คณะกรรมการป.ป.ช.ประชุมพิจารณาคดีระบายข้าวจีทูจี ภาคสอง ชี้มูลความผิด พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ กับพวก ที่เป็นกลุ่มเอกชน ฐานสนับสนุนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

พร้อมชี้มูลความผิดทางวินัยร้ายแรงกับนางปราณี ศิริพันธุ์ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ แต่ไม่ชี้มูลอาญา เนื่องจากเห็นว่าเป็นการกระทำผิดในลักษณะประมาทเลินเล่อ ไม่ตรวจสอบสัญญาซื้อขายให้รอบคอบว่ารัฐวิสาหกิจจีน 4 แห่งที่มาซื้อข้าวนั้น ได้รับมอบหมายจากทางการจีนหรือไม่

สำหรับนักการเมืองที่ถูกกล่าวหาในคดี ในส่วนของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ที่ประชุมมีมติ 6 ต่อ 1 ให้กันตัวไว้เป็นพยาน จึงไม่ถูกชี้มูลความผิดในครั้งนี้

หลังจากที่ประชุมถกเถียงกันในประเด็นข้อกฎหมาย เนื่องจากกรรมการ ป.ป.ช.บางคน เห็นว่าการกันตัวนายบุญทรงไว้เป็นพยาน อาจไม่ชอบด้วยข้อกฎหมาย เนื่องจากเคยตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาและจำเลยคดีข้าวจีทูจี ภาคแรก

ส่วนผู้ถูกกล่าวหาคนสำคัญคือ นายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สองอดีตนายกฯ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีตแกนนำพรรคเพื่อไทย ที่ประชุมมีมติตีตกข้อกล่าวหา ด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ

เนื่องจากทั้ง 3 คนเคยตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาคดีระบายข้าวจีทูจี ภาคแรก และคณะกรรมการ ป.ป.ช.ขณะนั้นมีมติไม่แจ้งข้อกล่าวหา ดังนั้น การนำบุคคลทั้ง 3 รายมาแจ้งข้อกล่าวหาและพิจารณาอีกครั้ง เข้าข่ายไม่ชอบด้วยข้อกฎหมาย เป็นการฟ้องซ้ำ

อีกทั้งข้อกล่าวอ้างของนายบุญทรงที่ระบุว่า มี “เทปลับบันทึกการสนทนา” ที่โรงแรมแห่งหนึ่งระหว่างนายทักษิณ ที่โฟนอินเข้ามาหานายบุญทรง น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนางเยาวภา เพื่อสั่งการระบายข้าวจีทูจีนั้น

ปรากฏข้อเท็จจริงเป็นเพียงการกล่าวอ้างของนายบุญทรง “เทปลับ” ดังกล่าวไม่มีอยู่จริง จึงไม่มีพยานหลักฐานใหม่ที่จะนำตัวบุคคลทั้งสามมาพิจารณา จึงให้ข้อกล่าวหาตกไป

ซึ่งเรื่องน่าจบเท่านี้ แต่ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อเทปลับไม่มีจริง ผู้ที่กล่าวอ้างต้องมีความผิดข้อหาให้การเท็จต่อป.ป.ช. หรือความผิดฐานเจตนาใส่ร้ายผู้อื่นให้เสื่อมเสียชื่อเสียง หรือไม่

แต่หากกรณีนี้เกี่ยวข้องกับข้อต่อรองทางการเมืองในช่วงก่อนเลือกตั้ง ก็ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

มันฯ มือเสือ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน