การกลับสู่บ้านจันทร์ส่องหล้าของ “ทักษิณ” เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไม่จบสิ้น อย่างน้อยใน 2 ประเด็น

ประเด็นแรก คือ การพักโทษทักษิณ เป็นทำลายกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ หากไม่ได้ป่วยหนักจริงอย่างที่มีภาพออกมาทั้งในวันออกจาก ร.พ.ตำรวจ และวันที่นั่งวีลแชร์เข้าพบอัยการ

คนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นนี้ ส่วนมากเป็นนักการเมืองหรือกลุ่มคนที่มีอคติกับทักษิณเป็นทุนเดิม

ซึ่งจริงๆ ผู้ตั้งข้อสงสัยไม่ว่า สส.ฝ่ายค้าน หรือ สว.ใกล้หมดอายุ ยังมีเวลาพอก่อนปิดสมัยประชุมสภาเดือนเม.ย. ในการใช้สภาเป็นเวทีตรวจสอบ ยื่นกระทู้ถาม เปิดอภิปรายทั่วไป หรือกระทั่งเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากเห็นว่ารัฐบาลใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือเอื้อประโยชน์ให้อดีตนายกฯ ได้รับการพักโทษ

ดีกว่าออกมาพูดชี้นำสังคมให้ไขว้เขว ทำเหมือนตัวเองเป็นหมอ หรือผู้เชี่ยวชาญโรคภัยไข้เจ็บ

ส่วนประเด็น 1 ประเทศ 2 นายกฯ ฟังแล้วก็เป็นแค่จินตนาคาดเดา ยังไม่มีข้อเท็จจริงใดๆ ปรากฏว่าศูนย์อำนาจบริหารประเทศย้ายจากทำเนียบไปอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้า

แน่นอนเรื่องนี้หากคิดก็คิดได้ เพราะทักษิณ เป็นอดีตนายกฯ ผู้มากบารมี เคยได้รับความนิยมมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เป็นผู้มีประสบการณ์ความรู้ความสามารถในการบริหารประเทศ และธุรกิจ

เป็นอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทยที่เคยชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ก่อนสืบสายพันธุ์มาเป็นพรรคเพื่อไทยปัจจุบัน มี “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ลูกสาวเป็นหัวหน้าพรรค

อย่างไรก็ตามทั้งหมดก็ไม่ได้ทำให้เรื่อง 2 นายกฯ เป็นจริงขึ้นมาอยู่ดี

เพราะตอนนี้นายกฯ ตัวจริงยังคงมีเพียงหนึ่งเดียว คือ “เศรษฐา ทวีสิน” ที่ไม่สะท้านกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของกลุ่มคนที่พยายามจะด้อยค่า

ไม่ต่างจากที่มีคนเคยวิจารณ์ “ชัยธวัช” ไม่ใช่หัวหน้าพรรคก้าวไกลตัวจริง ตัวจริงคือ “พิธา” บ้างก็ว่าเป็น “ธนาธร”

หรืออย่างพรรคภูมิใจไทย คนก็ยังสับสน “หนู” กับ “ครูใหญ่” ใครคือผู้นำพรรคตัวจริง เช่นเดียวกับพลังประชารัฐ ที่คนยังเชื่อว่าตัวจริงเสียงจริงคือ “ป.ป้อม” ไม่ใช่ “ป.ป๊อด”

สถานการณ์น่าอิหลักอิเหลื่อแบบนี้ มีจังหวะเกิดขึ้นได้กับทุกพรรค

แม้บางเรื่องจะเป็นเพียงจินตาการล้วนๆ แต่บางเรื่องก็เป็นจินตาการที่มีข้อเท็จจริงผสมอยู่ด้วยเช่นกัน

มันฯ มือเสือ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน