คดีฮั้วเลือกสว.เข้าสู่กระบวนการสอบสวนดำเนินคดี เพื่อเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง และรุดหน้าเป็นลำดับ
ทั้งการทำคดีพิเศษของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่เริ่มจากความผิดฐานฟอกเงิน หากพบเชื่อมโยงถึงอั้งยี่ซ่องโจร หรือความมั่นคงแห่งรัฐ ก็สามารถดำเนินการต่อได้ทันที
กับอีกส่วน คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่สั่งตั้งกรรมการสืบสวนและไต่สวน 7 คน โดยดึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของดีเอสไอร่วมเป็นกรรมการด้วย
เดิมที กกต.ดูเหมือนเฉยๆ มีทีท่าลังเล ทั้งที่มีผู้เข้ายื่นร้องเรียนมากมาย ตลอดจนกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง
ข่าวระบุว่าท่าทีใหม่ของกกต.นั้น น่าจะสืบเนื่องจากเอกสารของดีเอสไอ หนังสือแจ้งการรับคดีฮั้วสว.เป็นคดีพิเศษ
โดยเฉพาะหลักฐานสำคัญ ที่มีมูลเชื่อได้ว่าการเลือกสว.ระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2567 มีการทุจริต
หลักฐานคือ โพยฮั้ว 2 ชุด ให้เลือกหมายเลขชุดเอ และชุดบี รวม 140 คน
ทั้ง 140 คนนี้ มีรายชื่อตั้งแต่กลุ่มที่ 1-20 มีหมายเลขให้เลือกครบทุกกลุ่มสาขาอาชีพ
ในภายหลังผลปรากฏออกมา ทั้ง 140 คน แบ่งเป็นผู้ได้รับเลือกเป็นสว. 138 คน และลำดับสำรองอีก 2 คน
หมายเลขนั้นๆ ที่ปรากฏในโพย เมื่อไปไล่ดูก็จะรู้ทันทีคือใครบ้างที่เกี่ยวข้องกับขบวนการฮั้ว
เมื่อกกต.ได้เห็นหลักฐานนี้ จึงไม่ลังเล นิ่งเฉยไม่ได้แล้ว รีบเรียกประชุมทันทีก่อนมีมติตั้งกรรมการสืบสวนและไต่สวน
กกต.ระบุว่าจากพยานหลักฐานและมูลเหตุดังกล่าว ถือเป็นหน้าที่และอำนาจของกกต.ที่จะสืบสวน ไต่สวน เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง และหลักฐานโดยพลันทั้งคดีอาญา หรือยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อสั่งให้เพิกสิทธิเลือกตั้ง
และเมื่อสำนวนคดีเข้าชั้นศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งรับคำร้องไว้แล้ว ผู้เกี่ยวข้องที่เป็นสว.ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่
ขณะที่การทำคดีของดีเอสไอ ตอนนี้กำลังรวบรวมหลักฐานเส้นทางการเงิน โดยร่วมทำงานกับอัยการ เพื่อความรอบคอบรัดกุม
เมื่อไล่เส้นทางเงิน สอบพยานเรียบร้อย ก็จะถึงคิว 140 คน ที่จะต้องเรียกสอบปากคำด้วย
เชื่อว่าขณะนี้ผู้ที่อยู่ในข่ายคงดิ้นกันสุดฤทธิ์ หาทางหนีทีไล่ หรือตัวใครตัวมัน เพราะถ้าผิดจริง โทษถึงจำคุก
ข้าวตอกแตก