ดูท่าจะแน่นอนเสียแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเดินหน้าต่อไปในการเลือกตั้งครั้งหน้า
และคงไม่ใช่การร่วมทางกับพรรคพลังประชารัฐ ที่อุ้มชูเสนอชื่อมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ เมื่อการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว
โดยมีความเป็นไปได้สูงที่จะไปลงตัวที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ส่งคนสนิทอย่างเสกสกล อัตถาวงศ์ มาจดแจ้งพรรค และตอนนี้อยู่ในความดูแลของพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
ซึ่งความเป็นไปได้สูงนี้ ก็เป็นตัวดึงดูดบรรดานักการเมือง และส.ส.จากพรรคต่างๆ ให้เข้ามาร่วมงาน หวังหนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯอีกครั้ง
ซึ่งพรรคที่ถูกเจาะยางมากที่สุดก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นประชาธิปัตย์ พรรคเก่าของนายพีระพันธุ์นั่นเอง
ก็คงต้องว่ากันไปตามเกม และจุดยืนทางการเมืองของแต่ละคน
อย่างไรก็ตามการทิ้งพรรคพลังประชารัฐ ของพล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะตลอด 8 ปีที่ผ่านมาในตำแหน่งนายกฯ มีบุคคลเข้ามาแล้วก็ไปจำนวนไม่น้อย
ไม่ว่าจะเป็นม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ที่มาเป็นรองนายกฯคุมเศรษฐกิจตั้งแต่ยุคคสช. ก็ขัดแย้งจนปรับพ้นจากตำแหน่ง
Advertisement
ตามด้วยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มือเศรษฐกิจคนใหม่ พร้อมคณะที่ตั้งพรรคพลังประชารัฐมากับมือ อย่าง 4 กุมาร ทั้ง
นายอุตตม สาวนายน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล
เมื่อถึงเวลาหนึ่งก็ถูกปรับออก เทกโอเวอร์พรรคให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
พอพรรคพลังประชารัฐอ่อนล้า ประชาชนตั้งคำถามถึงนโยบายที่หาเสียงว่าทำไม่เคยได้ มีแต่ภาพลักษณ์ติดลบ
ก็ไม่แปลกที่จะต้องรีแบรนดิ้ง หาพรรคใหม่มาสนับสนุนค้ำจุน เปลี่ยนชื่อ แต่งตัว หวังว่าคนจะไม่รู้เท่าทัน
ทั้งที่สุดแล้วก็คือเหล้าเก่าในขวดใหม่ กลับมาเป็นก็เหมือนเดิมไม่มีอะไรแตกต่างจาก 8 ปีที่ผ่านมา
ดูแล้วไม่มีความหวังเลยว่าบ้านเมืองจะดีขึ้นมาได้อย่างไร หากยังใช้แนวทางแบบเดิมๆ
เป็นเรื่องที่ประชาชนต้องรับรู้และแสดงออกในการเลือกตั้ง ว่าจะเอาอย่างไร!!!
รุก กลางกระดาน