วันจันทร์ที่ 4 พ.ย.นี้จะได้ประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย คนใหม่

ผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าคัดเลือก กระทรวงการคลังเสนอชื่อ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อีก 2 ชื่อเสนอโดย ธปท. ได้แก่ นายกุลิศ สมบัติศิริ และนายสุรพล นิติไกรพจน์

ประวัติพอสังเขป 3 แคนดิเดต นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อายุ 66 ปี ปริญญาตรีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ, ปริญญาโท สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ จุฬาฯ

ประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจการเงินการคลัง ผ่านตำแหน่งกรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์, รองนายกรัฐมนตรี, รมว.คลัง และรมว.พาณิชย์

นายกุลิศ สมบัติศิริ อายุ 61 ปี ปริญญาตรีรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปริญญาโทรัฐประศาสนศาสตร์จาก San Diego State University และบริหารธุรกิจจาก University of Southern California ประเทศสหรัฐอเมริกา

รับราชการกระทรวงการคลังไต่เต้าถึงอธิบดีกรมศุลกากร ย้ายข้ามกระทรวงมานั่งปลัดกระทรวงพลังงานจนเกษียณอายุ

นายสุรพล นิติไกรพจน์ อายุ 64 ปี นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโทและปริญญาเอก (เกียรตินิยม) สาขากฎหมายมหาชน มหาวิทยาลัย Robert Schuman ประเทศฝรั่งเศส

นักวิชาการผ่านตำแหน่งคณบดีคณะนิติศาสตร์ ก่อนนั่งเก้าอี้อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจการเงินการคลังของประเทศเวลานี้ สำคัญอย่างยิ่งที่แบงก์ชาติกับรัฐบาลควรก้าวเดินเคียงข้างกัน แลกเปลี่ยนกันและกันอย่างมืออาชีพ ปราศจากอคติส่วนตัวอีโก้ส่วนตน

กระแสวิพากษ์วิจารณ์การเมืองแทรกแซงนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้ง 3 แคนดิเดตต่างเกี่ยวข้องกับการเมือง ประวัติชีวิต-การงานทำอะไรไว้รับรู้กันดี

ไม่ว่าจะเลือกใครก็ไม่พ้นการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นขอให้เลือกคนมีความรู้ความสามารถนำแบงก์ชาติเป็นหลักในการกำหนดนโยบายการเงิน รักษาเสถียรภาพการเงิน กำกับสถาบันการเงิน

ในแวดวงผู้รอบรู้ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คนที่มาแรงที่สุดน่าจะเป็นนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ด้วยคุณสมบัติผ่านการเป็นผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ รัฐมนตรีคลัง รัฐมนตรีพาณิชย์ ครบพร้อม มากประสบการณ์

พูดง่ายๆ ว่า ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ต้องมีวิสัยทัศน์ ประสานความร่วมมือกับรัฐบาลดีกว่าตั้งป้อมกั้นกำแพง เพราะต่างมีจุดหมายเหมือนกัน การเงินการคลังเสถียรภาพมั่นคง

นายเจ็ดอักษร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน