วันที่ 21 ก.พ. กลุ่มชาวนาต.รังกาใหญ่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา เร่งสูบน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยลงสู่คลองน้ำสาธารณประโยชน์เพื่อใช้ปลูกข้าวนาปรัง หลังจากช่วงฤดูฝนที่ผ่านมาเกษตรกรส่วนใหญ่ประสบกับอุทกภัยน้ำท่วมทำให้ไม่ได้รับผลผลิตข้าวนาปีเท่าที่ควร ต้องปลูกข้าวนาปรังทดแทนหวังที่จะได้ผลผลิตเพิ่ม แต่ก็มาประสบกับปัญหาขาดแคลนน้ำอีก เนื่องจากภัยแล้งมาเร็วกว่าทุกปี แหล่งน้ำสาธารณะในพื้นที่ปริมาณน้ำแห้งลงอย่างรวดเร็ว จนสำนักงานเกษตรอำเภอพิมายได้ออกประกาศเตือนว่า ปีนี้ขอให้งดทำการเพาะปลูกข้าวนาปรัง เพราะปริมาณน้ำภายในเขื่อนพิมายมีปริมาณน้ำไม่เพียงพอที่จะส่งน้ำให้เพาะปลูกข้าวนาปรังได้ นายติกุล ขอกรดสำโรง อายุ 65 ปี เกษตรกร เปิดเผยว่า ตนลงทุนปลูกข้าวนาปรังทั้งหมด 30 ไร่ เพราะที่ผ่านมานาข้าวถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก จึงตัดสินใจปลูกข้าวนาปรังหวังจะได้รับผลผลิตเพิ่มเพื่อทดแทนข้าวนาปี แต่ก็เสี่ยงที่จะขาดแคลนน้ำทำนาปรัง เพราะภัยแล้งมาเร็ว

ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่า ปริมาณน้ำภายในลำน้ำชีช่วงที่ไหลผ่านอำเภอแก้งสนามนาง ปริมาณน้ำลดระดับลงอย่างน่าใจหาย อาจจะต้องประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำใช้อุปโภค บริโภคและใช้ในภาคการเกษตรได้ เนื่องจากเป็นแหล่งน้ำใช้หล่อเลี้ยงคนในชุมชน โดยเฉพาะบริเวณบ้านแก่งโกปริมาณน้ำแห้งจนเกือบหมด เหลือเฉพาะช่วงเขื่อนดินที่ชาวบ้านนำกระสอบทรายมากั้นกักเก็บน้ำเอาไว้ ชาวประมงพื้นบ้านก็ไม่สามารถออกเรือหาจับสัตว์น้ำขายได้ต้องจอดเรือชั่วคราว และยังส่งผลกระทบกับเกษตรกรปลูกพืชผักสวนครัวด้วย เครื่องสูบน้ำด้วยพลังงานไฟฟ้าก็ไม่สามารถสูบน้ำขึ้นมาใช้ได้ แม้ว่าช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ปริมาณน้ำในลำน้ำชีจะมีมากจนล้นตลิ่งเข้าท่วมในหลายพื้นที่จากอิทธิพลของพายุหลายลูกที่ทำให้เกิดฝนตกจำนวนมาก แต่น้ำปริมาณมหาศาลเหล่านั้นก็ไหลไปจนหมด ชาวบ้านจึงอยากให้ภาครัฐจัดสรรงบประมาณมาช่วยแก้ปัญหาภัยแล้งระยะยาวให้ด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน