สัปดาห์ที่แล้วกองเชียร์ก้าวไกลได้เฮก่อนจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคดีหุ้นไอทีวี
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้กลับเข้าสภาทำหน้าที่ สส. ครั้งแรกในรอบ 6 เดือน
สัปดาห์นี้ลุ้นระทึกกันต่อกับคดีใหญ่กว่า
กรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยวันพุธ 31 ม.ค. ว่าการกระทำของนายพิธา และพรรคก้าวไกล ที่เสนอร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
โดยใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง และยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือไม่
คดีนี้ก็เหมือนกับคดีอื่นทั่วไป คำวินิจฉัยตัดสินออกได้สองหน้าทั้งบวกและลบ
บวกสุดคือ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการกระทำของพรรคก้าวไกล หาเสียงผลักดันแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ไม่เข้าข่ายการล้มล้างการปกครอง เรื่องก็จบ พรรคก้าวไกลก็ทำอย่างที่เคยทำต่อไปได้
Advertisement
หากผลลัพธ์ออกมาในทางตรงข้าม พรรคก้าวไกลก็ต้องหยุดการกระทำนั้น กล่าวคือนับจากนี้ห้ามหาเรื่องแตะต้อง ตอแยกับกฎหมายมาตรา 112 อีก
กระนั้นก็ตามสิ่งที่กองเชียร์ก้าวไกลเป็นกังวลไม่ได้อยู่ตรงนั้น
อย่างที่รู้กันในคำร้องจำกัดขอบเขตแค่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งก้าวไกลหยุดการกระทำ ไม่ได้ขอให้มีคำสั่งยุบพรรค
แต่มุมที่แฟนคลับด้อมส้มห่วงกว่าก็คือ หากศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า “พิธา-ก้าวไกล” มีพฤติกรรมเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง
ก็เชื่อว่าจะมีมือไม้การเมืองฝ่ายอนุรักษนิยม ที่จ้องเตะตัดพรรคก้าวไกลมาตลอด ตั้งแต่ยังเป็นพรรคอนาคตใหม่
ฉวยเอาคำวินิจฉัยนี้ไปเป็นหัวเชื้อสารตั้งต้น ปูทางเข้าสู่กระบวนการยื่นร้องต่อ กกต. ส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง “ยุบพรรค” ภายหลัง
ชะตากรรมพรรคก้าวไกลยุค “พิธา-ชัยธวัช” จะซ้ำรอยพรรคอนาคตใหม่ยุค “ธนาธร-ปิยบุตร” หรือไม่ เป็นฉากต่อสู้ใหม่ที่ต้องลุ้นกันอีกยาว
กระนั้นก็ตามดูเหมือนแกนนำก้าวไกลไม่กังวลกับประเด็นนี้มากนัก ด้วยมั่นใจว่าหากโดนยุบพรรคจริง
เลือกตั้งครั้งหน้า “พรรคส้มเวอร์ชั่น 3” จะแลนด์สไลด์ ส้มทั้งแผ่นดินยิ่งกว่าเดิม
มันฯ มือเสือ