กบฏปชป.ล่าชื่อ
ก้าวไกลจับมือ
ลุยแก้ไขม.272

พปชร.โต้กดดัน ‘ปรีดี’ ยันเจ้าตัวลาออกเพราะปัญหาสุขภาพ ไม่กังวลคนนอก ไม่กล้าร่วมงานรัฐบาล เชื่อประเทศไม่ขาดคนเก่ง ‘อนุชา’ ไม่ตอบ
‘สันติ’ เสนอตัวนั่งรมว.คลัง ชี้เป็นอำนาจ นายกฯ แต่งตั้ง ‘ยุทธพงศ์’ แฉปมรมว.คลังไขก๊อก ถูกบิ๊กรัสถานการณ์บาลบีบเซ็นขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว กลุ่ม ‘กบฏปชป.’ ลุยล่าชื่อ เสนอร่างแก้มาตรา 272 ปิดสวิตช์ส.ว.เลือกนายกฯ ไม่ขัดหากฝ่ายค้านร่วมลงชื่อ ก้าวไกลพร้อมรวมร่างเสนอญัตติ ‘บิ๊กตู่’ ถกตัวแทนผู้ประกอบการอสังหาฯ ค้าปลีก อี-คอมเมิร์ซ รับฟังข้อเสนอ-อุปสรรคขับเคลื่อนธุรกิจ

บิ๊กตู่หารือภาคเอกชน

วันที่ 3 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ตลอดทั้งวัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมไม่มีวาระงานที่เป็นทางการ แต่ตั้งแต่เช้าได้เชิญตัวแทนและผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหา ริมทรัพย์ ค้าปลีกและพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-คอมเมิร์ซ เข้าพบ เพื่อรับฟังข้อเสนอวิสัยทัศน์และความคิดเห็นในการขับเคลื่อนแต่ละภาคธุรกิจที่เป็นประโยชน์กับประเทศ และจะช่วยให้รัฐบาลเดินหน้าได้เร็วขึ้น นำประเทศไทยไปสู่ความสำเร็จได้ โดยจะหารือใน 5 ข้อหลัก 1.วิสัยทัศน์หรือมุมมอง 3 ปีข้างหน้า โอกาสไทยในเวทีโลก 2.เรื่องสำคัญที่ สุด 3 เรื่อง ที่ต้องการให้รัฐบาลสนับสนุน 3.อุปสรรคที่สำคัญมากที่สุดที่ขัดขวางความสำเร็จ 4.กฎกติกาของภาครัฐที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน และ 5.หน่วยงานของภาครัฐที่อยากเห็นการปฏิรูปให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การรับฟังความเห็นจะต่อเนื่องตลอดทั้งวันจนถึงช่วงเย็น โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าบันทึกภาพ แต่อาจมีการเผยแพร่ผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ของนายกฯเอง สำหรับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าร่วมเสนอวิสัยทัศน์และความคิด ประกอบด้วย นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และตัวแทนจากสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) บริษัท โกลเด้นแลนด์เรสซิเดนซ์ จำกัด

อ้างกำลังซื้อในประเทศยังมี

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และรมว.พลังงาน เผยว่า บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปได้ด้วยดีและภาคธุรกิจให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับรัฐบาล โดยเฉพาะข่าวดีที่ว่าความต้องการและกำลังซื้อของคนในประเทศยังมีอยู่ รวมถึงยังมีชาวต่างชาติที่เชื่อและสนใจเข้าร่วมลงทุนด้านธุรกิจอสังหาริม ทรัพย์ในประเทศไทย ทำให้วันนี้มีการเสนอความเห็นหลายอย่างให้รัฐบาลนำไปปฏิบัติให้เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ สนับสนุนปล่อยสินเชื่อสำหรับอสังหาริมทรัพย์ มาตรการด้านภาษี และการวางระบบผังเมือง ซึ่งทั้งหมดถือเป็นความเห็นบวกที่ทุกคนมีความเชื่อมั่นและเห็นโอกาสที่จะใช้ภาคอสังหาริมทรัพย์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ

และหลังจากรับฟังความเห็นแล้ว ตนจะรวบรวมสรุปนำเข้าสู่ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ให้เร็วที่สุด เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ คาดว่าจะเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ และนำเข้าสู่ที่ประชุม ศบศ.ในครั้งหน้า

อนุชาไม่ตอบ-สันติลุ้นรมว.คลัง

เวลา 14.00 น. นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์กรณีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และรองหัวหน้าพปชร. ระบุพร้อมขึ้นเป็นรมว.คลังว่า เรื่องนี้ขอไม่ตอบ เมื่อถามว่าตำแหน่ง รมว.คลัง เป็นโควตาของนายกฯ หรือ พปชร. นายอนุชากล่าวว่า ตำแหน่งรัฐมนตรีไม่มีเรื่องโควตา เป็นอำนาจนายกฯ เพียงคนเดียว เมื่อถามว่าแสดงว่าพปชร.จะไม่เสนอชื่อรมว.คลัง นายอนุชากล่าวว่า ไม่ได้พูดอย่างนั้น แต่หมายความว่าเป็นอำนาจนายกฯ เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวที่ประชุมกก.บห.พรรค 2 ก.ย. มีการเสนอชื่อนายสันติ นายอนุชากล่าวว่า ไม่ได้ประชุมเพราะยกเลิกไปและยังไม่มีการพูดคุยกันเรื่องนี้ ย้ำว่าการแต่งตั้งรัฐมนตรีเป็นอำนาจของนายกฯ

โต้กดดันปรีดี

เมื่อถามว่าคนนอกไม่กล้าเข้ามารับตำแหน่งเพราะกลัวฝ่ายการเมืองโดยเฉพาะ พปชร. นายอนุชากล่าวว่า เป็นข่าวมากกว่า เป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อนทำให้เกิดความขัดแย้ง จริงๆ ไม่มีความขัดแย้ง การที่นายปรีดี ดาวฉาย ลาออกจากรมว.คลัง เป็นเรื่องสุขภาพจริงๆ คิดว่าเป็นเหตุสุดวิสัย เราไม่สามารถไปป้องกันไม่ให้ป่วยได้ ยืนยันว่าประเทศเราไม่ขาดคนมีฝีมือ ไม่ขาดคนเก่ง เราไปได้แน่นอน หากพวกเราช่วยกันคิด คนที่อยากทำให้บ้านเมืองดียังมีอีกหลายคนที่อยากอาสาเข้ามาทำเพื่อบ้านเมือง

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าคนนอกจะไม่กล้าเข้ามา นายอนุชากล่าวว่า ไม่กังวล เราเห็นคนเก่งคนดีผ่านมาหลายคนแล้ว และเห็นอะไรบ้าง เห็นความสำเร็จเกิดขึ้นหรือยัง ที่บอกว่าเราได้เลือกมาแล้วคนเก่งคนดีผ่านมากี่ยุคแล้ว เมื่อถามว่าหากนายกฯ จะเลือกฝ่ายค้านหรือขั้วตรงข้ามมาดำรงตำแหน่ง นายอนุชากล่าวว่า ทุกสิ่งทุกอย่างอำนาจอยู่ที่ นายกฯ

เผย 3 สูตรเสียบรมว.คลัง

รายงานข่าวจากพปชร. เผยว่า พรรคคาดว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นอาจเกิดขึ้นในเดือนเม.ย.2564 แต่ยังไม่กำหนดชัดเจนจะเลือกตั้งส.ก. ส.ข. หรือผู้ว่าฯกทม.ก่อน โดยผู้ใหญ่ในพรรคทาบทามพล.ต.อ.จักรทิพย์ ลงชิง ผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งยังไม่ตอบตกลง แบ่งรับแบ่งสู้ โดยขอดูกระแสความนิยมก่อน หากผล ออกมาไม่ดีอาจลงในนามอิสระ แต่จะใช้ทีม ส.ก. ส.ข. ของพรรคเข้าไปช่วยสนับสนุน ถ้าดูแล้วกระแสพรรคดี พล.ต.อ.จักรทิพย์ จะลงสมัครในนามพปชร.

สำหรับการหารมว.คลัง คนใหม่ แทนนายปรีดี ดาวฉาย ขณะนี้เกิดปัญหาการทาบทามคนนอก จึงเกิดสูตรทางเลือกใหม่ โดยมีแนวโน้มจะให้นายสันติ รักษาการรมว.คลัง ไปก่อน จนกว่าจะทาบทามคนนอกเข้ามาได้ ขณะเดียวกันมีกระแสข่าวว่า อาจต้องใช้บริการคนในกระทรวงการคลังที่จะเกษียณก.ย.นี้ หรือข้าราชการระดับสูงในสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ที่เคยมีชื่อปรากฏในโผปรับครม.ประยุทธ์ 2/2 มาก่อน แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกฯ จะเลือกใคร

โจ้ปูดปรีดีถูกบีบ-ปมรถไฟฟ้า

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสาร คาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันที่ 27 ส.ค. ตนยื่นหนังสือถึงนายปรีดี ดาวฉาย รมว.คลังขณะนั้น ขอให้ทบทวนตรวจสอบร่างสัญญาร่วมทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ให้ถูกต้อง รัดกุมและระมัดระวัง เลขรับที่ สร.กค.7676 ลงวันที่ 27 ส.ค. เนื่องจากมีประเด็นส่อไม่โปร่งใสและอาจผิดกฎหมายหลายเรื่อง ขอให้คลังพิจารณาตามมติครม. 13 ส.ค. คือ 1.คำสั่งมาตรา 44 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เอื้อเอกชน ขยายสัมปทานให้ทั้งที่ไม่จำเป็น ทั้งที่สัมปทานก็เหลืออีกตั้ง 22 ปี (จบปี 2585) 2.หนีพ.ร.บ.ร่วมทุน 2562 อย่างชัดเจน หากมหาดไทยจะแก้ปัญหาก็ต้องทำตาม พ.ร.บ. ร่วมทุน ศึกษาและคัดเลือกตามขั้นตอน อ้างไม่มีเอกชนรายใดสนใจทำ market sounding เลยใช้มาตรา 44 เจรจากับเอกชนรายเดิม 3.ไม่เคารพต่อสภา ที่มีรายงานการศึกษาแล้วว่าไม่เห็นด้วย แต่มหาดไทยไม่สามารถชี้แจงได้ หากรัฐบาลอนุมัติเท่ากับขัดแย้งกับความเห็นสภา จะเป็นประเด็นที่นำมาสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ฟ้องร้องป.ป.ช. ศาลปกครอง

“เชื่อว่าสาเหตุสำคัญหนึ่งที่ทำให้นายปรีดีลาออก เพราะท่านเป็นนักกฎหมายและไม่อยากทำเรื่องผิดกฎหมาย คือการต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวออกไปอีก 40 ปี ทั้งที่เหลือเวลาในสัญญาเดิมอีก 10 ปี และใช้ คำสั่งมาตรา 44 อ้างต่อสัญญา ทราบมาว่ามี บิ๊กรัฐบาลมาบีบให้นายปรีดี เซ็นอนุมัติเห็นชอบขยายสัญญาสัมปทาน อีก 40 ปี ที่จะเข้าครม.สัปดาห์หน้า” นายยุทธพงศ์กล่าว

สาทิตย์นำชงร่างแก้ม.272

เวลา 13.20 น. ที่รัฐสภา นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช และนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงกรณีร่วมเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272

นายสาทิตย์กล่าวว่า ปชป.ที่ร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลเสนอร่างแก้ไขมาตรา 256 ให้ตั้งส.ส.ร.นั้น ส่วนหนึ่งมองว่าไม่เพียงพอในการคลี่คลายสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นตอนนี้ได้ เราเชื่อว่าเดือนก.ย. มีแนวโน้มการชุมนุมทางการเมืองที่จะขยายตัวกว้างมากขึ้น และอาจเกิดความรุนแรงบางประการขึ้นด้วย ประเด็นสำคัญในการชุมนุมขณะนี้ที่เป็นห่วง คือ การนำเอาประเด็นการเมืองมาปนกับประเด็นที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อให้การเคลื่อนไหวทางการเมืองลดเงื่อนไขที่จะเกิดความรุนแรง ต้องแยกความเห็นเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองออกมาจากประเด็นสถาบัน ประเด็นที่ควรแยกออกมาสามารถแก้ไขได้จากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือ เรื่องการสืบทอดอำนาจในมาตรา 272 ที่ให้อำนาจส.ว. เลือกนายกฯ

ดังนั้นเราในฐานะส.ส.ส่วนหนึ่งของปชป. จึงขอเริ่มในการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 และขอเชิญชวนไปถึงส.ส.ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล หากมีแนวความคิดเดียวกันในการจะแก้มาตรา 272 ก็ขอให้มาร่วมลงชื่อด้วยกัน เพื่อยื่นให้สภาพิจารณาในสมัยประชุมนี้ สาเหตุที่ไม่ยืนในนามปชป.นั้น เพราะในที่ประชุมพรรคหลายครั้งมีการหยิบประเด็นนี้มาพูดคุยแล้ว หัวหน้าพรรคก็บอกชัดเจนว่าเห็นด้วยกับการแก้ อำนาจส.ว. แต่เนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาลมีแนวทางว่าถ้าจะเสนอร่างแก้รัฐธรรมนูญต้องมีร่างเดียวในนามที่เป็นร่างของพรรคร่วมรัฐบาล

ได้กลุ่มกบฏปชป.ผนึกสว.

ซึ่งมาตรา 272 มีบางพรรคในพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่ตกผลึก เราเห็นว่าสถานการณ์การชุมนุมมีแนวโน้มการขยายตัวขึ้นจะรอให้มีความคิดที่ตกผลึกคงไม่ทัน เราจึงอาสาที่จะยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 และยินดีจะร่วมเซ็นชื่อร่วมกับส.ส.ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เพื่อเป็นทางหนึ่งที่จะแยกประเด็นทางการเมืองออกมาจากการเคลื่อนไหวนอกสภาได้ ทั้งนี้ถ้ามีรายชื่อเพียงพอคือ 1 ใน 5 หรือ 98 เสียง คิดว่าสามารถรวบรวมได้ภายสัปดาห์หน้า

เมื่อถามว่าต้องขอมติพรรคหรือไม่ นาย สาทิตย์ กล่าวว่า ไม่ต้อง เพราะได้ชี้แจงในที่ประชุมพรรคแล้ว อย่างที่บอกการจะรอพรรคร่วมตกผลึกคงไม่ทันแล้ว จึงต้องแยกประเด็นออกมา เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลยื่นแก้ในมาตรานี้เช่นกัน จะไปยื่นร่วมเพื่อรวมเป็นร่างเดียวกันหรือไม่ นายสาทิตย์กล่าวว่า ถ้าเกิดเป็นหลักการเดียวกัน เฉพาะการแก้มาตรา 272 เราก็ยินดีจะร่วมกับทุกพรรค ซึ่งยังไม่มีการพูดคุยกันกับพรรคก้าวไกลแต่หลังจากนี้คาดว่าจะต้องมีการพูดคุยกันอย่างจริงจัง

ส่วนสมาชิกที่จะลงชื่อขณะนี้เท่าที่คุยในปชป. มีจำนวนมาก รวมถึงมีส.ว.ด้วย เมื่อถามย้ำว่า ในกลุ่มส.ส.ปชป.ที่เห็นพ้องร่างนี้ มีกี่คนแล้วที่ร่วมสนับสนุน นายสาทิตย์ กล่าวว่า “ไปนับดูว่ามีกลุ่มกบฏในพรรคกี่คนก็เท่านั้น”

ก้าวไกลยินดีรวมร่างแก้ไข

ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวกรณีส.ส.ปชป.บางส่วน เตรียมเสนอญัตติแก้ไขมาตรา 272 ว่า น่ายินที่ ส.ส.ปชป.จำนวนหนึ่งมีจุดยืนและจะยื่นเสนอญัตติดังกล่าว เป็นความคิดเเนวทางเดียวกับญัตติที่พรรคเริ่มต้นเสนอไว้เรื่องปิดสวิตช์ส.ว.อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ และควรเป็นประเด็นแรกๆ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังจากเสนอตั้งส.ส.ร. เพราะสถานการณ์ทางการเมืองไม่แน่นอน การปิดสวิตช์ส.ว.จะเป็นเครื่องการันตีว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง การเปลี่ยนแปลงของรัฐบาล ไม่ว่าจะสาเหตุยุบสภาหรือนายกฯ ลาออก ส.ว.ที่มาจากคสช. จะไม่สามารถแทรกเเซงการเลือกนายกฯได้อีก

“เรื่องปิดสวิตช์ส.ว. แก้มาตรา 272 พรรคตั้งใจจะเสนอญัตตินี้แต่จำนวนเสียงในสภามีไม่ครบ 1 ใน 5 ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด จึงเชิญชวนส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านเเละพรรครัฐบาลมาร่วมกัน ขณะนี้พรรครวมเสียงพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้ง 4 พรรค คือ พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคเศรษฐกิจใหม่ ได้แล้ว ดังนั้น กรณีนี้ถ้ารวมกับเสียงของปชป.ตามที่แถลงข่าว เเละเสียงของส.ส.รัฐบาลอีกส่วนหนึ่งคิดว่าน่าจะครบ เราก็ยินดีจะยื่นญัตตินี้ร่วมกันในสัปดาห์หน้าต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภา เพื่อบรรจุญัตตินี้ให้ทันก่อนปิดสมัยประชุมสภา” นายชัยธวัชกล่าว

เมื่อถามว่ามีการพูดคุยถึงรายละเอียด จนถึงการทาบทามให้เข้าร่วมแล้วใช่หรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า มีการพูดคุยกันบ้างแล้ว ตนคิดว่าลำพังเสียงส่วนหนึ่งของปชป.ก็ไม่ถึง 1 ใน 5 ของส.ส.ได้ ดังนั้น ความเป็นไปได้คือการเอาเสียงมารวมกัน และหากเป็นไปได้สัปดาห์หน้า เราอาจยื่นร่วมกันได้ทันสมัยประชุมนี้

พท.เย้ยรัฐบาลเน้นแจก

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรค เพื่อไทย กล่าวกรณีประชุมศบศ. ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธาน เห็นชอบมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายคนละไม่เกิน 3,000 บาท จำนวน 15 ล้านคนว่า รัฐบาลได้ทีมเศรษฐกิจใหม่มาเกือบครบ 1 เดือน แต่การแก้วิกฤตเศรษฐกิจจากโควิดยังไม่มีอะไรใหม่ เหมือนยังไม่ได้เริ่มทำงาน แม้จะปรับครม. ตั้งศบศ. ก็ยังไม่ทำให้การแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจดีขึ้น ทั้งครม.เศรษฐกิจ ครม.หลัก หรือ ศบศ. ถ้าคิดได้เพียงเท่านี้ คือเน้นการแจกเงินเหมือนเดิม จะไปขับไล่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และทีม 4 กุมารออกไปทำไม เสียเวลาประเทศ ประชาชนเสียโอกาส การบริหารแก้วิกฤตเศรษฐกิจของ ศบศ. ถ้ายังขืนพายเรือวนอยู่ในอ่างแบบนี้วิกฤตเศรษฐกิจไทยจะหนักหนาสาหัสกว่าที่เป็นอยู่มาก

ทร.เจรจาจีนเลื่อนซื้อเรือดำน้ำ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงกลาโหม พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. มอบหมายคณะกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ พูดคุยกับทางการจีน หลังกองทัพเรือไทยได้ขอเลื่อนการจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 ออกไปอีก 1 ปี ซึ่งเป็นการเลื่อนครั้งที่ 2 โดยในปีงบประมาณ 2563 นำงบประมาณส่วนนี้ไปช่วยสถานการณ์โควิด 19 ประเด็นที่กองทัพเรือจะไปพูดคุยทางจีนคือการคงข้อตกลงเดิมในเรื่องของวงเงินในการจัดหา 2 ลำ มูลค่า 22,500 ล้านบาท พร้อมอุปกรณ์ติดตั้งเพิ่มเติมและระบบอาวุธ 2,100 ล้านบาท ที่ทางจีนมอบให้ไทยโดยไม่คิดมูลค่า การพูดคุยขณะนี้มีข้อจำกัดการแพร่ระบาดของโควิด ทำให้อยู่ระหว่างพิจารณาช่องการเจรจาว่าจะใช้วิธีใด ระหว่างทางออนไลน์ หรือการพบปะกันโดยตรง

แต่กองทัพเรือเห็นว่าการที่คณะของสองชาติได้พูดคุยและพบหน้ากันโดยตรง เป็นหลักการทั่วไปเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพเรือที่ใกล้ชิดกัน อย่างไรก็ตาม ในการพบปะครั้งนี้จะไม่มีการลงนามในสัญญาแต่อย่างใด เนื่องจากยังไม่มีกรอบวงเงินงบประมาณที่ได้รับการอนุมัติจากสภา ซึ่งต้องรอการพิจารณาในปีถัดไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน