คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
คำตอบผบ.ทบ. – คําถามยอดฮิตตลอดกาลสำหรับบุคคลที่ ดำรงตำแหน่งผู้นำกองทัพไทยว่าจะปฏิวัติ รัฐประหารหรือไม่ เป็นคำถามที่มีที่มาที่ไป ไม่ได้ไร้เหตุผล หรือสื่อมวลชนต้องการถามเพื่อลองเชิงแต่อย่างใด
เพราะช่วง 15 ปีมานี้ที่ยุคร่วมสมัย มีผู้บัญชา การกองทัพบกก่อรัฐประหารมาแล้ว 2 ครั้ง
ทั้งสองครั้งผู้นำกองทัพต่างอ้างเหตุและปัจจัยของตนเองและคณะผู้สนับสนุนว่าจำเป็นและสำคัญกว่าการมีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งทั้งสิ้น
ส่วนผบ.ทบ.คนล่าสุดแม้กล่าวว่าโอกาสของการทำรัฐประหารเป็นศูนย์หมด กลับมีคำว่า “แต่” ตามมา
ระบุว่า อยู่บนพื้นฐานที่อย่าให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดสร้างเงื่อนไขปัญหาความขัดแย้งที่รุนแรง และกระทบต่อความเดือดร้อน
ณ วันนี้ความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่สำคัญและโดดเด่นมากที่สุดคือการแก้ไขรัฐ ธรรมนูญ
เสียงเรียกร้องจากกลุ่มประชาชน เยาวชน นิสิตนักศึกษา แสดงถึงความต้องการปรับเปลี่ยนให้รัฐธรรมนูญเอื้อต่อการพัฒนาประชาธิปไตยมากที่สุด และยุติการวางหมากทางการเมืองจากเหตุรัฐประหาร 2557 ให้มากที่สุด
ในที่นี้รวมถึงการยกเลิกส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งโดยหัวหน้าคณะคสช.
ความพยายามเปลี่ยนแปลงดังกล่าวย่อมเกิดความขัดแย้งระหว่างกลุ่มคนที่ได้ประโยชน์และกลุ่มคนที่เสียประโยชน์
แต่กองทัพจะประเมินความขัดแย้งต่างๆ มาเป็นเงื่อนไขอย่างไรนั้นเป็นเรื่องที่น่ากังวล
หากย้อนฟังคำตอบของผู้นำกองทัพ โอกาสของการรัฐประหารไม่ได้เป็นศูนย์อย่างแท้จริง
เพราะหากเป็นศูนย์จริง ย่อมหมายความว่ากองทัพจะไม่เข้ามาแทรกแซงวิกฤตการเมืองใด ทั้งสิ้น รวมถึงความขัดแย้งที่รุนแรง ต้องปล่อยให้กระบวนการประชาธิปไตยและการเมืองแก้ไขจัดการเอง
บทพิสูจน์ว่าผู้นำกองทัพเข้าใจประชาธิปไตยเพียงใด รู้บทบาทหน้าที่และขอบเขตของตนเองเพียงใด จึงอาศัยเพียงคำพูดหรือการตอบคำถามเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้
เพราะหากเกิดผิดคำพูดอีก หรืออาศัยวาทะที่มีเงื่อนไขเปิดช่องทางรัฐประหารไว้แต่แรก ก็ถือเป็นโชคร้ายสำหรับประเทศเท่านั้น