สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีไตรมาส 3 ว่าขยายตัว 1.5% ลดลงจากไตรมาสก่อนที่ขยายตัว 1.8%

สาเหตุมีหลายดัชนี ทั้งการส่งออกสินค้าที่หดตัวต่อเนื่อง 4 ไตรมาสติดต่อกัน นับจากไตรมาส 4 ของปี 2565 จนหล่นมาที่ -3.1% เช่นเดียวกับการอุปโภคภาครัฐบาล -4.9%

การลงทุนภาครัฐ -2.6% เนื่องจากงบประมาณรายจ่ายออกมาล่าช้า ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายงบการลงทุน

เมื่อรวมจีดีพี 9 เดือนแรกของปีนี้ จึงเติบโตที่ 1.9% เท่านั้น โดยไตรมาส 1 โต 2.6%, ไตรมาส 2 โต 1.8% และไตรมาส 3 โต 1.5%

ส่วนประมาณการจีดีพีของปี 2566 นั้นปรับลดตัวเลขเหลือ 2.5% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 2.5-3%

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง บอกว่ารู้สึกตกใจกับตัวเลขไตรมาส 3 เพราะคาดการณ์ว่าจีดีพี 9 เดือนแรกของปีน่าจะเห็นเลข 2

“ทุกอย่างก็จริงๆ แล้วเลวร้ายกว่าที่คิดไว้เยอะ” นายเศรษฐาระบุและยอมรับว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมา ส่งผลกระทบไปยังไตรมาสที่ 4 ปีนี้ด้วย โดยจะพยายามทำให้ตัวเลขดีขึ้น

นายเศรษฐายืนยันว่าหนึ่งในสิ่งที่รัฐบาลจะทำเพื่อให้ตัวเลขทางเศรษฐกิจดีขึ้นคือโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แจก 1 หมื่นบาท








Advertisement

“ผมว่าเราพูดกันเยอะแล้วนะครับ เราก็ทราบแล้วว่าขั้นตอนต่อไปเป็นอย่างไร และตัวเลขก็บ่งบอกชัดเจน ขอไม่ตอบเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จุดยืนชัดเจนครับ วิกฤตและจำเป็นครับ แหล่งเงินกู้ชัดเจนแล้วเป็นการออกบอนด์” นายเศรษฐาระบุ

อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าของโครงการนี้ พบว่ายังอยู่ที่กระทรวงการคลัง โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังระบุว่ากำลังดำเนินการ

ขณะที่คณะกรรมการกฤษฎีกาซึ่งจะเป็นผู้ชี้ว่าการกู้ยืมเงินโดยออกเป็นพระราชบัญญัติเพื่อนำมาใช้ในโครงการนี้ว่าสามารทำได้หรือไม่ นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกายืนยันว่ายังไม่ได้รับเรื่อง

การกระตุ้นการใช้จ่ายในระยะสั้นด้วยดิจิทัลวอลเล็ตจึงมีความสำคัญ ในช่วงที่งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ยังไม่ออก

ขณะที่ตัวเลขจีดีพีโตไม่ถึง 2 เปอร์เซ็นต์!!!

เภรี กุลาธรรม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน