นั่ง

เพื่อปิดโอกาสไม่ให้ ส.ว.เลือกนายกฯ ที่ไม่ได้มาจากเสียงข้างมาก หรือประชาชนส่วนใหญ่เป็นผู้เลือก

ยิ่งเป็นการเลือกตั้งทั่วประเทศ ไม่ใช่แค่ในพื้นที่อีสาน ที่เป็นฐานเสียงดั้งเดิมของพรรคเพื่อไทย ยังมีภาคกลาง ภาคใต้ และมีเรื่องของอำนาจรัฐ อำนาจที่มองไม่เห็นต่างๆ

การจะ ‘แลนด์สไลด์’ อย่างจริงจัง จึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก

อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ก็พอจะเห็นภาพของการเลือกตั้ง การเข้าสู่อำนาจตามวิถีทางประชาธิปไตย ที่ต้องเคารพเจตจำนงของประชาชน

ไม่ใช่พ่ายแพ้ต่อการเลือกตั้ง หรือประชาชนเขาไม่เลือก ก็หันไปหาแนวทางนอกกติกา ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง ร้องยุบพรรค ตัดสิทธิ์ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับพรรคอนาคตใหม่ และธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

เลวร้ายกว่านั้นก็คือการรัฐประหาร หรือสนับสนุนให้เกิดรัฐประหาร ดังที่ทำมาแล้วในสมัยรัฐบาลทักษิณ และยิ่งลักษณ์

ซึ่งเวลาก็ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้นำพาประเทศชาติไปสู่ความเจริญ กลับทำให้ติดหล่มอยู่กับความขัดแย้งมาร่วม 20 ปี

จึงน่าจะเป็นบทเรียนให้เข้าใจและรับฟังฉันทามติของประชาชน

ไม่ตัดสินใจผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก!!!

รุก กลางกระดาน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน