การมีวิสัยทัศน์ยาวไกลคือวิสัยของผู้เจริญ มองโลกมองเราแล้วเล่นให้เป็น อยู่ให้เย็น
พฤศจิกายนอีก 4 เดือนข้างหน้า สหรัฐอเมริกาจะเลือกตั้งประธานาธิบดี
ผู้นำคนใหม่ของชาติมหาอำนาจหมายเลข 1 โลกคือใคร? เชื่อว่าประเทศต่างๆ คาดการณ์ วางแผนกำหนดนโยบายกันแล้ว
ไทยเราก็เช่นกัน ทั้งรัฐบาล ภาคเอกชน วางแผนกางพิมพ์เขียวรอรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นและเป็นไป
ตั้งสมมติฐานแบบใกล้เคียงความจริงมากที่สุด ถ้าโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้มีคะแนนนิยมทิ้งห่างทุกวันได้คัมแบ๊กทำเนียบขาว อเมริกาจะปรับเปลี่ยนนโยบายชนิดกลับหัวกลับหางกับยุคโจ ไบเดน
สร้างพลังอำนาจด้วยลมเย็นๆ เน้นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเงินทอง
ลดการสนับสนุนประเทศพันธมิตรทำศึกสงคราม ไม่เข้าไปยุ่งเต็มตัวกับความขัดแย้งประเทศอื่น
สงครามรัสเซีย-ยูเครน อิสราเอล-ฮามาส หรือแม้แต่การสู้รบระหว่างรัฐบาลทหารพม่ากับนานากลุ่มชาติพันธุ์ มีแววลดดีกรีหรี่ไฟ
ไทยเราทำงานล่วงหน้าได้เลยเรื่องเพื่อนบ้านด้านตะวันตก เราสามารถใช้เป็นเวทีแสดงศักยภาพด้านการต่างประเทศ สร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจการค้าการลงทุน
ด้านสังคม-ความมั่นคงได้โอกาสทำงานเชิงรุกแก้ปัญหาหมักหมมเรื่องยาเสพติด ค้ามนุษย์ อาวุธสงคราม ของเถื่อน ฯลฯ
รวมถึงภัยใหม่โลกปัจจุบัน อาชญากรรมทางเทคโนโลยี แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีฐานบัญชาการใหญ่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้านข้างเคียง
ภาพไทยแลนด์สวมบทเจ้าภาพใหญ่ ดับไฟสงครามเขมร 3-4 ฝ่ายเมื่อ 40 ปีก่อน นึกถึงตอนไหนก็ชื่นใจตอนนั้น ?
ถ้าได้แสดงนำอีกครั้ง ช่วยดับไฟสงครามภายในพม่า เกี่ยวแขนผู้นำทหารพม่าขึ้นโต๊ะเจรจากลุ่มชาติพันธุ์หาทางออกทางลงให้ทุกฝ่าย
ชื่อไทยแลนด์ได้กลับคืนสู่จอเรดาร์โลกอย่างเต็มภาคภูมิ ยุทธศาสตร์ “ฮับ” ทั้งหลายทั้งปวงได้แล่นฉิว
นายกฯ เศรษฐา รมว.ต่างประเทศมาริษ และบรรดาผู้เกี่ยวข้อง
ช่วยๆ กันทำให้สำเร็จ ?!
นายเจ็ดอักษร