ฟาร์มไก่-ที่ดินราชบุรี
เตรียมฟัน‘พ่อทวี’ด้วย
‘เอ๋’โต้เป็นเกษตรกร
ขอใช้เอกสิทธิ์สส.คุ้ม

‘ปารีณา’ ไม่รอด ตร. ปทส.สรุปสำนวน สั่งฟ้องคดีฟาร์มไก่รุกป่า บุกรุกป่าสงวน ในอ.จอมบึง จ.ราชบุรี พบความผิด 4 ข้อหาทั้ง พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ร.บ.ป่าสงวนและพ.ร.บ. น้ำบาดาล โทษหนักสุดถึงคุก 20 ปี เจ้าตัวลั่นพร้อมสู้คดี ตอนนี้ยังทำงานอยู่เพราะยังอยู่ในสมัยประชุมสภา ด้านทนายความเตรียมยื่น ขอเอกสิทธิ์คุ้มครอง ยันไม่รุกป่า ชี้ทำอาชีพสุจริตเลี้ยงไก่ เป็นเกษตรกร ส่วนพ่อทวี ไกรคุปต์ ก็ไม่รอดโดนคดีด้วย เตรียมแจ้งข้อหาเป็นรายต่อไป

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ที่บก.ปทส. พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม ผบก.ปทส. (กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม) พร้อมด้วย พ.ต.อ. วัชรินทร์ พูสิทธิ์ รองผบก.ปทส. พ.ต.อ. ธีระพงษ์ วงศ์มุนีวร ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ปทส. พ.ต.ท.คำนวณ จันทร์อนันต์ รองผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ปทส. และคณะพนักงานสอบสวน เข้าประชุมเพื่อสรุปสำนวนคดีครอบครองที่ดินใน ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ของน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ

พล.ต.ต.พิทักษ์กล่าวว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนตรวจสอบรายละเอียดของสำนวนการสอบสวนจนเป็นที่เรียบร้อย หลังจากเมื่อต้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมาทางป.ป.ช.ได้ส่งคดีกลับคืนมาให้บก.ปทส.รับไปดำเนินการ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้อง และเตรียมส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ จ.ราชบุรี สั่งฟ้อง ซึ่งตัวของ น.ส.ปารีณาเองก็นัดหมายกับพนักงานสอบสวนไว้แล้วด้วยว่า จะมาพบอัยการด้วยตัวเองในวันที่ 5 พ.ย. ที่จะถึงนี้ เวลา 10.00 น.

พล.ต.ต.พิทักษ์กล่าวต่อว่า สำหรับสำนวนที่พนักงานสอบสวนได้สรุปสั่งฟ้องให้อัยการพิจารณา มีด้วยกันทั้งหมด 6 แฟ้มความหนากว่า 2,408 หน้า และได้สอบปากคำพยานเพิ่มเติมตามที่น.ส.ปารีณา ร้องขอมาอีก 3 ปาก ซึ่งเป็นพยานที่ดินข้างเคียง อย่างไรก็ตามจากการรวบรวมพยานหลักฐาน พบความผิดใน 4 ข้อหา ประกอบไปด้วย ความผิดตามพ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ม.14 และม.31 “ร่วมกันยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนชาติ โดยได้กระทำเป็นเนื้อที่เกินยี่สิบห้าไร่โดยไม่ได้รับอนุญาต”

ความผิดตามพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 “ร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถางหรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือครอบครองป่า เพื่อตนเองหรือ ผู้อื่น โดยได้กระทำเป็นเนื้อที่เกินยี่สิบห้าไร่ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน “ร่วมกันเข้าไปยึดถือ ครอบครอง รวมตลอดถึงการก่อสร้างหรือเผาป่า กระทำด้วยประการใด ให้เป็นการทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพ ที่ดิน ที่หิน ที่กรวด หรือที่ทราย ในบริเวณที่รัฐมนตรีประกาศหวงห้ามในราชกิจานุเบกษา หรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอันเป็นอันตรายแก่ทรัพยากรในที่ดิน โดยได้กระทำเป็นเนื้อที่เกินกว่าห้าสิบไร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต”

และความผิดตามพ.ร.บ.น้ำบาดาล พ.ศ.2520 “ร่วมกันประกอบกิจการน้ำบาดาล ในเขตน้ำบาดาลใดๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้มีสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองที่ดิน ในเขตน้ำบาดาลโดยไม่ได้รับอนุญาต” ซึ่งมีคดีบุกรุกป่าฯ ที่มีอัตราโทษสูงสุดคือจำคุก 4-20 ปี ปรับ 200,000-2,000,000บาท นอกจากนี้ น.ส. ปารีณา ยังจะถูกดำเนินคดีในฐานะบุคคลและนิติบุคคลผู้มีอำนาจเต็มอีกด้วย

ทั้งนี้ที่ผ่านมาคดีนี้ ได้มีผู้กล่าวหาเข้า ร้องเรียนทั้งหมด 5 ราย ประกอบไปด้วย นายวีระ สมความคิด, นายพัฒนะ ศิริมัย นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการสำนักป่าไม้จังหวัดราชบุรี, นายสุรเชษฐ์ ศรีแดงรักษา นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ ผู้อำนวยการป่าไม้จังหวัดราชบุรี, นายวัชระ ละอออ่อน นักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 และนายสมชาย เลขาวิวัฒน์ ผอ.สำนักทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดราชบุรี ที่เคยร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ บริษัทปารีณา ไกรคุปต์ จำกัด โดยมีน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ในฐานะนิติบุคคลและส่วนตัว หลังพบว่ามีการบุกรุกที่ป่าไม้ของเขาสนฟาร์ม หมู่ที่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี จำนวน 711 ไร่ 2 งาน 93 ตารางวา

พล.ต.ต.พิทักษ์กล่าวอีกว่า นอกจากจะดำเนินคดีกับน.ส.ปารีณา แล้ว ทางพนักงานสอบสวน บก.ปทส.ยังเรียกนายทวี ไกรคุปต์ บิดาของ น.ส.ปารีณา ให้เข้ามารับทราบ ข้อกล่าวหาในวันที่ 23 พ.ย.นี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้อหาเดียวกันกับน.ส.ปารีณา กรณีถูกร้องเรียนว่าบุกรุกที่ดินรัฐกว่า 1 พันไร่ บริเวณหมู่ 9 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี อีกด้วย

ต่อมาเวลา 17.30 น. น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนประสงค์จะให้นายทศพล เพ็งส้ม ในฐานะทนาย ส่วนตัว เป็นผู้ตอบคำถามทั้งหมด ในขั้นตอนกระบวนการของกฎหมาย เมื่อถามว่ามีความกังวลในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ น.ส.ปารีณากล่าวย้ำว่า “ขอให้ทางทนายเป็นผู้ตอบ ส่วนในเวลานี้ ตนยังทำงานตามปกติ”

ขณะที่นายทศพลกล่าวว่า เวลานี้ยังไม่ได้รับแจ้งกรณีที่มีข่าวเรื่องการส่งฟ้องและ หากมีการส่งเอกสารมาก็ต้องดูว่าเนื้อหาในเอกสารเป็นอย่างไร และน.ส.ปารีณา จำเป็นต้องไปให้รายละเอียดหรือไม่ ซึ่งในเวลานี้ยังตอบอะไรไม่ได้ เพราะยังไม่เห็นเอกสารของทางตำรวจ อย่างไรก็ตามทางน.ส.ปารีณาไม่ได้กังวล เพราะขณะนี้อยู่ในระหว่างการเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก่อนหน้านั้นตนได้ส่งหนังสือไปแจ้งให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้รับทราบแล้ว ทั้งนี้ก็ต้องดูว่ากระบวนการสอบข้อเท็จจริงและการดำเนิน คดีจะเป็นอย่างไร

ต่อมานางภัทรมน เพ็งส้ม ทนายความของน.ส.ปารีณาเผยว่า งงกับข่าวที่เกิดขึ้น เพราะการต่อสู้เรื่องดังกล่าว ล่าสุดทนายร้องขอความเป็นธรรมให้ตรวจสอบรายละเอียด เช่น ที่ดินในพื้นที่ใกล้เคียง 100 แปลง และการขอให้สอบสวนผู้ถือครองที่เป็นของน.ส.ปารีณา อย่างไรก็ตามยอมรับว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเรื่องดังกล่าว ส่วนที่ บก.ปทส. ส่งอัยการให้ฟ้องคดี ช่วงที่สภา ผู้แทนราษฎร เปิดสมัยประชุมนั้น เบื้องต้นน.ส.ปารีณา จะขอใช้เอกสิทธิ์คุ้มครอง หาก บก.ปทส. หรือ อัยการจะดำเนินการ ต้องส่งเรื่องให้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อส่งเรื่องมากยังประธานสภา ให้สภามีมติจะส่งตัวให้ดำเนินคดีระหว่างสมัยประชุมหรือไม่

นางภัทรมนกล่าวด้วยว่า คดีที่ บก.ปทส. สั่งฟ้องไปนั้น ทนายต่อสู้ทุกประเด็น เพราะคำกล่าวหาว่าบุกรุกป่านั้น ข้อเท็จจริง น.ส. ปารีณา เข้าถือครอง ปี 2545 ซึ่งเป็นเวลา ที่พื้นที่ดังกล่าวนั้น ได้รับการประกาศ เป็นพื้นที่ ส.ป.ก. มาแล้วหลายปี อีกทั้งยังเป็นการใช้พื้นที่เพื่อทำเกษตรกรรม ทำฟาร์มไก่ โดยไม่มีการบุกรุก แผ้วถางป่าเพิ่มเติม ตามความหมายของคำว่าบุกรุกป่า อย่างไรก็ตามการสอบสวนเรื่องดังกล่าวใช้เวลาดำเนินการเพียงปีเศษ คือ แจ้งความปี 62 และส่งฟ้องปี 63 ทั้งที่กรณีของบุคคลอื่น ต้องใช้เวลากว่า 10 ปี

“ต้องให้ความเป็นธรรมกับ ส.ส.ปารีณา ที่ทำอาชีพสุจริต คือ เลี้ยงไก่ ไม่ใช่ตัดไม้ทำลายป่า หรือทำรีสอร์ตในพื้นที่ อีกทั้ง ผู้ถือครองที่ดินก่อนหน้านั้นทำเกษตรกรรม และส.ส.ปารีณาทำเกษตรกรรมต่อ อย่างไรก็ตามตำรวจแจ้งข้อกล่าวหานั้นไม่ได้ให้ ความเป็นธรรม เพราะกรณีที่ที่ดิน ส.ป.ก. ถูกถือครองเกินพื้นที่ โดยปกติ จะฟ้องขอ คืนเท่านั้น ไม่ใช่ดำเนินคดี ทั้งนี้การฟ้องคดีที่เกิดขึ้น ทนายต้องต่อสู้เพื่อให้มีความชัดเจน ไม่เช่นนั้นจะเป็นผลเสียกับประชาชนทั้งประเทศที่ทำมาหากิน บนที่ดิน ส.ป.ก. ในลักษณะเดียวกัน” นางภัทรมนกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน