นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ยกคณะไปตรวจเยี่ยมเกาะกูด แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ทะเลตะวันออก จ.ตราด
เป็นความต่อเนื่องจากที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ไปตรวจเยี่ยมกำลังพลกองทัพเรือ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เป็นปกติอยู่ที่นั่น
รวมถึงสร้างความมั่นใจให้แก่สังคม เกาะกูดเป็นดินแดนของไทย เป็นที่รับทราบกันอย่างดีทั้งไทย-กัมพูชา และชาวบ้านที่นั่น
เช่นเดียวกับการไปของคณะนายอนุทิน มท.1 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว และยังไปดูเรื่องความเป็นอยู่ การทำมาหากินของชาวเกาะกูด
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ระบบไฟฟ้า น้ำประปา ตลอดจนปัญหาเอกสารสิทธิที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัย
ถ้าปรับปรุงแก้ไขสิ่งเหล่านี้ให้ดีขึ้น ก็จะช่วยส่งเสริมชีวิตความเป็นอยู่ผู้คนที่นั่น และเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว
การไปตรวจเยี่ยมเกาะกูดของบุคคลระดับสูงในรัฐบาล น่าจะช่วยคลายความกังวลใจให้แก่ชาวจังหวัดตราด คนเกาะกูด ผู้ประกอบการท่องเที่ยว และนักท่องเที่ยว
เนื่องจากยังมีกลุ่มอนุรักษนิยมสุดโต่ง กลุ่มความคิดเก่าที่ปรับตัวไม่ได้กับยุคสมัย เคลื่อนไหวขยายความเอ็มโอยู 2544 ไทย-กัมพูชา ให้บานปลายเลยเถิดไปจากข้อเท็จจริง โดยอ้างถึงการสูญเสียดินแดน
ทั้งยังปล่อยข่าวบิดเบือน ข่าวเท็จ หรือเฟกนิวส์ ในทำนองมีความตึงเครียดทางทหารที่เกาะกูด หรือนักท่องเที่ยวไม่มั่นใจสถานการณ์ จึงยกเลิกไปเที่ยว
ล่าสุดรัฐบาลแถลงยืนยันไม่เป็นความจริง ไม่มีการเสริมกำลังทหารของทั้ง 2 ฝ่าย ไม่มีการอพยพ
แต่สภาพความเป็นจริง การทำมาหากิน การท่องเที่ยวเป็นไปตามปกติ และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นด้วย เพราะขณะนี้เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น
ขณะที่กลุ่มปล่อยข่าวเท็จจริง เฟกนิวส์ ก็สุ่มเสี่ยงทำผิดกฎหมาย
ถ้าจะว่าไปแล้ว กรณีเอ็มโอยู 2544 เขตแดนประเทศ ในความรับรู้ของประชาชนสมัยใหม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว
ส่วนใหญ่มีมุมมองเรื่องรัฐชาติ ดินแดน และความรักชาติ ที่แตกต่างไปจากคนรุ่นก่อน
การจุดประเด็นเรื่องสูญเสียดินแดน ความรักชาติอย่างขาดสติ จึงเป็นเรื่องของคนไม่กี่คน และไม่กี่กลุ่มที่ยังปรับตัวไม่ได้
นอกจากปล่อยมุขแป้กแล้ว ยังปล่อยเฟกนิวส์อีก
ข้าวตอกแตก