พท.คาดปรับครม.
ไม่เกิน3เดือนพัง

‘บิ๊กป้อม’ ลุยเอง นัดพปชร. เคลียร์ปัญหาภายใน 2 มี.ค. สลายกลุ่มก๊วนก่อนถก ปรับครม.กับพรรครัฐบาล ภูมิใจไทยประชาธิปัตย์ลงตัว ยังยึดโควตาเดิม ‘สุทิน’ เตือน ‘บิ๊กตู่’ ระวังกล้วยจุกปาก เชื่อหลังปรับไม่เกิน 3 เดือน รัฐบาลพัง ยุนายกฯชิงลาออก เพื่อไทยหวั่นส.ว.ล้มแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 3 ‘นิกร’ กังวลมีด่านหินจากคำวินิจฉัยศาลรธน. ‘จุรินทร์’ นำทัพใหญ่หาเสียงซ่อมส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช มั่นใจชนะเลือกตั้ง

‘บิ๊กป้อม’นัดเคลียร์ศึกในพปชร.

หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เตรียมปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เนื่องจากนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต รมว.ศึกษาธิการ และนายถาวร เสนเนียม อดีตรมช.คมนาคม ถูกศาลอาญาชั้นต้นตัดสินจำคุกในคดีคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองปี 2556-2557 มีผลให้หลุดจากตำแหน่งทันที เพราะขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ

เมื่อวันที่ 27 ก.พ. รายงานข่าวจากแกนนำพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เปิดเผย ว่า ในวันที่ 2 มี.ค. เวลา 16.30 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ เรียกประชุมกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เพื่อหารือถึงการปรับครม. หลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์ ส่งสัญญาณให้พรรคพลังประชารัฐคุยกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ในเรื่องดังกล่าว เพื่อส่งชื่อบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีให้กับนายกฯพิจารณา หากจะมีการปรับเปลี่ยน นอกเหนือจาก 3 ตำแหน่งที่ว่างลงในตอนนี้

ที่สำคัญในการประชุมกก.บห.พรรคพลังประชารัฐจะถือโอกาสเคลียร์และทำความเข้าใจปัญหาความขัดแย้งภายในต่างๆที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เพื่อให้พรรคมีความเป็นเอกภาพ เพราะพล.อ.ประวิตร ไม่ต้องการให้มีการแบ่งกลุ่มก๊วนหรือมีการต่อรองในเรื่องการปรับครม.อย่างที่มีข่าวออกมารายวัน โดยจะต้องเคลียร์ปัญหาภายในพรรคให้เรียบร้อยก่อนที่จะนัดคุยกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลในเรื่องการปรับครม.ต่อไป

3 มิตรเล็งส่ง‘สรวุฒิ-บุญยิ่ง’ชิงรมต.

สำหรับกลุ่มต่างๆในพรรคพลังประชารัฐ ยังเคลื่อนไหวต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่ม 3 ช. เพื่อขยับขึ้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการและสลับเก้าอี้รัฐมนตรี ส่วนตำแหน่งรมช.ที่ว่างลง กลุ่มนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.พลังประชารัฐ เสนอชื่อนายชัยุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรค ส่วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ผลักดัน นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร รับตำแหน่ง

ขณะที่กลุ่มสามมิตร เตรียมเสนอชื่อนายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี และนาง บุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี ให้พรรคพิจารณา ด้านส.ส.ภาคใต้ของพรรค แม้มีข่าวว่า 13 ส.ส.ภาคใต้ ต้องการโควตา 1 เก้าอี้ แต่ในกลุ่มยังขาดเอกภาพ เพราะต่างคนต่างเสนอตัวเอง อีกทั้งส.ส.ภาคใต้แต่ละคนมีมุ้งในพรรคที่ชัดเจนอยู่แล้ว จึงอาจเสียเปรียบกลุ่มอื่นๆ และส่งผลต่อการจัดสรรโควตา

ส่วนพรรคภูมิใจไทย(ภท.)และพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) แม้จะมีสัดส่วนรัฐมนตรีกับจำนวนส.ส.ที่มีการปรับเปลี่ยน แต่ทั้ง 2 พรรคยังขอยึดสัดส่วนโควตาเดิมคือ 7 ต่อ 1

ปัจจุบันเสียงในพรรคร่วมรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐ มีส.ส. 121 คน พรรคประชาธิปัตย์ 51 คน แต่จากคดี กปปส.นายชุมพล จุลใส อดีต ส.ส.ชุมพร และนาย อิสสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ส่วนกรณีของนายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา ยังรอความชัดเจน ขณะที่พรรคภูมิใจไทยมี 61 เสียง

ปชป.เกาะแน่นเก้าอี้‘ถาวร’

ที่อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช นาย จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องปรับครม. เบื้องต้นจะได้เตรียมหารือกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเตรียมการสำหรับนัดประชุมกก.บห. ในเวลาที่เหมาะสมต่อไป แต่ขณะนี้ขอแสดงความยินดีกับนายถาวร และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อีกหลายคนที่ได้รับการปล่อยตัว ขณะนี้เป็นช่วงที่คณะของพรรคมาช่วยกันรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชา ธิปัตย์ แถลงว่า หลังจากนายถาวร หลุดจาก รมช.คมนาคม อำนาจในการปรับครม.เป็นของพล.อ. ประยุทธ์ ซึ่งขณะนี้นายกฯ ยังไม่มีการส่งสัญญาณมายังนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ในส่วนของพรรคยังไม่ได้มีการหารือกันในเรื่องนี้ เพราะขณะนี้สมาชิกส่วนใหญ่ลงพื้นที่หาเสียงช่วยผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมส.ส. เขต 3 จ.นครศรีธรรมราช จึงยังไม่ได้มีการพูดคุยกันว่าจะให้ใครมาแทนนายถาวร

ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังยืนยันว่าเป็นโควตาของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายราเมศกล่าวว่า หลักการยังเป็นไปตามเดิมที่พล.อ.ประวิตรวางกรอบไว้ตั้งแต่ตั้งรัฐบาล

จ่อยื่นเอาผิดส.ส.วิจารณ์ศาล

นายราเมศกล่าวอีกว่า กรณีศาลอุทธรณ์ให้ประกันตัวชั่วคราวอดีตแกนนำ กปปส.ทั้ง8 คน เมื่อวันที่ 26 ก.พ. มีปรากฏการณ์ที่ไม่น่าเกิดขึ้นในสังคม มีคนระดับ ส.ส. บิดเบือน ข้อเท็จจริงโจมตีศาลยุติธรรม กล่าวหาว่าศาลมี 2 มาตรฐาน มีระบบตั๋วที่ให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยมีการเทียบเคียงกับกลุ่มเยาวชน 4 คนที่ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว นี่คือสามัญ สำนึกหรือการโพสต์ลงโซเชี่ยลของส.ส.คนดังกล่าวถือเป็นการใส่ร้าย ทำลายความน่าเชื่อถือกระบวนการยุติธรรม

การที่ศาลจะให้ประกันตัวหรือไม่นั้น ท่านดูจากข้อเท็จจริงในสำนวน พฤติการณ์แห่งคดี โดยศาลอุทธรณ์พิจารณาว่ามีพฤติกรรมหลบหนีหรือไม่ รวมทั้งเรื่องของหลักทรัพย์ หากปล่อยตัวแล้วมีการ กระทำความผิดอีกหรือไม่ เข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไม่ ซึ่งเมื่อเทียบเคียงกับคดี 4 แกนนำเยาวชน ศาลได้ปล่อยตัวนับไม่ถ้วน แต่เมื่อปล่อยแล้วก็ยังกระทำความผิดซ้ำอีก

“ผมจะทำหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมในนามส่วนตัวในสัปดาห์หน้า ว่าการกระทำของส.ส.รายนี้เข้าข่ายการทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 198 หรือไม่ หากเข้าข่ายกระทำผิด ศาลต้องดำเนินคดีเพราะถือเป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรม ที่ผมต้องพูดและทำเช่นนี้ถือเป็นหน้าที่ของประชาชนที่ปกป้องกระบวนการยุติธรรม” นายถาวรกล่าว

ทั้งนี้ ผู้ที่โพสต์ข้อความดังกล่าวคือนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล

ตั้งการ์ดสู้ให้ ‘ถาวร’ ไม่หลุดส.ส.

นายราเมศกล่าวว่า ส่วนนายถาวร ที่เป็นส.ส.เขต 6 สงขลา ที่ถูกพิพากษาจำคุกนั้น ยืนยันว่านายถาวรยังคงเป็นส.ส.ตามรัฐธรรมนูญ ไม่เข้าลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 101 (13) เพราะคดียังไม่ถึงที่สุด หากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไปยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ก็จะสู้ข้อกฎหมายเต็มที่

ส่วนนายชุมพล จุลใส ส.ส.เขต 1 ชุมพร และนายอิสสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ถูกพิพากษาจำคุกและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปีในคดีชุมนุมทางการเมืองเช่นกัน กระบวน การเดินไปตามรัฐธรรม นูญ เมื่อสภาผู้แทนราษฎรส่งหนังสือไปให้กกต. ต้องรอให้กกต.วินิจฉัยความเป็นส.ส. หากมีสมาชิกล่ารายชื่อตามมาตรา 82 ให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความกรณีดังกล่าวก็ถือเป็นสิทธิของสมาชิก

‘สมชัย’เบรกกกต.ยื่นศาลตีความ

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า กกต.เตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพนายถาวร และนายชุมพล จำเลยในคดีชุมนุมกปปส. ต้องคำพิพากษาศาลอาญาจำคุก มีผลทำให้สมาชิกภาพส.ส. สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (6) หรือไม่ว่า กรณีนี้ กกต.ไม่จำเป็นต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญแล้ว เรื่องของ ส.ส.ทั้งสองคนนี้เป็นการสิ้นสุดสมาชิกภาพของส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (6) ระบุว่า ต้องคำพิพากษาให้จำคุก หรือถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล ซึ่งทุกอย่างชัดเจนในรัฐธรรมนูญแล้ว

“เมื่อ ส.ส. และรัฐมนตรี ถูกส่งเข้าเรือนจำเพียงวันเดียวก็หลุดจากตำแหน่ง เรื่องนี้ไม่ต้องส่งให้รัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วขั้นตอนต่อไปนี้ที่กกต.ควรดำเนินการจัดเลือกตั้งซ่อมแทนตำแหน่งที่ว่างลงได้เลย ภายใน 45 วันนับตำแหน่งว่างลงนั้นคือ วันที่ศาลมีคำพิพากษา” นายสมชัยกล่าว

‘สุทิน’เตือน‘บิ๊กตู่’กล้วยจุกปาก

ด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับครม.ว่า สถานการณ์การเมืองวันนี้เริ่มเดินลำบาก หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตั้งหลักให้ดีๆ ไม่คิดด้วยมโนธรรมดีๆ อาจทำให้สถานการณ์การเมืองมีสิทธิช็อกได้ เพราะหาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีบารมีเพียงพอ กล้วยจะจุกปากท่าน

วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์พูดไม่ได้ว่าจะปรับใคร และไม่ว่าจะปรับใครเข้าออกก็ตาม ความแตกร้าวในพรรคพลังประชารัฐ ได้ก่อตัวขึ้นและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว แม้แต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มีบารมีมากกว่า ยังจะประคองสถานการณ์ได้ยาก บรรจบกับความบาดหมางในพรรคร่วมรัฐบาลที่รุนแรงขึ้นเช่นกัน

ปรับครม.อยู่ไม่เกิน3เดือน-ยุลาออก

สถานการณ์เช่นนี้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องพิสูจน์ว่าตัวเองมีบารมีพอหรือไม่ มีมโนธรรมแค่ไหน หรือจะแค่หลับหูหลับตาอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็เตรียมนับถอยหลังได้เลย เชื่อว่าหลัง พล.อ.ประยุทธ์ปรับครม.ไปแล้ว ไม่เกิน 3 เดือนรัฐบาลพังแน่นอน แต่หาก พล.อ.ประยุทธ์ อยากปลดล็อกให้ประเทศก็มี 2 ทางเลือก คือยุบสภา และลาออก

“หากยุบสภา โดยที่ยังไม่ได้แก้รัฐธรรม นูญ เลือกตั้งกันด้วยกฎหมายเดิม แล้วพวกท่านก็กลับมาด้วยโฉมหน้าเดิมๆ ประชาชนและประเทศไม่ได้อะไร จะมีวิกฤตใหญ่รออยู่ข้างหน้า แต่ถ้าท่านยอมลาออก ให้สภาสรรหา นายกฯ คนใหม่ วิธีนี้ประเทศบอบช้ำน้อย ประชาชนและประเทศจะมีโอกาส จะมีความหวังใหม่ๆ เกิดขึ้น ทุกอย่างจะดีขึ้น” นาย สุทินกล่าว

หวั่นส.ว.ล้มแก้รธน.วาระ 3

นายสุทินกล่าวถึงการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ผ่านวาระ 2 ไปแล้วว่า แม้จะผ่านวาระ 2 ไปแล้ว แต่ตนยังกังวลมากขึ้น เพราะหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคำร้องของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และนายสมชาย แสวงการ ส.ว. ยื่นคำร้อง ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256 ของรัฐสภา เพื่อตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญ เท่ากับจบเลย ต้องมานับหนึ่งกันใหม่

แม้ศาลจะวินิจฉัยว่าไม่ขัด เดินหน้าแก้ไขต่อไปได้ ตนก็ยังกังวลโดยเฉพาะท่าทีของ ส.ว.ในการพิจารณาวาระ 2 ที่ดูเหมือนมีอะไรซ่อนเร้น และอาจจะมาล้มในวาระ 3 เพราะต้องใช้เสียง ส.ว.ถึง 1 ใน 3 คือ 84 เสียง ในส่วนของ ส.ส.พยายามปรับแก้ให้เต็มที่แล้วทั้งในวาระ 1 และ 2 แต่ยังมีสัญญาณบ่งบอกว่า ส.ว.อาจมีวาระพิเศษซ่อนอยู่

‘นิกร’กังวลศาลรธน.ชี้ขาดเป็นลบ

ทางด้านนายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม ของรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงไทม์ไลน์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวาระ 3 ว่า ตามกำหนดการหารือของ วิปฝ่ายค้าน และวิปฝ่ายรัฐบาล จะเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญพิจารณาในวาระ 3 วันที่ 17-18 มี.ค. โดยในวาระ 3 จะเปิดให้สมาชิกรัฐสภา 750 คน โหวตรับ หรือไม่รับเท่านั้น ไม่มีการอภิปรายอีกแล้ว โดยใช้วิธีการขานชื่อ คาดว่าใช้เวลาเพียง 1 วันก็เสร็จ ซึ่งต้องใช้เสียง ส.ว. 1 ใน 3 หรือ 84 เสียง และใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของรัฐสภา และจะใช้วันที่ 18 มี.ค. เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ซึ่งเป็นกฎหมายสำคัญในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

“ปัญหาเฉพาะหน้าขณะนี้คือ ในวันที่ 4 มี.ค. ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยอำนาจการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภา ซึ่งไม่สามารถจะวิเคราะห์ได้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร นี่คือด่านแรก ก่อนจะไปโหวตวาระ 3 ทำให้ตอนนี้ผมเริ่มมีความกังวลบ้างว่าศาลจะวินิจฉัยเป็นลบ เพราะมีประเด็นที่ ส.ว.ยกมาหารือในการประชุมวาระ 2 ที่ผ่านมา คือ ส.ว. ต้องการเติมเนื้อหาห้ามแก้ไขมาตราที่เกี่ยวกับพระราชอำนาจ ซึ่งบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 รวม 38 มาตรา เพราะจะไปกระทบกับหมวด 1 และหมวด 2 ซึ่งไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว เป็นข้อต้องห้ามตามมาตรา 255” นายนิกรกล่าว

เมื่อถามว่า การเลือกตั้งส.ส.ร. จนกระทั่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จสิ้นต้องใช้ระยะเวลานานเท่าใด นายนิกรกล่าวว่า อย่าเพิ่งไปพูดถึงส.ส.ร.ดีกว่า เอาให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ผ่านก่อน

ปชป.ย้ำลงมติเห็นชอบ

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคประชา ธิปัตย์มีหลักในการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจนมาตั้งแต่เริ่มต้น ขอบคุณสมาชิกรัฐสภาได้มีมติให้ผ่านญัตติรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมในวาระที่ 2 ซึ่งจะเห็นว่าในรายละเอียดแต่ละมาตราในการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 ได้มีการกลับไปใช้ร่างเดิม เช่น การใช้คะแนนเสียง 3 ใน 5 ส่วนกรณีส.ส.ร.ที่เพิ่มเติมมาเป็นหมวด 15/1 มี ส.ส.ร. 200 คนที่มาจากการเลือกตั้งประชาชนโดยตรง เป็นเรื่องดีที่ประชาชนได้มีส่วนร่วม

เมื่อเข้าสู่วาระ 3 ที่จะมีการพิจารณาในวันที่ 17-18 มี.ค. พรรคประชาธิปัตย์ยังมีมติเห็นชอบในวาระ 3 ตามมติเดิมของพรรค ส่วนที่มีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าการแก้ไขเพิ่มเติมขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น เราไม่กังวล หากศาลมีคำวินิจฉัยอย่างไรก็พร้อมปฏิบัติตาม ในส่วนของการยื่นแก้ไขรายมาตรานั้น พรรคได้เก็บข้อมูลว่ามาตราไหนไม่มีความเป็นประชาธิปไตย เรามีข้อมูลครบ ซึ่งต้องคุยกันในพรรครวมทั้งหารือกับพรรคการเมืองอื่นเพื่อผลักดันต่อไป

ก้าวไกลอัดผู้มีอำนาจสกัดแก้ไข

นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม ของรัฐสภา ให้สัมภาษณ์หลังการพิจารณาในวาระ 2 ผ่านรัฐสภาแล้ว ว่า หลังจากปิดสมัยประชุมสภา ก็รออีก 15 วัน เพื่อเปิดประชุมสมัยวิสามัญ โดยในการพิจารณาวาระ 3 จะไม่สามารถแก้ไขเนื้อหาอะไรได้อีก ทำได้เพียงลงมติว่าจะเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบ เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่มีความพยายามสกัดไม่ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญหลายเส้นทาง โดยเฉพาะมาตรา 256/19 ระบุว่าให้ใช้เสียง 2 ใน 3 ของรัฐสภา หรือ 500 เสียง ซึ่งถือเป็นจำนวนที่เยอะมาก

อีกเรื่องคือการเลือกตั้งส.ส.ร. ที่ใช้ระบบแบบแบ่งเขต คล้ายกับการเลือก ส.ส.เขต ไม่สะท้อนการคัดเลือกผู้ที่จะมาเป็น ส.ส.ร. ทั้งที่ควรใช้ระบบเขตประเทศ ที่ทำรายประเด็น เช่น มาจากกลุ่มคนผู้ใช้แรงงาน เกษตรกร ตำรวจ ทหาร ข้าราชการ หรือสื่อมวลชน เป็นต้น ที่จะสามารถแสดงเจตจำนงได้ชัดกว่า แต่ยังถือว่ามีช่องทางเดินต่อไปได้บ้าง เราต้องรณรงค์ให้ประชาชนช่วยไปเลือกตั้ง และเลือกคนที่น่าจะเป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อมาร่างรัฐธรรมนูญให้ดี และผ่านออกมาเป็นรัฐธรรมนูญให้ได้

การประชุมรัฐสภาที่ผ่านมาจะเห็นว่ามีความพยายามวางกับดัก เพื่อไม่ให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญมากมาย ฝ่ายผู้มีอำนาจที่ร่างรัฐธรรมนูญ 2560 ก็ยังไม่อยากให้แก้ไขสิ่งที่ตัวเองร่าง แต่เราต้องสู้ต่อไป เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเป็นไปในทางลบจะทำอย่างไร นาย ธีรัจชัยกล่าวว่า หากศาลวินิจฉัยเช่นนั้น มีแนวทาง 2 อย่างคือ หนึ่งแก้ไขไม่ได้เลย และสองแก้ไขได้รายมาตรา

‘จุรินทร์’นำทัพหาเสียงนครศรีฯ

วันเดียวกัน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำทีมกรรมการบริหารพรรค ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งซ่อมส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 3 โดยทัพใหญ่หาเสียงในช่วงวันที่ 27-28 ก.พ. โดยมีนายนิพนธ์ บุญญามณี คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช นายถาวร เสนเนียม นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ นายจุติ ไกรฤกษ์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายสาธิต ปิตุเตชะ นายอลงกรณ์ พลบุตร นายนราพัฒน์ แก้วทอง นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ นายประกอบรัตนพันธุ์ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล เป็นต้น โดยพรรคประชาธิปัตย์ส่ง นายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ เป็นผู้สมัครในนามพรรค ได้หมายเลข 3

โดยเวลา 14.00 น. นายจุรินทร์พบปะ พี่น้องประชาชนบริเวณตลาดเทศบาลชะอวด จ.นครศรีธรรมราช 15.30 น. พบปะพี่น้องประชาชน วิสาหกิจกลุ่มมังคุดคุณภาพชะอวดพัฒนา ที่หมู่ 10 ต.เกาะขันธ์ อ.ชะอวด เวลา 16.15 น. พบปะพี่น้องประชาชน วิสาหกิจชุมชนกลุ่มมังคุดชะอวดพูนผล ที่หมู่ 4 ต.เกาะขันธ์ อ.ชะอวด และ 17.05 น. พบปะพี่น้องประชาชน บริเวณตลาดนัดไม้เสียบ อ.ชะอวด

วันที่ 28 ก.พ. เวลา 07.00 น. พบปะพี่น้องประชาชนบริเวณตลาดกอบัว อ.พระพรหม 09.30 น. พบปะพี่น้องประชาชน กลุ่มเกษตรกรรายย่อย ต.นาสาร อ.พระพรหม 13.30 น. พบปะพี่น้องประชาชน ต.เคร็ง ต.ขอนหาด ต.นางหลง อ.ชะอวด 15.30 น. พบปะพี่น้องประชาชนบริเวณตลาดนัดควนหนองหงส์ อ.ชะอวด เป็นต้น

นายจุรินทร์ยังมีกำหนดการร่วมการปราศรัยใหญ่ของพรรคในวันที่ 4 มี.ค. ที่ อ.เฉลิม พระเกียรติ และอ.พระพรหม และในวันที่ 5 มี.ค. ที่อ.ชะอวด และอ.จุฬาภรณ์อีกด้วย

มั่นใจ‘พงศ์สินธุ์’ชนะเลือกตั้ง

นายจุรินทร์ ให้สัมภาษณ์หลังพบปะกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มมังคุดชะอวดพูนผล ที่ศูนย์พัฒนาเศรษฐกิจการเกษตรและท่องเที่ยวชุมชนดิจิทัล อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้รับการตอบรับที่ดี ซึ่งทราบจากการสอบถามกับแกนนำของพรรค และผู้ที่รับผิดชอบในการเลือกตั้งดังกล่าว และน่าจะได้รับเสียงตอบรับเพิ่มขึ้นจากผลงานที่พรรคทำในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทั้งนโยบายประกันรายได้เกษตรกร ที่พรรคสามารถผลักดันจนเกิดรูปธรรม ทำได้ไว ทำได้จริง ซึ่งนโยบายนี้ได้ช่วยเหลือชาวสวนยาง พาราและสวนปาล์ม รวมถึงยังได้ผลักดันนโยบายเชิงรุกที่ช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ปลูกผลไม้ชนิดต่างๆ สิ่งเหล่านี้มีส่วนสำคัญทำให้ประชาชนได้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อได้เข้ามารับผิดชอบงานอะไรก็สามารถทำได้จนประสบความสำเร็จตามที่ได้สัญญากับประชาชนไว้

ผู้สื่อข่าวถามว่าจากคดีกปปส. ซึ่งมีส.ส.ของพรรคถูกดำเนินคดี จะส่งผลต่อคะแนนเสียงหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า อย่างน้อยที่สุดเรื่องนี้ทำให้ประชาชนสามารถเชื่อมั่นในตัวบุคลากรของพรรคในความเป็นนักต่อสู้ที่ยืดหยัดต่อสู้โดยยึดประโยชน์ของประชาชน และประชาชนในภาคใต้เข้าใจดีถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงคิดว่าไม่มีอะไรที่น่ากังวล สำหรับนายถาวรทันทีที่ได้รับอิสรภาพประกันตัวชั่วคราวในคดีกปปส. ก็ได้รีบมาช่วยรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง

ด้านนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า บรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัครและทีมงานต่างๆเป็นไปอย่างคึกคักและมั่นใจว่า นายพงศ์สินธุ์ จะสามารถคว้าชัยชนะได้อย่างแน่นอน

‘องอาจ’ อ้อน 1 เสียงมีความหมาย

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า พรรคประชา ธิปัตย์ได้ส่งส.ส.ลงมาช่วยงานในพื้นที่กันมาก แยกย้ายกันลงพื้นที่ช่วยหาเสียงทั้ง 4 อำเภอ คือ อ.ชะอวด เฉลิมพระเกียรติ จุฬาภรณ์ และ พระพรหม ซึ่งทั้ง 4 อำเภอนี้จะมีประชาชนมาใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 3 ในวันที่ 7 มี.ค.นี้

พรรคประชาธิปัตย์เดิมมีส.ส. 52 คน วันนี้เหลือ 51 คน ถูกตัดสิทธิ์ไป จึงต้องมีการเลือกตั้งซ่อม เราจึงอยากรักษาที่นั่งเดิมไว้ให้อยู่คู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ส.ส. 1 คนมีความหมายกับการทำหน้าที่ในสภา สร้างสรรค์ผลงานที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน หากไม่มีหนึ่งเสียงนี้จะทำให้เราขาดโอกาสในการร่วมรัฐบาล

เร็วๆ นี้อาจจะมีส.ส.ขาดอีกหลายเสียง เข้าใจว่าทุกคนก็ติดตามข่าวกันอยู่ คงจะทราบอย่างดี จะต้องมีการเลือกตั้งซ่อมขึ้นอีกหลายพื้นที่ วันนี้จึงเริ่มต้นที่นครศรีธรรมราชในเขต 3 ก่อน พรรคประชาธิปัตย์จึงมาขอคะแนนเสียง 1 คะแนนตามคำขวัญ “พรรคของเรา คนของเรา” ที่คนนครศรีธรรมราชเป็นคนตั้งให้พรรคอยู่คู่กับประชาชนตลอดไป

ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ทำหน้าที่เป็นสถาบันทางการเมืองที่แท้จริง คนที่เข้ามาต้องแข่งขันกันเพื่อสร้างผลงาน ทำความดี ไร้ซึ่งผลประโยชน์ จึงเป็นเหตุผลที่ตนเข้ามาร่วมงานกับพรรค จึงขอความไว้วางใจ ฝากให้คนดี คนมีคุณธรรม นาย พงศ์สินธุ์ เป็นผู้แทนของพี่น้องประชาชนเข้ามาทำงาน ในสภา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน