ตามติดคืบหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งถูกตั้งคำถามว่าเงิน 10,000 บาทจะหมุนไปที่ใด หมุนเข้าร้านสะดวกซื้อใหญ่ๆ แล้วไปจบในกระเป๋าเจ้าสัว หรือไม่

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ป้ายแดง อธิบายให้เข้าใจแบบง่ายๆ ว่า นโยบายนี้จะสร้างพายุหมุน 4 ลูกทางเศรษฐกิจ กระจายเงิน 10,000 บาทไปสู่ประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไป 50 ล้านคน ส่งผลให้เม็ดเงิน 500,000 ล้านบาทเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ

ลูกแรก จากประชาชนสู่ร้านค้า เมื่อประชาชนซื้อสินค้าในร้านค้า ภายใต้เงื่อนไขคือ ใช้เงินภายใน 6 เดือน และใช้ในอำเภอตามบัตรประชาชน เม็ดเงินจะถูกอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว กระจายไปใน 878 อำเภอทั่วประเทศพร้อมกัน

ลูกที่สอง จากร้านค้าสู่ร้านค้า ผู้ค้ารายย่อยยังไม่สามารถขึ้นเงินได้ทันที ต้องนำไปใช้อีก 1 รอบ สร้างพายุหมุนขนาดใหญ่อีก 1 ครั้ง รอบนี้ระหว่างร้านค้ากับร้านค้าสามารถใช้ได้กับทุกร้านทั่วประเทศทั้งขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ข้ามจังหวัด ข้ามภาคได้

ลูกที่สาม จากร้านค้าสู่ภาคการผลิต เมื่อประชาชนซื้อของในร้านค้า ก่อให้เกิดการผลิต และการจ้างงาน

ยกตัวอย่าง ซื้อกล้วยตาก 1 ถุง ใน 1 ถุง ประกอบด้วย กล้วยที่ต้องผลิตเพิ่มขึ้น รายได้ชาวสวนก็เพิ่มขึ้น ต้องมีบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตในโรงงาน ต้องจ้างแรงงาน รายได้แรงงานก็เพิ่มขึ้น รายได้ชาวสวนและแรงงานที่เพิ่มขึ้นจะนำกลับไปซื้อสินค้าในร้านค้า เกิดการหมุนเช่นนี้หลายรอบ

ลูกที่สี่ พายุด้านเทคโนโลยี คือการกระจายเงินผ่านเทคโนโลยีขั้นสูง ผ่านระบบชำระเงินที่สร้างขึ้นใหม่ผ่านแอพพลิเคชั่น สถาปัตยกรรมยืนยันตัวตน และพุ่งเข้าสู่ซูเปอร์แอพที่สร้างขึ้นใหม่ ต่อยอดได้ในอนาคต ที่ประชาชนใช้ได้ง่ายดาย ร่วมกับทุกแอพพลิเคชั่นทุกธนาคาร

“พายุทั้ง 4 ลูกรวมเป็นพายุหมุนก้อนใหญ่ กระแทกไปในระบบเศรษฐกิจ ปลุกระบบเศรษฐกิจไทย ชุบชีวิตเศรษฐกิจไทยขึ้นมาใหม่อีกครั้ง” รมช.คลังป้ายแดง ระบุ

ขณะที่ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน กล่าวกับชาวบ้านและสื่อมวลชน ระหว่างลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.มหาสารคาม และร้อยเอ็ด ช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ยืนยันว่า เงิน 10,000 บาทได้แน่ในไตรมาส 4 ปีนี้

มันฯ มือเสือ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน