โควิด-19 กลับมาระบาดอีกครั้ง โรงพยาบาลหลายแห่งต้องจัดคลินิกโรคระบบทางเดินหายใจแยกมาต่างหาก
ไม่ปะปนกับผู้ป่วยอื่นที่เข้ารับการรักษา อันเป็นมาตรการป้องกันและควบคุมโรค
แม้จะยังไม่พบผู้ป่วยอาการหนัก แต่ก็ต้องเฝ้าระวังในผู้ป่วยกลุ่ม 608 และหญิงตั้งครรภ์
นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และเครือข่ายห้องปฏิบัติการ ติดตามสถานการณ์สายพันธุ์เชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ในประเทศไทยมาตั้งแต่ต้นปี 2565
พบสายพันธุ์โอมิครอน BA.1, BA.2, BA.4, BA.5 และสายพันธุ์ย่อยอื่นๆ ปัจจุบันโอมิครอนเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่กระจายอยู่
ล่าสุด องค์การอนามัยโลก ยังให้ความสำคัญเฝ้าติดตามโอมิครอนจำนวน 10 สายพันธุ์
พร้อมส่งสัญญาณเตือนว่าสายพันธุ์ JN.1 ต้องเฝ้าระวัง
นพ.ยงยศกล่าวต่อว่า สถานการณ์ภาพรวมทั่วโลกของสายพันธุ์ที่เฝ้าระวัง จากฐานข้อมูลกลางจีเสด (GISAID) รอบสัปดาห์ที่ 48 ระหว่างวันที่ 27 ต.ค.-3 ธ.ค.2566 พบ EG.5 มากที่สุดในสัดส่วนร้อยละ 36.3
ถัดมาคือ JN.1 พบสัดส่วนร้อยละ 27.1 โดย EG.5 มีอัตราการพบที่ค่อยๆ ลดลง ในขณะที่ JN.1 ซึ่งได้เปรียบในการเติบโตและคุณลักษณะหลบภูมิคุ้มกัน มีอัตราการพบเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สายพันธุ์ JN.1 เริ่มพบในประเทศไทยตั้งแต่เดือนต.ค.2566 และเพิ่มมากขึ้นในเดือนธ.ค.2566
มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นสายพันธุ์ระบาดหลักแทนที่ XBB.1.9.2
แม้ปัจจุบันโควิด-19 จะลดระดับความรุนแรงมาเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว แต่ประชาชนจะต้องเข้มงวดกับมาตรการดูแลสุขภาพตัวเองต่อไปอีกระยะ
การป้องกันตนเองตามมาตรการด้านสาธารณสุข ยังใช้ได้กับทุกสายพันธุ์
นอกจากนี้ ยังมีไข้หวัดใหญ่โรคระบบทางเดินหายใจที่กลับมาระบาดในช่วงนี้เช่นกัน ดังนั้นจะต้องระมัดระวังมากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อและล้มป่วย
ยิ่งระยะนี้ ภาวะฝุ่นขนาดเล็กพีเอ็ม 2.5 กลับมาฟุ้งในเกือบทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ก็ยิ่งต้องป้องกันด้วยเช่นกัน
หลีกเลี่ยงออกไปในที่กลางแจ้งช่วงฝุ่นหนาแน่น สวมหน้ากากอนามัยเสมอเมื่อออกไปนอกบ้าน ก็ช่วยลดไม่ให้ได้รับผลกระทบ!!
เภรี กุลาธรรม