หลังจากบอร์ดคดีพิเศษ มีมติชี้ขาดให้กรณีการสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำผิดเป็นอั้งยี่ตามประมวลกฎหมายอาญาและกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นคดีพิเศษ
รวมถึงคดีอาญาต่อเนื่องหรือเกี่ยวข้อง เช่น คดีความผิดฐานอั้งยี่ตามมาตรา 209 ความผิดตามมาตรา 116 และการกระทำ ความผิดที่เกี่ยวกับการฟอกเงินทางอาญา ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ย่อมเป็นคดีพิเศษไปด้วยโดยที่กคพ.ไม่ต้องมีมติอีก
ล่าสุดกรมสอบสวนคดีพิเศษมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพนักงานสอบสวนเกี่ยวคดีนี้แล้วจำนวน 41 คน มีพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ เป็นประธาน
หลังจากนี้ ก็เดินหน้าไปตามกระบวนการ มีอำนาจเรียกสอบพยานหลักฐานตามฐานความผิด ผู้ใดเกี่ยวข้องชัดเจนตกเป็นผู้ต้องหา ก็แจ้งข้อหาต่อไป
ขณะเดียวกัน ก็มีความเคลื่อนไหวจากกลุ่มสว. นำโดยพล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร นำทีม สว.จำนวน 81 คน ยื่นร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อเอาผิด พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ
อ้างว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 สืบเนื่องจากคณะกรรมการคดีพิเศษมีมติรับคดีฮั้ว สว.ข้อหาฟอกเงินเป็นคดีพิเศษโดยไม่มีอำนาจ และมีผู้ร่วมลงชื่อจำนวน 105 คน
อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.ทวีเปิดเผยว่าคดีนี้กฎหมายระบุไว้ให้สอบสวนโดยเร็ว ซึ่งรู้ชื่อพยานจำนวนมากแล้ว และมีข้อมูลอยู่แล้ว หากจะให้เสร็จโดยเร็วคาดว่าน่าจะใช้เวลา 3 เดือน
หากมีคนผิดจะแจ้งข้อกล่าวหา และหากสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการ ก็อาจจะใช้เวลากว่านั้นอีกนิดหน่อย
ส่วนคณะพนักงานสอบสวน พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่าไม่ได้มีแต่บุคลากร จากดีเอสไออย่างเดียว แต่จะมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานอัยการสูงสุดมาร่วมด้วย
ล่าสุดมีผู้ยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อเอาผิดกกต.จัดเลือกสว.ไม่สุจริตทำโมฆะตั้งแต่ต้น พร้อมขอให้ สว.ชุดปัจจุบันหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว
รวมทั้งจะยื่นยุบพรรคการเมืองหนึ่งที่เข้ามาก้าวก่ายกระบวนการเลือกสว.ด้วย
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ล้วนน่าระทึกใจ ส่อเค้าบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่อย่างยิ่ง!!!
เภรี กุลาธรรม