ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนของมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ ในหัวข้อประเมินผลงาน “รัฐบาลแพทองธาร รอบ 6 เดือน” โดยมีผู้สำรวจ 1,500 คน จากทั่วทุกภูมิภาค

พบว่าประชาชนกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ มีความพึงพอใจ 52.7 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 29.8 เปอร์เซ็นต์ ไม่พอใจ และ 11.5 เปอร์เซ็นต์ ไม่พอใจมาก

เมื่อถามว่าชื่นชอบผลงานใดของรัฐบาลแพทองธาร อันดับ 1 โครงการดิจิทัลวอลเล็ต หรือเงินหมื่น ตามด้วยการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และยาเสพติด

จากผลโพลดังกล่าว สรุปได้ว่าประชาชนกลุ่มตัวอย่างเกินครึ่งพึงพอใจผลงานรัฐบาลแพทองธาร

โดยเฉพาะโครงการเติมเงินหมื่น และปราบปรามแก๊งคอลฯ

อัพเดตความคืบหน้าของ 2 นโยบายนี้ เริ่มที่การกวาดล้างแก๊งคอลฯ ล่าสุดนายกฯ แพทองธาร เรียกประชุมติดตามผลการปราบปรามในรอบ 1 เดือน พบว่าจำนวนคดีลดลง 20 เปอร์เซ็นต์

เป็นผลจากมาตรการเข้มข้น ใช้ยาแรง ด้วยการตัดไฟฟ้า สัญญาณอินเตอร์เน็ต และน้ำมัน จากชายแดนไทยไปฝั่งเมืองเมียวดี เมียนมา ตลอดจนความร่วมมือไตรภาคี ไทย จีน และเมียนมา บุกทลายเครือข่ายค้ามนุษย์แก๊งคอลฯ ส่งกลับประเทศต้นทาง

ส่วนแก๊งคอลฯ ฝั่งกัมพูชานั้น ทางการไทยก็ประสานความร่วมมือ จนนำไปสู่การบุกจับกุมคนไทยที่ไปทำงานแก๊งคอลฯ และส่งกลับมาดำเนินคดีที่ไทย

ทั้งหมดนี้รัฐบาลจะแถลงผลงานรอบ 1 เดือนอย่างละเอียดในวันที่ 21 มี.ค. ต้องรอดูกันต่อจะมีมาตรการใดอีกหรือไม่

ส่วนโครงการเติมเงินหมื่น ขณะนี้เข้าสู่เฟสที่ 3 กำหนดจ่ายเงินช่วงปลายไตรมาส 2 ถึงต้นไตรมาส 3 ของปี 2568 ให้กลุ่มที่ลงทะเบียนไว้แล้ว มีอายุตั้งแต่ 16-20 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน จำนวน 2.7 ล้านคน

ลำดับต่อไปคือเฟส 4 กลุ่มอายุ 21-59 ปี และเฟส 5 กลุ่มที่ไม่มีโทรศัพท์สมาร์ตโฟน

กลุ่มหลังนี้เป็นเป้าหมายใหญ่ของโครงการ ที่รัฐบาลระบุว่าจะส่งผลให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่

ซึ่งกลุ่มหลังนี้แหละที่สังคมจับตามองมากสุด จะเป็นไปตามที่รัฐบาลรับปากไว้หรือไม่

เช่นเดียวกับการปราบแก๊งคอลฯ และยาเสพติด ที่รัฐบาลประกาศว่าภายในสิ้นปีนี้ต้องจบ

ข้าวตอกแตก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน