‘ชวน’เล็งดันตัวแทนสื่อ
ร่วมทีมกก.สมานฉันท์

รัฐบาลไม่สน ‘แม้ว’ แนะแก้ปัญหาเศรษฐกิจ-วิกฤตโควิด ชี้ที่ผ่านมารัฐบาลทำได้ดีอยู่แล้ว มั่นใจครั้งนี้ถ้าใช้มาตรการเข้มจะคุมอยู่ เพื่อไทยจวกทำงาน ‘เวรี่แบด’ซูเปอร์โพลหนุน ‘บิ๊กตู่’ ถือธงนำแก้โควิด จี้ปลัดกระทรวงปลดเกียร์ว่าง อย่าปล่อยให้ลูกน้องทำงานเสี่ยงฝ่ายเดียว ‘ชวน’ เตรียมเสนอตัวแทนสื่อมวลชนนั่งผู้ทรงคุณวุฒิในกรรมการสมานฉันท์ กระตุ้นฝ่ายค้านเข้าร่วมวง ‘นิกร’ หนุนงดประชุมสภา หวั่นเป็นพื้นที่อุลตร้าสเปรดเดอร์

โฆษกรัฐบาลเมินลมปาก‘แม้ว’

เมื่อวันที่ 2 ม.ค. นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ถึงการเตรียมความพร้อมทางเศรษฐกิจและการเมืองไทย เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในปี 2564 ว่า คงไม่จำเป็นต้องพูดถึง เพราะในส่วนของรัฐบาลทำได้ดีอยู่แล้วในอดีตที่ผ่านมา และในครั้งนี้เป็นการระบาดครั้งใหม่ ถ้าดำเนินการตามมาตรการรัฐที่ออกมาอย่างเคร่งครัดก็จะผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ดี และในตอนนี้เรามีความพร้อมมากกว่าเดิม เช่น เครื่องมือแพทย์ เวชภัณฑ์ เทคโนโลยี และแอพพลิเคชั่นต่างๆ เป็นต้น ซึ่งในตอนนี้ทุกอย่างเรามีพร้อมหมดและผ่านประสบการณ์มาแล้วไม่ว่าจะเป็นเวิร์กฟรอมโฮม เรียนออนไลน์ เราจะทำทุกอย่างได้ดีขึ้นกว่าเดิม เพียงแต่ต้องระมัดระวังเพิ่มขึ้น

“จากคำพูดที่เคยใช้ว่าการ์ดอย่าตก ตอนนี้ต้องยกการ์ดสูงขึ้นมาเหมือนเดิม เพราะบางครั้งเรามองว่าโควิด-19 ไม่ได้อยู่กับเราแล้ว แต่จริงๆ โควิด-19 ไม่ได้หายไปไหน เลยมีการการ์ดตกเล็กน้อย เพราะคิดว่าในอนาคตจะมีวัคซีนเข้ามา ในส่วนนี้รัฐบาลก็เร่งเรื่องนี้อยู่ แต่ในขณะที่วัคซีนไม่มาก็ต้องเข้มงวดเรื่องมาตรการต่างๆ จึงอยากให้ประชาชนปฏิบัติตามขั้นตอนของมาตรการที่จังหวัด ออกมาและในแต่ละจังหวัดไม่เหมือนกัน ใครอยู่ในพื้นที่ตรงไหนต้องดูด้วยว่าเราต้องดำเนินการอย่างไรเพื่อไม่ให้ผิดระเบียบ” นายอนุชากล่าว

พท.แฉขบวนการค้าโควิด

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวถึงการระบาด โควิด-19 รอบใหม่ว่า มีหลายฝ่ายออกมาเตือน ตั้งแต่ช่วงเดือนก.ย.2563ว่าจะมีการระบาดรอบ 2 เพราะอินโดนีเซียและเมียนมาเกิดการระบาด ซึ่งรัฐบาลได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตามแนวชายแดน ระยะทางกว่า 5,000 กิโลเมตรและพบว่ามีการลักลอบเข้าเมืองจากช่องทางธรรมชาติ แต่ปัญหาสำคัญไม่ได้อยู่ที่การลักลอบเข้ามาเพียงอย่างเดียว ปัญหาอยู่ตรงแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองได้อย่างไร มีงานทำได้อย่างไร ที่สำคัญคือการได้รับอภิสิทธิ์ไม่ต้องกักโรค 14 วันได้อย่างไร จึงต้องตั้งคำถามว่าขบวนการนายหน้าค้าแรงงานต่างด้าว คือคำตอบของเรื่องนี้ทั้งหมดหรือไม่

จากข้อมูลผู้ที่เคยรับผิดชอบเรื่องระบาดวิทยาในพื้นที่ ได้ถ่ายทอดให้คณะทำงานของตน ทราบว่าการค้าแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านมีอยู่จริง ขบวนการนำเข้าต่างด้าวมีทั้งกลุ่มคนมีสี ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ของรัฐที่เห็นแก่ได้ นายหน้าทั้งไทยและต่างด้าวร่วมมือกัน เพื่อป้อนแรงงานผิดกฎหมายเหล่านี้ให้กับเจ้าของธุรกิจ และมีผลประโยชน์มหาศาลเพราะกินกันถึง 2 เด้ง เก็บเงินทั้งจากนายจ้าง และจากชาวต่างประเทศที่ลักลอบเข้าเมือง แต่ละวันปล่อยให้ทะลักเข้ามาหลายร้อยหลายพันคน จึงต้องกระชากหน้ากากไอ้โม่ง หรือนายหน้าค้าโควิด ที่ปล่อยปละละเลย บกพร่องไร้ประสิทธิภาพ แย่ไปกว่านั้นคือมีส่วนร่วมในกระบวนการทุจริตเรียกรับผลประโยชน์ในครั้งนี้ ออกมาให้คนไทยทั้งประเทศได้เห็น

“หากประชาชนมีข้อมูลหรือเบาะแสใดๆ เกี่ยวกับขบวนการค้าแรงงานต่างด้าว สามารถส่งข้อมูลมาที่ผม ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจะถูกนำไปตรวจสอบประมวลผล โดยผมจะนำเรื่องเข้าสู่คณะกรรมาธิการ(กมธ.)ป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฎร เพื่อทำความจริงปรากฏโดยเร็ว และหากพิสูจน์ ได้ว่าเป็นความรับผิดชอบของเจ้ากระทรวงคนใดที่ปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ผิดพลาด ไร้ประสิทธิภาพ ปล่อยปละละเลยให้มีขบวนการลักลอบนำเข้าแรงงานต่างด้าว และยังนิ่งเฉยปล่อยให้คนชั่วลอยนวล ผมจะนำข้อมูลข้อเท็จจริงดังกล่าวไปอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างแน่นอน” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว

อัดรัฐบาลทำงาน‘เวรี่แบด’

น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รอบใหม่ ที่ทวีความรุนแรงและน่าเป็นห่วงที่สุด ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูง ทั้งยังมีผู้ติดเชื้อกระจายไปเกือบทั่วประเทศ หลายพื้นที่ถูกสั่งปิดร้านค้า สถานบริการ กระทบกับการจ้างงานและรายได้อย่างมหาศาล แต่รัฐกลับใช้มาตรการเดิมเหมือนไม่เรียนรู้การจัดการในครั้งที่ผ่านมา ซ้ำยังสั่งให้ประชาชนรับ ผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำ ทั้งที่ประชาชนป้องกันตัวเองด้วยเงินของตัวเองอย่างดีที่สุดมาโดยตลอด รัฐบาลไม่เคยช่วยเหลือ บรรเทา หรือป้องกันชีวิตประชาชนแม้แต่น้อย

สนามมวยสาเหตุระบาดหลักของการระบาดครั้งที่แล้ว มีเพียงการสั่งย้าย พล.ต. ราชิต อรุณรังษี เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก แค่ 2 เดือนและได้ย้ายกลับเข้ากรมเดิมแล้ว ซึ่งรายงานข่าวระบุมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรับผลประโยชน์แน่ แต่จนถึงนาทีนี้ยังจับมือใครดมไม่ได้

เรื่องบ่อนการพนันในหลายจังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นโกดัง แต่ชุดตรวจสอบของจเรตำรวจระบุว่าเป็นบ่อน ชัดเจนว่าผู้ดูแลรับผิดชอบโดยตรงคือ ผู้มีอำนาจรัฐ หากไล่ลำดับชั้นขึ้นไปผู้ที่กำกับดูแลตำรวจและทหารคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นทั้งนายกฯ เป็นประธานศูนย์โควิด-19 เป็น รมว.กลาโหม ซึ่งกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องสั่งการหาต้นตอการกระทำผิดและต้องหาผู้กระทำผิดทันที ไม่ใช่เพียงสั่งย้าย ตั้งกรรมการ หรือถามประชาชนว่าถ้ารู้ก็บอกมา แล้วเราจะมีผู้นำประเทศไว้เพื่ออะไร

พล.อ.ประยุทธ์ยังเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่ไม่เคยแก้ไขปัญหาปากท้องให้กับประชาชน โดยเฉพาะการระบาดรอบนี้ที่ประกาศล็อกดาวน์ สั่งปิดร้านค้ารายย่อยของประชาชนที่กำลังลืมตาอ้าปากได้ แต่ไม่ปิดห้างสรรพสินค้า จึงอยากถามว่าการระบาดของโควิด-19 เลือกสถานที่การติดเชื้อได้หรือไม่ อย่าให้ประชาชนตั้งคำถามว่า นอกจากจะ very กู้แล้ว ยังทำงานแบบ very bad ไร้ประสิทธิภาพ

โพลหนุน‘บิ๊กตู่’ถือธงนำแก้โควิด

นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง “ลุงตู่ ถือธงนำ” กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพ จำนวน 1,104 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.2563-1 ม.ค.2564

เมื่อถามถึง ผู้นำระดับสูงสุดของหน่วยงานรัฐ ส่วนราชการต่างๆ ที่ต้องออกมายืนในที่แจ้ง แสดงความรับผิดชอบ ทำงานหนักให้ประชาชนเห็นเป็นแบบอย่างที่ดีในการแก้ปัญหาวิกฤตของชาติ และของประชาชนให้มากขึ้น พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 89.4 ระบุปลัดกระทรวงมหาดไทย รองลงมาคือร้อยละ 87.5 ระบุปลัดกระทรวงพาณิชย์ ร้อยละ 86.8 ระบุปลัดกระทรวงแรงงาน และร้อยละ 82.4 ระบุผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 90.9 ยกย่องเชิดชูบุคลากรการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และข้าราชการกระทรวงต่างๆ ระดับล่างลงไป เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ผู้เสียสละ แก้ปัญหาใกล้ชิดประชาชน เสี่ยงอันตรายติดเชื้อโควิด ในขณะที่ร้อยละ 89.8 อยากเห็นการเมืองใหม่ ช่วยกันกอบกู้วิกฤต ไม่ซ้ำเติม คนทำงาน และร้อยละ 89.5 ไม่สบายใจ ต่อ พวกมือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ ของฝ่ายการเมือง นักการเมือง กลุ่มเคลื่อนไหวการเมือง พวกโซเชี่ยลที่ใช้เวลาว่าง มุ่งโจมตีคนทำงาน

ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 84.4 ยังคงเชื่อมั่น สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมถือธงนำ แก้วิกฤตโควิด ชี้ทางให้ประชาชนก้าวไปข้างหน้า แต่ถือไม้เรียว คอยฟาด ผู้นำส่วนราชการที่เกียร์ว่าง ในขณะที่ร้อยละ 15.6 ไม่เชื่อมั่น

แนะฟาดผู้นำส่วนราชการเกียร์ว่าง

นายนพดลกล่าวว่า “ลุงตู่ถือธงนำ” ในผลโพลนี้ชี้ให้เห็นว่า บรรดาผู้นำสูงสุดของส่วนราชการต้องออกมาแสดงตนให้ประชาชนเห็นความรับผิดชอบแก้ไข ไม่ใช่ยังหลบซ่อนอยู่ในมุมที่ปลอดภัย ปล่อยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเสี่ยงอันตรายแก้ปัญหาใกล้ชิดประชาชน ควรจะแสดงความเป็นผู้นำให้มากขึ้น มากกว่าปล่อยให้ผู้เสียสละทำงานหนักกลายเป็นพื้นที่ ตำบลกระสุนตก เพียงกลุ่มเดียว

“ประชาชนต้องการเห็น พล.อ.ประยุทธ์ มือข้างหนึ่งถือธงนำชี้ทางไปข้างหน้าว่า เป้าหมายอยู่ตรงไหนเพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศเดินไปสู่เป้าหมายนั้น แต่มืออีกข้างหนึ่งต้องถือไม้เรียว คอยฟาดก้น ผู้นำสูงสุดของส่วนราชการต่างๆ ที่ปล่อยเกียร์ว่าง หรือทำงานแค่แตะๆ ไม่ลงไปใกล้ชิดประชาชน อยู่บนหอคอยงาช้าง ไม่ร่วมเสี่ยงอันตราย ร่วมทุกข์ยากกับประชาชน ถ้าผู้นำหน่วยไหนเกียร์ว่าง ประชาชนส่วนใหญ่อยากให้ปรับย้ายออกให้คนอื่นมาทำแทน” นายนพดลกล่าว

‘ชวน’ชงสื่อนั่งกก.สมานฉันท์

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการแต่งตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ ว่า ขณะนี้เหลือในส่วนของรายชื่อจากที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏที่ยังไม่ส่งมาเป็นทางการ แต่ทราบว่าได้มีการลงมติแล้ว เข้าใจว่าน่าจะเลือกมาครบหมดแล้ว เหลือเพียงส่งรายชื่อที่มีการเปลี่ยนแปลงมาอย่างเป็นทางการ หากส่งรายชื่อมาครบทั้งหมดจะเริ่มประชุมนัดแรก และตนจะเข้าร่วมด้วย

ในการประชุมนัดแรกจะมีการคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิอีก 4 ราย ตนตั้งใจว่าจะเตรียมเสนอให้มีการคัดเลือกตัวแทนสื่อมวลชน 1 ราย เข้าไปเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ เนื่องจากจะมีส่วนสำคัญในการช่วยเรื่องความปรองดอง แก้ไขความขัดแย้งได้ ส่วนฝ่ายค้านได้รับการตอบรับแล้วว่าจะไม่เข้าร่วม แต่ถ้ายังติดใจเรื่องสัดส่วน สามารถเสนอเพิ่มจำนวนสัดส่วนเข้ามาได้

“ผมอยากให้ทุกฝ่ายเข้ามาร่วม แต่หากไม่มีความประสงค์จะเข้าร่วม คงจะไปบังคับไม่ได้ ยืนยันว่าไม่มีความตั้งใจให้กรรมการชุดนี้มาลงมติว่าเห็นด้วยหรือไม่ หรือมาลงคะแนนมากน้อยกว่ากัน แต่เป็นการระดมความคิดของทุกฝ่าย ว่าในสภาพของความขัดแย้ง ควรหาทางออกอย่างไร เชื่อว่าแต่ละฝ่ายมีประสบการณ์” นายชวนกล่าว

นายชวนยังกล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ตามปฏิทินจะต้องมีการลดกำหนดของการประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ภายในกำหนดเวลา พอถึงกำหนดแล้วถ้าไม่มีการขยายเวลาออกไป ก็ต้องเสนอกลับมาภายในสมัยประชุมนี้

‘นิกร’หนุนงดประชุมสภา

ด้านนายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะเลขานุการกมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ (ฉบับที่…) พ.ศ… (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวดว่าด้วยสภาร่างรัฐธรรมนูญ) รัฐสภา กล่าวว่า ขณะนี้นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกมธ.พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยังไม่มีคำสั่งให้งดประชุม กมธ.ในสัปดาห์หน้า แต่คาดว่าอาจมีคำสั่งเร็วๆ นี้ จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่หลายฝ่ายมองว่าควรใช้การประชุมทางอิเล็กทรอนิกส์นั้น ตามข้อบังคับการประชุมร่วมรัฐสภา ไม่มีข้อกำหนดดังกล่าวไว้ ทำให้การประชุมทางอิเล็กทรอนิกส์ของรัฐสภาไม่มีกฎหมายรองรับ ขณะเดียวกันการประชุมกมธ. ที่พิจารณาร่างกฎหมาย ทางปฏิบัติไม่สามารถเรียกประชุมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ เพราะมีรายละเอียดสำคัญทั้งการอภิปรายเนื้อหาและการลงมติ

ตนมองว่าการทำงานของ กมธ.ยังมีเวลา หากงดประชุม และเร่งงานทีหลังสามารถทำได้ อีกทั้ง กมธ.ที่พิจารณาข้อกฎหมายไม่มีกรอบเวลาให้ทำงานสิ้นสุด เหมือนกับกมธ.คณะอื่นๆ ที่กำหนดเวลา และเมื่อไม่เสร็จสามารถขอขยายได้ ตามกรอบเวลากมธ.กำหนดให้ทำงานให้เสร็จภายในเดือนม.ค.นี้ และเข้ารัฐสภาเดือนก.พ. ดังนั้นหากไม่ทันในการประชุมสภาสมัยสามัญ ที่สิ้นสุดวันที่ 28 ก.พ.สามารถขอเปิดวิสามัญเพื่อพิจารณาได้

“ปัจจุบันการประชุมสภา และวุฒิสภา ตามข้อบังคับสามารถประชุมทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ แต่ยังไม่มีระเบียบรองรับ ทำให้กมธ.ไม่สามารถประชุมได้จริง ดังนั้นผมขอเรียกร้องไปยังสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและฝ่ายที่เกี่ยวข้องเร่งออกระเบียบปฏิบัติเกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วน เพื่อให้กมธ.ทำงานได้ไม่เกิดปัญหา” นายนิกรกล่าว

หวั่นเป็นพื้นที่อุลตร้าสเปรดเดอร์

นายนิกรกล่าวถึงกรณีที่นายชวน นัดตัวแทนพรรคการเมืองและคณะกรรมการประสานงาน(วิป)พรรคร่วมรัฐบาล และฝ่ายค้านหารือเรื่องการเลื่อนประชุมสภาในวันที่ 4 ม.ค.นั้น ตนจะเข้าร่วมประชุมในฐานะตัวแทนพรรคชาติไทยพัฒนา เบื้องต้นตนสนับสนุนให้งดประชุม ขณะเดียวกันควรใช้เวทีดังกล่าวหารือและทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้กมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญถูกมองว่าส.ส.พรรครัฐบาลดึงเวลา

“ผมเห็นด้วยว่าควรงดประชุมสภา และขอความร่วมมือกมธ.สามัญ งดประชุม เพื่อป้องกันการระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่ อีกทั้งมองว่ารัฐสภามีความเสี่ยงสูง เพราะมีคนในพื้นที่หลายพันคน ขณะที่ส.ส.และ ผู้ติดตามเดินทางมาจากหลายพื้นที่ ซึ่งอาจมีปัญหากรณีที่เดินทางจากพื้นที่ควบคุมพิเศษ และหากเกิดปัญหาขึ้นจะเป็นการระบาดของไวรัสแบบอุลตร้าสเปรดเดอร์ จากเดิมที่หลายพื้นที่เป็นเพียงซูเปอร์สเปรดเดอร์” นายนิกรกล่าว

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะกมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า หากมีการเลื่อนประชุม กมธ.ออกไป เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คงต้องยอมรับกติกา เนื่องจากเป็นปัญหาส่วนรวม แต่ต้องยอมรับว่าจะต้องเสียเวลาไปอีก แต่ก็ไม่เป็นไร ตนว่าทุกฝ่ายยอมรับได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน