เข้าสู่สัปดาห์เทศกาลตรุษจีน ปีนี้วาระพิเศษครบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน

50 ปีก่อน นายกฯ “คึกฤทธิ์ ปราโมช” ไปเยือนปักกิ่ง เข้าคารวะ “ประธานเหมา” ถือเป็นวันประวัติศาสตร์

ถ้าไม่เปิดสัมพันธ์กับจีนเวลานั้นมีคำว่า “แดง” ต่อท้าย ไม่รู้วันนี้ประเทศไทยจะอยู่สภาพไหน ?

พ.ศ.2518 ข้างบ้านย่านอินโดจีนกลายเป็นสีแดงเข้ม เขมรแดงยึดพนมเปญ ปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ฉบับพอลพต เวียดนามเหนือบุกไซ่ง่อนรวมชาติสำเร็จ ปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ฉบับมาร์กซ์-เลนิน ลาวแดงล้มราชอาณาจักรลาว เลิกสถาบันกษัตริย์

ประเทศไทยถูก “ทฤษฎีโดมิโน” หลอกหลอนจนหวาดระแวง

วอร์รูมทำเนียบ-กองทัพ-บัวแก้วระดมสมองได้บทสรุป ต้องไปเจริญสัมพันธไมตรี “จีนแดง”

จีนเวลานั้นคือประเทศคอมมิวนิสต์ เบอร์ 2 เป็นลูกพี่พอลพต เป็น “แดง” คนละเฉดกับเวียดนาม-ลาวที่อยู่ค่ายคอมมิวนิสต์ใหญ่เบอร์ 1 “โซเวียต”

รมว.ต่างประเทศ “ชาติชาย ชุณหะวัณ” ส่งทูตหนุ่ม “อานันท์ ปันยารชุน” ปูทางล่วงหน้า

1 ก.ค.2518 “นายกคึกฤทธิ์” เดินทางไปจีน ได้พบ “นายกโจวเอินไหล” ต่อด้วย “ประธานเหมา” ม่านไม้ไผ่เปิดรับไมตรีจากเมืองไทย

เพียงแค่ 5 ปีมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย เมื่อจีนไทยใช่อื่นไกลพี่น้องกัน นายพลเวียดนามประกาศจะบุกยึดกรุงเทพฯ ใน 2 ชั่วโมง ก็เป็นได้แค่คำคุย

สงครามภายในบ้านเราดับมอด วางอาวุธออกจากป่าเขามาร่วมพัฒนาชาติ หลังจากจีนปิด “สถานีวิทยุเสียงประชาชน” กระบอกเสียงสำคัญของคอมมิวนิสต์ไทย ตามคำร้องขอของทางการไทย และถอนการสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์ไทยในที่สุด

50 ปีก่อนต้องเปิดสัมพันธ์จีน เพื่อเพิ่มพลังการเมืองการปกครองทั้งภายในภายนอก ซึ่ง ณ เวลานั้น “สงครามร้อน-สงครามเย็น” เดือด-ยะเยือกระดับพลิกฟ้า-คว่ำแผ่นดินได้เลย?!

ตลอด 50 ปีความสัมพันธ์ “ไทย-จีน” เรียนรู้กันและกัน พญามังกรจีนผงาดขึ้นชั้นมหาอำนาจโลก ส่วนไทยขึ้นๆ ลงๆ ประชาธิปไตยพาก้าวหน้าก็ถูกรัฐประหารฉุดถอยหลัง

วันนี้ไทยหมดห่วงเรื่องภัยสงคราม คบหาจีนที่มีพลเมืองพันกว่าล้าน เข้ามาท่องเที่ยวเมืองไทยมากอันดับ 1 ขณะเดียวกันก็มีด้านมืดแอบแฝงสร้างความเสียหาย

2 ประเทศต้องจับมือร่วมแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ

มหาภัยโลกปัจจุบัน ??!

นายเจ็ดอักษร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน