ทิ้งหมัดเข้ามุม - จากม็อบพีมูฟ ถึงคิวสมัชชาคนจน

ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือพีมูฟ แถลงผลหารือร่วมกับร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ โดยภาพรวมน่าพอใจ 50 เปอร์เซ็นต์

โดยเฉพาะเรื่องเร่งด่วน คดีความชาวบ้าน ซึ่งเกิดจากนโยบายรัฐผิดพลาดเกี่ยวกับปัญหาที่ดินทำกิน สิทธิชุมชน สิทธิเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติ

ในระหว่างนี้ให้หยุดไว้ก่อน ยังไม่ดำเนินคดี

แกนนำพีมูฟหวังว่าร.อ.ธรรมนัส ในฐานะตัวแทนรัฐบาลจะนำข้อเรียกร้องไปสู่การตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาด้านต่างๆ

ที่สำคัญคือจะต้องเป็นมติที่ประชุมครม.รับรองด้วย

อีกประการคืออยากให้นายกฯ เศรษฐา มาพบพี่น้องประชาชนกลุ่มพีมูฟ เพื่อจะได้รับฟังปัญหาด้วยตนเอง ทราบถึงความเดือดร้อน

ด้านร.อ.ธรรมนัสก็ยืนยันนำข้อสรุปเข้าสู่ครม. โดยเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ปัญหาความเดือดร้อน มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เป็นประธาน

จากนั้นคณะกรรมการชุดใหญ่จะตั้งคณะอนุกรรมการในแต่ละด้านต่อไป

แม้รัฐบาลนี้ไม่ได้มีส่วนโดยตรงกับปัญหา แต่ก็นับว่าได้ตระหนัก จึงส่งตัวแทนมาเจรจา นำข้อเสนอเข้าที่ประชุมครม.

นอกจากพีมูฟแล้ว ยังมีชาวบ้านอีกกลุ่มในนาม “สมัชชาคนจน” ส่วนใหญ่เป็นคนยากจนภาคอีสาน

ส่วนมากได้รับความเสียหายจากการสร้างเขื่อน อาทิ เขื่อนราษีไศล เขื่อนหัวนา เขื่อนปากมูล เป็นต้น

ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านหลายรายสูญเสียโอกาสทางอาชีพ สูญเสียที่ดินทำกิน หลายครอบครัวล่มสลาย แม้รัฐจ่ายค่าชดเชยให้ แต่ก็ไม่เป็นธรรม กว่าจะได้มานั้นก็ต้องรวมตัวกันชุมนุมเรียกร้อง

เป็นปัญหาเรื้อรังหลายรัฐบาล กินเวลาเกือบ 30 ปี

ครั้งล่าสุดนี้ชาวบ้านรวบรวมเงินค่าเดินทาง ขนเสบียงอาหารมาปักหลักชุมนุมกรุงเทพฯ

“เราไม่ได้สนใจแม้กระทั่งว่าการเข้ามาเป็นรัฐบาลแต่ละชุดอาจจะไม่สง่างาม แต่ตราบใดที่ยังอยู่ในกติกาที่ยอมรับได้ เราก็ถือว่ารัฐบาลนั้นมีความชอบธรรมในการแก้ไขปัญหาให้สมัชชาคนจน

ในเมื่อรัฐบาลเศรษฐาเข้ามาทำหน้าที่ เราก็ได้พิจารณาเห็นแล้วว่าครม.ส่วนใหญ่ก็เป็นคนหน้าเดิมๆ ที่เคยเจอกันเมื่อ 10-20 ปีที่แล้วด้วยซ้ำไป” หนึ่งในถ้อยแถลงสมัชชาคนจนระบุ

หวังว่ารัฐบาลจะส่งตัวแทนลงไปพูดคุย นำปัญหา “คนจน” เข้าสู่โต๊ะเจรจาตั้งกรรมการแก้ปัญหาต่อไป

ข้าวตอกแตก