รองนายกฯ ภูมิธรรม เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ มีผู้บริหารระดับกระทรวงสาธารณสุขร่วมหารือ และมี 2-3 ประเด็นน่าสนใจ
อย่างแรกคือเห็นชอบแนวทางควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 กำหนดรณรงค์ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ
เพื่อให้ประชาชนเดินทางอย่างปลอดภัย เตรียมความพร้อมแต่เนิ่นๆ ป้องกันอุบัติเหตุตายเจ็บช่วงหยุดยาวติดต่อหลายวัน
ดังที่ทราบกันดีในทุกเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา ท่องเที่ยว พักผ่อน เฉลิมฉลอง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนจำนวนมาก
เป็นเรื่องดีที่รัฐบาลตระหนักจัดเตรียมรับมือลดความสูญเสียทั้งทรัพยากรบุคคล งบประมาณค่ารักษาพยาบาล เพราะแต่ละเทศกาลสูญเสียคราวละไม่น้อย
อีกเรื่องคือเห็นชอบมาตรการรองรับขยายเวลาเปิดสถานบริการบันเทิงกลางคืนได้ถึงตี 4 เพื่อลดผลกระทบทางสังคม
โดยเฉพาะอุบัติเหตุที่เป็นผลสืบเนื่องจากการดื่มเหล้าเบียร์ ส่งผลต่อการบังคับควบคุมรถยนต์ขณะกลับบ้าน หรือที่พัก
กรณีนี้สืบเนื่องจากรัฐบาลอนุญาตสถานบันเทิงในพื้นที่นำร่อง 5 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต ชลบุรี เชียงใหม่ และเกาะสมุย สุราษฎร์ธานี เปิดได้ถึงตี 4 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน ช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ยังไม่ฟื้นตัวดีจากวิกฤตโควิด
โดยจะเข้มงวดบังคับใช้พ.ร.บ.สถานบริการ และพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
นอกจากห้ามขายให้แก่บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี ยังรวมถึงบุคคลที่มึนเมาจนครองสติไม่ได้ และผู้ใช้บริการที่เป็นผู้ขับขี่ทุกรายนั้นให้สถานบริการตรวจวัดแอลกอฮอล์ ก่อนอนุญาตให้ขับขี่ออกจากสถานบริการ
หากตรวจพบระดับแอลกอฮอล์สูงกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ให้สถานบริการจัดหาที่พักคอยอำนวยความสะดวกเพื่อรอให้ระดับแอลกอฮอล์ลดลง จึงอนุญาตให้ขับขี่ออกจากสถานบริการ
หรือกรณีแอลกอฮอล์สูงเกินแล้วไม่ยินยอมพักคอย ก็ให้สถานบริการประสานให้เพื่อนหรือญาติขับแทน หรือจัดรถสาธารณะส่งกลับบ้าน โดยคิดค่าบริการจากผู้ใช้บริการ
ภาพรวมถือเป็นเรื่องดี แต่ในทางปฏิบัติและการบังคับใช้จะทำได้จริงหรือไม่ยังมีคำถามอยู่
เป็นการบ้านที่รัฐบาลต้องนำไปขบคิดต่อไป เพื่อรองรับการเปิดสถานบริการถึงตี 4 เป็นไปอย่างราบรื่น ลดผลกระทบให้น้อยที่สุด
ข้าวตอกแตก