สื่อพยายามซักถามแต่ก็ยังไม่มีคำตอบชัดเจนจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกี่ยวกับอนาคตทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะไปต่อหรือพอแล้ว

ถ้าเลือกไปต่อจะด้วยวิธีใด อยู่กับพรรคพลังประชารัฐของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือเปลี่ยน “นั่งร้าน” ใหม่ไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

พล.อ.ประยุทธ์เคยพูดกับ “พี่ใหญ่” ยืนยันอยู่กับพลังประชารัฐ ไม่ไปไหน

แต่การเมืองไทยไม่มีอะไรแน่นอน วันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้อาจเปลี่ยนใจ ชายชาติทหารบางคนเคยลั่นวาจา 3-4 ครั้งว่าจะไม่ทำปฏิวัติ สุดท้ายก็อย่างที่เห็น

สมมติครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ พูดจริง ก็ต้องถามว่าแล้วคิดเห็นอย่างไรกับที่มีส.ส.พลังประชารัฐเสนอสูตร “หมดลุงตู่ สู่ลุงป้อม”

เป็นนายกฯ สลับกับพล.อ.ประวิตรคนละครึ่งเทอม

สูตรนี้ไม่ถือเป็นสูตรพิสดาร ออกจะธรรมดาด้วยซ้ำ เพราะโดยปกติพรรคการเมืองส่วนใหญ่ก็จะชูหัวหน้าพรรค เป็นแคนดิเดตนายกฯ อยู่แล้ว ยกเว้นพรรคเพื่อไทยที่ฉีกแนว

นอกจากนี้จากคำวินิจฉัยคดีวาระ 8 ปี เท่ากับหลังเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จะเหลือเวลาอยู่ในอำนาจได้อีกแค่ 2 ปี








Advertisement

การเสนอชื่อพล.อ.ประวิตร ร่วมเป็นแคนดิเดตนายกฯ คนละครึ่ง จึงเป็นทางลงให้พล.อ.ประยุทธ์ แบบบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น

ไม่หักหาญเหมือนข้อเสนอนายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ที่ให้มีชื่อ “ลุงป้อม-ลุงตู่” เป็นแคนดิเดต

แต่พอถึงตอนโหวตในรัฐสภา ให้เลือกลุงป้อม เป็นนายกฯ ลดระดับลุงตู่ไปเป็นรองนายกฯ รมว.กลาโหม หรือมหาดไทย

เป็นข้อเสนอที่พูดได้ แต่ทำยาก เชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์ คงไม่ยอมเสียฟอร์ม ให้พี่ใหญ่มาฉกอำนาจไป

แต่ทั้งหมดทั้งมวล สูตรอำนาจที่ส.ส.หลายคนเสนอ อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงเดียวกันว่า พรรคพลังประชารัฐจำเป็นต้องเลือกตั้งได้จำนวนส.ส.มากพอจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

มากเท่าไหร่? น่าจะต้อง 100 เสียงอัพ น้อยกว่าถือว่าน่าเกลียด

ต่อให้เอานั่งร้าน 250 ส.ว.มาปีนป่ายเป็นนายกฯ ปีที่ 10-11 ร่วมกับพรรคขั้วอำนาจเดิม ภท.-ปชป. ตั้งเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย

ประเด็นคือท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองที่มีมานาน 15-16 ปี

น่าสนใจว่าชะตากรรมรัฐบาลเสียงข้างน้อยจะสั้นกุดเพียงใด

มันฯ มือเสือ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน