ต้องยอมรับการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีส่วนสร้างความน่าสนใจอย่างมาก

ที่ผ่านมา ลงพื้นที่ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของผู้สมัครพรรคเพื่อไทยหลายจังหวัด แต่ละแห่งบรรยากาศคึกคัก มีผู้มาฟังการปราศรัยหนาแน่น

สร้างความสำเร็จมาแล้วจากนายกอบจ.อุดรธานีและอุบลราชธานี

ครั้งนี้เพื่อไทยส่งผู้สมัครในนามพรรครวม 16 จังหวัด ประเมินว่าจะชนะการเลือกตั้งอย่างน้อย 13-14 จังหวัด

สนามใหญ่อย่างเช่น นครราชสีมา เชียงใหม่ เชียงราย หนองคาย ลำพูน นครพนม ที่นายทักษิณลงไปช่วยหาเสียงจะแพ้ไม่ได้

น่าเสียดายที่บางจังหวัด เช่น สกลนคร ดันมาแข่งขันกันเอง

ส่วนพรรคประชาชน ส่งผู้สมัครรวม 17 จังหวัด โดยหวังชนะในพื้นที่ที่ได้สส.ยกจังหวัด

เช่น ภูเก็ต ระยอง ตราด จันทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และนนทบุรี

นอกจากนี้ ยังมีหวังในพื้นที่สุราษฎร์ธานีด้วย

พรรคภูมิใจไทยแม้ไม่ออกหน้า แต่หนุนหลังบ้านใหญ่อย่างที่ศรีสะเกษและเชียงราย

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงการเลือกตั้งนายกอบจ.และส.อบจ.ในวันที่ 1 ก.พ.นี้ว่าภาพรวมคำร้องทั่วประเทศจะไม่สูงเท่าการเลือกตั้งเมื่อปี 2563

ในการปฏิบัติงานของกกต.มีชุดเคลื่อนที่เร็ว และมีหมู่บ้านไม่ขายเสียง เพื่อป้องกันและปรามไม่ให้เกิดการกระทำผิด ซื้อเสียง แต่ถ้ามีผู้ใดให้เบาะแสก็สามารถทำได้ เพราะกกต.เรามีระบบคุ้มครองพยาน หรือผู้ที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์

โดยเงินรางวัลผู้ที่ให้เบาะแสการทำผิดการเลือกตั้งจำนวนสูงสุด 1,000,000 บาท ปัจจัยเหล่านี้หวังว่าจะช่วยป้องปรามการซื้อเสียงได้บ้าง

อย่างไรก็ตาม มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าแม้เป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับจังหวัด กระแสคงสู้กระสุนและความสัมพันธ์ระหว่างผู้สมัครกับชาวบ้านไม่ได้

แต่เมื่อพรรคเพื่อไทย โดยนายทักษิณลงมาลุยเอง โดยชูการทำงานของท้องถิ่นประสานกับรัฐบาล เพื่อประโยชน์ของประชาชน จึงเป็นเรื่องที่น่าคิด

นั่นหมายความว่าจะมีผลต่อการเลือกตั้งใหญ่ในปี 2570 ด้วยเช่นกัน

เภรี กุลาธรรม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน