กลายเป็นประเด็นตอบโต้ร้อนแรงระหว่าง สส.ฝ่ายค้านกับรัฐบาล

กรณี นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคประชาชน เดินทางไปพบกลุ่มผู้ชุมนุมที่มาเรียกร้องรัฐบาลแก้ปัญหาปลาหมอคางดำ แล้วได้กล่าวโจมตีรัฐบาลและ นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ด้วยถ้อยคำแฝงอารมณ์รุนแรง

“เชื่อเถอะ แพทองธาร ชินวัตร รู้อยู่แก่ใจ เพราะคณะอนุกรรมการส่งให้แล้ว หรืออ่านไม่ออก หากไม่อ่าน เชื่อพ่อเขาต้องอ่าน เพราะพ่อเขาเป็นคนช่างเรียนรู้ เขาก็ถามกับพ่อเขา แต่พ่อเขาอ่านแน่นอน แล้วให้พ่อเขาบอกว่าจะแก้ยังไง ซึ่งมันง่ายมาก”

“อะไรก็ตามที่เป็นความเดือดร้อนพี่น้องประชาชนที่รัฐบาลทำเป็นนอนคดไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็น เราจำเป็นต้องใช้กลไกทุกอย่างที่มีในสภา จัดการกับนายกฯ ที่ไม่รู้สี่รู้แปดแบบนี้ให้ได้” นายวิโรจน์กล่าว

ทำให้ในวันรุ่งขึ้น ไม่ว่าแกนนำ หรือสส.พรรคเพื่อไทย ชักแถวออกมาตอบโต้นายวิโรจน์ อย่างถึงพริกถึงขิง ในทำนองว่า การแสดงออกด้วยการใช้ถ้อยคำหยาบคายรุนแรง โจมตีรัฐบาลและผู้นำประเทศ เช่นนี้

เป็นสิ่งที่ห่างไกลจากลักษณะ “การเมืองใหม่” และ “นักการเมืองคนรุ่นใหม่” โดยสิ้นเชิง

ทั้งกังวลว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ใกล้มาถึง จะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน หรือจะเป็นเพียงการอาศัยเวทีสภา มาตีวาทกรรมเพื่อหวังโจมตีรัฐบาลแบบไร้อารยะ หรือไม่

ที่น่าสนใจคือ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวถึงการกระทำดังกล่าวของนายวิโรจน์ ว่า เป็นสิ่งที่คนเป็นผู้แทนราษฎรอย่างนายวิโรจน์ อาจจะมีความโกรธเคืองแทนประชาชน

“เรื่องการใช้คำอาจเกิดขึ้นได้ในบริบทหน้างาน ที่มีการแสดงความรู้สึก แต่เชื่อว่าสิ่งที่คุณวิโรจน์แสดงออก คือต้องการแสดงออกถึงการเป็นตัวแทนประชาชน รับรู้ปัญหาของประชาชน” นายณัฐพงษ์กล่าว พร้อมยืนยันการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นจะเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ ยืนบนข้อมูลข้อเท็จจริง

อย่างไรก็ตามสิ่งที่สังคมอยากฝากถึงนักการเมือง ก็คือ บนเวทีการเมืองไม่ว่าก่อน ระหว่างหรือหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ประชาชนไม่ได้จับจ้องอยู่แต่กับทุกย่างก้าวของนายกฯ หรือรัฐบาลเท่านั้น

แต่ยังจับจ้องในทุกการกระทำของฝ่ายค้านด้วยเช่นกัน ที่ว่าการเมืองใหม่นั้น จะใหม่ได้กี่โมง?

มันฯ มือเสือ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน