สถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศไทยช่วงไฮซีซั่น ดูเหมือนจะไม่ค่อยคึกคักมากนัก
จากเดิมหวังว่านักท่องเที่ยวจีนและยุโรปจะบินเข้ามาจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่ถึงเป้าที่วางไว้
ช่วงนี้จึงเล็งไปที่นักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านเป็นหลัก
ก่อนหน้านี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง ที่พบปะหารือกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีที่ด่านศุลกากรสะเดา มีความพยายามร่วมกันที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนและการท่องเที่ยวระหว่างกันให้มากขึ้น
น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-3 ธ.ค.2566 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในไทยสะสมแตะระดับ 25 ล้านคน
สร้างรายได้จากการใช้จ่ายแล้วจำนวนทั้งสิ้น 1,067,513 ล้านบาท
ล่าสุด ระหว่างวันที่ 27 พ.ย.-3 ธ.ค. 2566 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย จำนวนทั้งสิ้น 594,034 คน
ลดลง 6.15% จากสัปดาห์ก่อนหน้า 38,902 คน เฉลี่ยวันละ 84,862 คน
สาเหตุเนื่องจากการชะลอตัวหลังเสร็จสิ้นการท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดต่อเนื่องในต่างประเทศ เช่น นักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ในวัน Labour Thanksgiving Day และนักท่องเที่ยวกัมพูชา ในช่วง Water Festival Ceremony Holiday
แต่นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ และรัสเซีย ก็ปรับเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 2.46% และ 0.51% ตามลำดับ
ส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ขยับเพิ่มขึ้นมาเป็นอันดับที่ 4 ขณะที่นักท่องเที่ยวอินเดีย มาเลเซีย และจีนปรับตัวลดลง 6.69%, 3.39% และ 1.52% ตามลำดับ
สำหรับ 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวไทย ได้แก่ มาเลเซีย เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยมากที่สุดจำนวน 76,855 คน รองลงมา ได้แก่ จีน จำนวน 76,843 คน รัสเซีย จำนวน 42,439 คน เกาหลีใต้ จำนวน 37,739 คน และอินเดีย จำนวน 35,747 คน
อย่างไรก็ดี รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวสองทาง เพื่อให้จำนวนนักท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ อาทิ ไทยและมาเลเซีย ไทยและเวียดนาม และไทยและลาว
ปีหน้าเล็งโปรโมตเทศกาลสงกรานต์โดยจะจัดอีเวนต์ขึ้นทั้งเดือนอย่างหลากหลายในหลายจังหวัด
หวังจะเป็นอีก “ซอฟต์พาวเวอร์” กระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
เภรี กุลาธรรม