“รุก กลางกระดาน”

ถือเป็นคำพิพากษาที่น่าสนใจ สำหรับกรณีที่ศาลอาญาพิพากษาในคดีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรอง นายกฯ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ

ในข้อหาหมิ่นประมาทจากการแถลงกรณีที่ส่งเรื่องทุจริตก่อสร้างโรงพัก 396 แห่งให้ป.ป.ช.พิจารณาความผิด

แถมฟ้องพ่วงสื่อมวลชนที่ทำหน้าที่ เผยแพร่ข่าวสารอีก 2 ฉบับ

โดยคำพิพากษาที่ออกมาชัดเจนว่ากรณีดังกล่าวถือเป็นการติชมโดยสุจริต เป็นธรรมตามวิสัยของวิญญูชน

รวมทั้งจำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนที่จะกลั่นแกล้งโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย

นอกจากนี้ในเนื้อหาคำพิพากษา ยังระบุอีกว่า จากการนำสืบได้ความว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ดำเนินการตามมติครม. และความเห็นของสำนักงบประมาณ ในการ ทำสัญญาก่อสร้างโรงพักทั้ง 396 แห่ง

โดยการรวมสัญญาเดียวกัน เลิกการประมูลราคาแยกรายภาค

ต่อมาบริษัทที่รับงานก็ไม่สามารถก่อสร้างโรงพักได้เสร็จตามสัญญา

ซึ่งนายสุเทพเองก็เบิกความยอมรับว่าได้เห็นชอบให้ดำเนินการดังกล่าว จึงเชื่อว่า ไม่ได้เป็นการกระทำตามมติครม. และระเบียบสำนักนายกฯ

กรณีที่อธิบดีดีเอสไอ เห็นว่าอาจเข้าข่าย ประพฤติมิชอบตามมาตรา 157 และ รับเป็นคดีพิเศษ และส่งให้ป.ป.ช.พิจารณา จึงอยู่ในอำนาจหน้าที่

ชัดเจนในระดับหนึ่ง

ส่งผลให้เกิดคำถามตามมาอีกว่า หากการ ยื่นเรื่องให้ป.ป.ช.พิจารณาเป็นการทำตามอำนาจหน้าที่

ซึ่งยื่นให้ป.ป.ช.ตรวจสอบตั้งแต่ต้นปี 2556

ซึ่งไม่ถือว่าเป็นคดีที่ซับซ้อน ทั้งการเปลี่ยนแปลงคำสั่งจากแยกประมูลรายภาค เป็นประมูลรวมทั่วประเทศ

หนำซ้ำหลังจากที่หมดสัญญาก่อสร้าง โรงพักทั้งหมดก็ก่อสร้างไม่เสร็จ บางแห่งมีแค่เสา

บางแห่งมีแต่ซากตึกเก่าที่ทุบทิ้ง ต้องไป อาศัยใต้ถุน ซอกตึก ทำงานบริการประชาชน เป็นที่สะทกสะท้อนจิตใจตำรวจทั่วประเทศ

บัดนี้ผ่านมา 5 ปี ถือเป็นผีทางจริยธรรมที่คอยหลอกหลอน

หากคดีที่ชัดเจนเช่นนี้ ไม่มีใครต้องรับผิดชอบ

ก็ไม่รู้ว่าต้องมีป.ป.ช.ไว้ทำไม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน