ปชป.เลิกเกรงใจ
ลั่นไม่คุยพปชร.
พิษเลือกตั้งซ่อม

พรรคร่วมรัฐบาลส่อร้าวอีก จุรินทร์ลั่นไม่คุยกับพปชร. แล้ว พร้อมส่งผู้สมัครลุยทุกสนามเลือกตั้งส.ส. ไม่กระทบโควตารมต. ‘บิ๊กตู่’ ย้ำอีก ปรับครม.เสร็จในเดือนมี.ค.นี้ ‘บิ๊กป้อม’ การันตีส.ส.พปชร.ยังปึ้ก ไม่มีกปปส.ในพรรค สะพัด ‘อนุชา-นฤมล’ ขัดแย้งกันรุนแรง ฝ่ายค้านคาดร่างรธน. มีโอกาสแท้งสูง ชี้รัฐบาลไม่อยากให้แก้ แต่ถูกม็อบกดดัน จับตายืมมือศาลหรือส.ว.ล้มร่างแก้ไข ห่วงแก้รายมาตรา จะได้รธน.ที่ไม่ใช่ของประชาชน อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ยันคำวินิจฉัยปมแก้รธน.ปี 55 ใช้เป็นบรรทัดฐานไม่ได้ ชี้เป็นแค่คำแนะนำ ไม่มีผลผูกพันอย่างที่ ‘ไพบูลย์’ กล่าวอ้าง

‘บิ๊กตู่’ย้ำปรับครม.เสร็จมี.ค.

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 6 มี.ค. พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวในรายการ PM PODCAST นายกฯเล่าเรื่อง ถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ตนได้หารือกับพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว และเป็นหน้าที่ของนายกฯที่จะต้องตัดสินใจในขั้นสุดท้ายตามรายชื่อที่เสนอขึ้นมา คาดว่าจะชัดเจนภายในเดือนมี.ค.อย่างเร็วที่สุด ส่วนระหว่างนี้ ขออย่ากังวล รัฐบาลยังทำงานได้ตามปกติ เพราะทุกอย่างมีกฎหมาย มีระเบียบและมีการรักษาการในทุกกระทรวงอยู่แล้ว

นายกฯ กล่าวว่า ขอฝากเรื่องความรักสามัคคี มีจิตสำนึก มีความรับผิดชอบ เผื่อแผ่ แบ่งปัน นี่คือประเทศไทย เรามีสิ่งเหล่านี้กันมายาวนาน เราต้องรักสามัคคี ไม่แตกแยกและเคารพกฎหมาย นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด กฎหมายร่างกันออกมาแล้ว มีกฎหมายอยู่ทุกเรื่อง กรุณาช่วยกันรักษากฎหมายด้วย จะไม่ไปทำให้ความขัดแย้งขยายตัวออกไป ทุกประเทศต้องใช้กฎหมาย และขอให้ทุกคนช่วยกันฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน เราคือทีมประเทศไทย

ป้อมตื่นเต้น-ขึ้นเวทีครั้งแรก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) และคณะ ลงพื้นที่พบปะประชาชน ที่ตลาดนัดเสาร์-อาทิตย์ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยเดินทักทายพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอย ประชาชนบางส่วนได้เข้ามาสะท้อนปัญหาโครงการรัฐบาล และบางส่วนขอถ่ายรูป ทำให้พล.อ.ประวิตรอารมณ์ดีและยิ้มแย้มแจ่มใส จากนั้นได้เดินทางไปสักการะอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่วัดเขาขุนพนม ต.บ้านเกาะ อ.พรหมคีรี เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนเดินทางกลับกทม.

พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงการขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงครั้งแรกว่า ทำอะไรครั้งแรกก็ตื่นเต้นอยู่แล้ว เป็นธรรมดา และไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน เพราะแก่ป่านนี้แล้วจะเตรียมตัวทำไม แต่ตนมีส.ส. ทำให้สบายใจขึ้น และทุกอย่างพูดมาจากใจ ส่วนที่ชาวบ้านเชียร์ใจถึงพึ่งได้ก็พึ่งได้จริงๆ ทุกคนพึ่งได้ทั้งนั้น แล้วแต่ใครจะพึ่งใคร ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล แต่พรรคนี้ ทำให้คนไทยเหมือนกัน

ยันพปชร.ยังรักกันดี

ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าการปรับครม. พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “เป็นเรื่องของผม บอกแล้วว่าอยู่ในหัว จะมีกี่ชื่อก็แล้วแต่ผม จะมาถามทำไม ส่วนจะปรับกี่ตำแหน่ง แล้วแต่พล.อ.ประยุทธ์ จะตัดสินใจ เพราะนายกฯ เป็นคนทำงาน จะเลือกใครก็แล้วแต่ ผมมีหน้าที่ส่งชื่อ ถ้าไม่เอาก็ส่งกลับมา”

เมื่อถามว่าหากได้รับคะแนนส.ส.ภาคใต้เพิ่มขึ้น จะพิจารณาเรื่องปรับครม.ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้ เพราะนายกฯทำงานกับทุกคน ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ จะเอาคนทำงานมาช่วยเหลือประชาชน ต้องเป็นคนที่มีความรู้ ความซื่อสัตย์สุจริต ทำงานเพื่อประชาชนให้ยู่ดี กินดี เมื่อถามว่าหลังปรับครม. พรรคจะมีปัญหาหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า พรรคไม่ได้มีปัญหาเรื่องครม. เราเป็นพรรคที่ส.ส.รักกัน ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันจะเป็นครม.

ลั่นไม่มีกปปส.ในพรรค

เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตรมว.ศึกษาธิการ และนาย พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) แกนนำกปปส. ที่หลุดจากตำแหน่งหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่า ใครแกนนำกปปส. ไม่รู้จัก รัฐมนตรีก็ไม่ใช่กปปส.เพราะอยู่พปชร. ไม่มีกปปส. ไม่มีในพรรค ส่วนจะพูดคุยหรือไม่นั้น ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะเป็นเรื่องในพรรคของตน ทุกวันนี้พรรคก็ร่วมมือร่วมใจกันดี

ผู้สื่อข่าวถามถึงข่าวปลัดกระทรวงมหาดไทยไปตั้งพรรคสำรองไว้ให้กับพปชร. พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้ ไม่ได้เป็นคนไปตั้ง เมื่อถามในเรื่องที่ไม่รู้แล้วจะบอกว่ารู้ได้อย่างไร ส่วนที่วิจารณ์ว่าจะเป็นสาขาของพปชร.หรือไม่นั้น แล้วแต่สื่อจะคิด ผู้สื่อข่าวคิดไปเองทั้งนั้น

หึ่ง‘อนุชา-นฤมล’ซัดกันแรง

รายงานข่าวจากพปชร. แจ้งว่า ในพปชร.เริ่มมีปัญหาขัดแย้งกันอย่างหนักระหว่างนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ และเลขาธิการ พปชร. กับนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน และเหรัญญิกพรรค ถึงการทำงานในพรรคที่ข้ามหัวกันไปมา จนเกิดการโต้เถียงกันอย่างรุนแรงภายในพรรค

‘อู๊ดด้า’ยันคุยปรับครม.จบแล้ว

เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์ประสานงานอำนวยการเลือกตั้งส.ส.เขต 3 จ.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าปชป. ให้สัมภาษณ์ถึงบางฝ่ายคาดการณ์ผลการเลือกตั้งซ่อมส.ส. เขต 3 นครศรีธรรมราช จะมีผลกับตำแหน่งรัฐมนตรีในการปรับครม.ว่า ตนได้พูดคุยกับนาย เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการปชป. รวมถึงพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พปชร. และพล.อ.ประยุทธ์ ถึงเรื่องการปรับครม.จบแล้วในภาพรวม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

เมื่อถามว่าผลการเลือกตั้งในครั้งนี้จะทำให้เกิดการระหองระแหงกันในรัฐบาลหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า สำหรับผู้ใหญ่ในพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีอะไร เพราะทุกคนมีวุฒิภาวะ ตนและเลขาธิการปชป. เรามีวุฒิภาวะ เมื่อได้พูดคุยกับพปชร.แล้ว แต่เขาคิดจะส่งคนสมัครที่จ.นครศรีธรรมราช ทุกอย่างก็จบ ส่วนระดับล่าง ตนไม่สามารถตอบได้

เลิกเกรงใจ-ลั่นส่งชิงส.ส.ทุกสนาม

ต่อข้อถามว่าในอนาคตจะมีการเลือกตั้งซ่อมส.ส.ที่จ.ชุมพร และอาจมีที่จ.สงขลาด้วย ปชป.จะต้องพูดคุยกับพปชร.ในเรื่องการส่งคนลงสมัครอีกหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ไม่คุยแล้ว เพราะเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว ครั้งเดียวน่าจะเป็นที่ยุติได้ ก่อนหน้านี้เกิดเหตุการณ์ในการเลือกตั้งซ่อมที่จ.กำแพงเพชร เรายอมกลืนเลือด ไม่ส่งผู้สมัครลงแข่งขันกับคนของพปชร. เพราะรักษามารยาททางการเมืองในการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล จนทำให้นพ.ปรีชา มุสิกุล อดีตส.ส.กําแพงเพชร เกิดความไม่สบายใจและลาออกจากสมาชิกพรรค แต่จากนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เมื่อเกิดกรณีที่จ.นครศรีธรรมราช เมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วก็เปลี่ยนไป ปชป.พูดครั้งเดียวก็จบ จากนี้หากมีการเลือกตั้งซ่อม ปชป.จะพิจารณาเป็นกรณีว่าจะส่งหรือไม่ส่งอย่างไร

ย้ำเดินหน้าหนุนแก้รธน.

นายจุรินทร์กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ปชป.จะยกมือสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 17-18 มี.ค.นี้ ส่วนที่ส.ว.ยืนยันจะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ เพราะกลัวว่าสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ไปแก้หมวด 1-2 นายจุรินทร์กล่าวว่า ในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ใช้เป็นหลักนั้น ชัดเจนว่าไม่แตะหมวด 1-2 ฉะนั้น ไม่น่าจะมีอะไร

เมื่อถามว่ามีข่าวการพูดถึงว่าอาจเกิดยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ตามกติการัฐธรรมนูญเดิม นายจุรินทร์กล่าวว่า ไม่สามารถตอบได้ เพราะอำนาจการยุบสภาเป็นของนายกฯ

ด้านนายเฉลิมชัยกล่าวถึงกระแสข่าวว่าอาจจะมีการสลับโควตารัฐมนตรีกับพรรคอื่นว่า ขอให้รอดูในวันที่ส่งรายชื่อรัฐมนตรีพรรคให้กับนายกฯ คาดว่าจะส่งได้ภายในเดือนมี.ค.นี้

พท.ชี้รัฐบาลจ้องคว่ำ

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์กรณีมีส.ว.หลายคนประกาศจะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ว่า แต่ไหนแต่ไร ตนเชื่อว่ารัฐบาลจะไม่ยอมแก้รัฐธรรมนูญ หรือหากจะแก้ก็แก้ในประเด็นที่ได้เปรียบ แต่เนื่องจากความต้องการผ่อนคลายกระแสกดดันจากประชาชน จึงทำเป็นโอนอ่อนผ่อนตาม พอถึงจุดหนึ่งที่จะต้องแก้ไขจริงๆ ตนเชื่อว่ารัฐบาลและส.ว. ซึ่งมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันก็จะคว่ำรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะร่างที่ให้ตั้งส.ส.ร. มั่นใจว่ารัฐบาลจะไม่ยอม ตนสังเกตการอภิปรายของส.ว.ในวาระ 2 มองออกว่าจะไม่ให้ผ่าน อยู่ที่จะใช้ด่านไหนเท่านั้น ระหว่างการยืมมือศาลรัฐธรรมนูญชี้ให้ตก หรือจะคว่ำด้วยมือตัวเอง

จับตาล้มที่ศาลหรือล้มในมือส.ว.

เมื่อถามว่าวันที่ 11 มี.ค. ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจรัฐสภาในการแก้ไขร่างธรรมนูญ ผลจะออกมาในทางลบหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ตนกังวลว่ามีโอกาสเกินครึ่งที่รัฐธรรมนูญจะไม่ผ่านในวาระ 3 ยิ่งใกล้วันพิจารณาในวาระ 3 เท่าไร ส.ว.ก็จะทยอยออกมา โดยมีคนแรกเดินนำก่อน จากนั้นก็แพ็กเสียงกัน ส่วนวันที่ 11 มี.ค. ตนยังไม่กล้าชี้ชัดว่าศาลจะล้มหรือไม่ล้ม

“สุดท้ายหากยอมแก้ไขรายมาตรา ก็คงจะแก้ไขได้ที่เขาอยากให้แก้ ดังนั้น จะเป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้เป็นของประชาชน หมากเกมนี้ เราก็รู้มาแต่ต้นว่าจะต้องลงเอยอย่างไร แต่วันนี้มีจุดลงเอย 2 อย่าง คือจะล้มที่ศาลหรือล้มในมือส.ว.” นายสุทินกล่าว

ก้าวไกลคาดโอกาสแท้งสูง

นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม ให้สัมภาษณ์กรณีมี ส.ว.หลายคนประกาศจะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ว่า อย่างแรกต้องดูว่าในวันที่ 11 มี.ค. ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยอย่างไร คือ 1.ตัดสินว่าไม่ให้แก้ไขทั้งฉบับ ให้แก้แค่รายมาตรา 2.แก้ไขทั้งฉบับได้ และเข้าสู่การโหวตวาระ 3 และ 3.ศาลพิจารณาและมีความเห็นอีกแบบ หรือพิจารณาคลุมเครือ ซึ่งกรณีนี้จะทำให้การโหวตในวาระ 3 เป็นไปได้ยาก เพราะจะกลายเป็นกับดัก

“หากศาลบอกว่าให้แก้ได้ จะเข้าสู่การลงมติในรัฐสภา ต้องดูว่าส.ว.จะหนุนหรือไม่ ถ้าปล่อยฟรีโหวต ดูแล้วยาก ผมคิดว่าร่างน่าจะตก ยกเว้นมีสัญญาณจากฝ่ายผู้นำรัฐบาล ต้องการจะปล่อยอำนาจให้แก้ไขรัฐธรรมนูญและให้ประชาชนเลือก ส.ส.ร. 200 เขต เข้ามาร่างรัฐธรรมนูญ แต่เท่าที่ผ่านมาในชั้นกมธ.และการอภิปรายในรัฐสภา ดูแล้วยังแข็ง ไม่ปล่อยให้แก้รัฐธรรมนูญ และต้องการให้ฉบับ 2560 อยู่กับประชาชนอีกนาน ส่วนปัจจัยการเมืองภายนอกก็ยังไม่ทำให้การเมืองเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นโอกาสที่ร่างรัฐธรรมนูญจะไม่ผ่านจึงมีสูง” นายธีรัจชัยกล่าว

เสธ.อู้เชื่อการเมืองไม่ระอุ

พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว. ในฐานะกมธ.วิสามัญพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา ให้สัมภาษณ์ว่า ต้องรอดู คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 11 มี.ค. ซึ่งศาลบอกว่ามีหลักฐานและข้อมูลเพียงพอแล้ว หากศาลมีคำวินิจฉัยว่า ดำเนินการ ต่อไปได้ก็จะมีการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญในวันที่ 17-18 มี.ค. แต่หากมีคำวินิจฉัยว่าไม่สามารถทำได้ก็ต้องหยุด ส่วนการโหวต ต้องรอวันประชุม ตรงนี้ไม่มีใครตอบได้

เมื่อถามว่าหากศาลวินิจฉัยว่าไม่สามารถดำเนินการต่อได้ จะเพิ่มอุณหภูมิทางการเมืองหรือไม่ พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวว่า ไม่มี หากศาลบอกว่าทำไม่ได้ ก็ต้องไปหาวิธีทำอย่างอื่น ทั้งนี้ การจะทำวิธีใดต่อไป ไม่เกี่ยวกับส.ว. แต่เกี่ยวกับคนยื่นแก้ไข เนื่องจากส.ว.ไม่ได้ยื่นแก้ไข

อดีตปธ.ศาลแจงคำวินิจฉัยปี55

นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายจรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ผ่าน “รายการเวทีความคิด” สถานีวิทยุ FM 96.5 ระบุคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อปี 2555 ใช้เป็นบรรทัดฐานไม่ได้ว่า ตนยืนยันว่าที่นายจรัญ พูดเป็นความจริง องค์คณะในตอนนั้นมี 8 คน เนื่องจากนายจรัญ ถอนตัวและในการพิจารณา มีมติ 4 ต่อ 4 ตกลงกันไม่ได้ คำวินิจฉัยจึงออกมาในรูปแบบของคำแนะนำ โดยระบุว่า “แม้การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นอำนาจของรัฐสภา แต่เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้ (ปี 2550) ถูกสถาปนาขึ้นมาโดยประชามติของประชาชน การแก้ไขจึงควรสอบถามประชาชนเสียก่อน”

ทั้งนี้ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่จะใช้อ้างอิงว่าผูกพันทุกองค์กร ต้องเป็นการตัดสินโดยเสียงข้างมาก ไม่ใช่ 4 ต่อ 4 แล้วออกมาเป็นคำแนะนำว่าควรทำอย่างนั้น ซึ่งไม่ใช่คำบังคับ แต่แนะนำว่าน่าจะทำอย่างนั้น แต่จะทำหรือไม่ทำ ก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะจริงๆ แล้ว การออกกฎหมายเป็นเรื่องของสภา และจากการไต่สวนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภา และนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ความว่าการยกร่างใหม่ทั้งฉบับจะเดินไปตามกรอบที่ให้คำมั่นต่อหน้าศาล ว่าจะไม่แตะต้องหมวดที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ และมาตราต่างๆ ที่เกี่ยวกับพระราชอำนาจ ซึ่งทุกฝ่ายสบายใจว่าการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเดินอยู่ในกรอบนี้ แต่หลังจากนั้นพรรคเพื่อไทยเองที่ไม่เดินต่อวาระ 3 จึงไม่มีการแก้รัฐธรรมนูญในครั้งนั้น

ยันเป็นคำแนะนำ-ไม่มีผลผูกพัน

“ตอนนี้มีการเอามาทึกทักกัน โดยเฉพาะนายไพบูลย์ นิติตะวัน ที่บอกว่าตัดสินเป็นบรรทัดฐานไว้แล้ว ซึ่งไม่ใช่คำตัดสิน เป็นแค่คำแนะนำ เพราะผลคดีทั้งหมดคือยกคำร้องทั้งหมด ดังนั้น ครั้งนี้จะมาอ้างคำวินิจฉัยปี 2555 จึงอ้างไม่ได้ ใครที่อ้างมาเป็นเรื่องเข้าใจผิดมากกว่า” นายวสันต์กล่าว

เมื่อถามว่าขณะนี้มีการมองกันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการยืมมือศาลรัฐธรรมนูญเพื่อคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายวสันต์กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าตอนนี้ตุลาการศาลท่านใดคิดอย่างไร อาจจะตัดสินว่าแก้ได้หรือแก้ไม่ได้ เพราะคำวินิจฉัยปี 2555 ไม่ได้ผูกพัน ทั้งนี้ หากศาลบอกว่าแก้ไม่ได้ ฝ่ายที่อยากแก้ก็จะมาด่าศาล ส่วนส.ว.และส.ส.ก็รอดตัวไป แต่หากศาลบอกว่าแก้ได้ แล้วไปคว่ำในรัฐสภา ส.ว.และฝ่ายรัฐบาลจะถูกด่าเอง ตอนนี้เหมือนเกี่ยงกันว่าใครจะโดนด่าก็เป็นไปได้ ซึ่งตนไม่แน่ใจ และไม่สามารถเดาได้ว่าศาลจะตัดสินอย่างไร แต่จะไปเอาคำวินิจฉัยเมื่อปี 2555 มาเป็นบรรทัดฐานคงไม่ได้

กกต.ลุยตรวจความพร้อม

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่จ.นครศรีธรรมราช นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) พร้อมด้วย นายอนุชา จันทร์สุริยา ที่ปรึกษาประจำประธานกกต. และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและสังเกตการณ์การแจกวัสดุอุปกรณ์เลือกตั้งและบัตรเลือกตั้ง ส่งมอบให้กับกรรมการประจําหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) ในการเลือกตั้งส.ส.เขต 3 แทนตำแหน่งที่ว่าง ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 7 มี.ค. ที่ศาลาประชาคมอำเภอเฉลิมพระเกียรติ และที่หอประชุมอำเภอพระพรหม

นายอิทธิพรกล่าวว่า ภาพรวมการหาเสียงเป็นไปอย่างคึกคักและเรียบร้อยดี ไม่มีอะไรน่าห่วง และจากการตรวจสอบข้อมูลกับกกต.จังหวัด ยังไม่พบการร้องเรียนใดๆ ทั้งการทุจริตและใช้บุคลากรของรัฐมาช่วยหาเสียง โดยในวันที่ 7 มี.ค. ซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง ตนจะไปดูความเรียบร้อยของการลงคะแนนตามหน่วยเลือกตั้งต่างๆ ด้วย ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตการใช้รถนำขบวนของแกนนำพรรคการเมืองนั้น ขอตรวจสอบข้อมูลก่อน ถ้ามีมูลก็จะดำเนินการตามระเบียบสืบสวนสอบสวน แต่ขณะนี้ยังไม่มีรายงานเข้ามา

ตั้งเป้าใช้สิทธิ์ร้อยละ75

เมื่อถามว่ากังวลใจหรือไม่ที่การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกจับตาเป็นพิเศษ นายอิทธิพรกล่าวว่า ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งก็มีการแข่งขันสูง แสดงถึงการตื่นตัวของพรรคที่จะมาทำงานเพื่อประชาชน ตราบใดที่ไม่มีความรุนแรงหรือทำผิดกฎหมาย เป็นสิ่งที่ดีของการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้ เท่าที่ดูจากครั้งที่แล้ว ในเขตนี้ผู้มาใช้สิทธิ์ถึงร้อยละ 75 ซึ่งถือว่าสูงเกินค่าเฉลี่ยของการเลือกตั้งในปี 2562 ฉะนั้น หวังว่าประชาชนจะออกมาใช้สิทธิ์เหมือนที่ผ่านมา ถึงแม้จะเป็นช่วงสถานการณ์โควิด-19 ส่วนข้อผิดพลาดที่เคยมีนั้น เราพยายามกำชับว่าวิธีการทำงานที่ถูกต้องควรทำอย่างไร ตนเชื่อว่าจะสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา เราต้องพยายามทำงานให้ดีขึ้นเรื่อยๆ แก้ไขข้อผิดพลาดให้มากขึ้น

ตู่โต้ฉีดวัคซีนวีไอพีเชียงใหม่

วันที่ 6 มี.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เผยแพร่สถานการณ์โรคโควิด-19 ประจำวัน ผ่านเฟซบุ๊กศูนย์ข้อมูล COVID-19 ว่า ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 116.21 ล้านราย เพิ่มขึ้น 4.47 แสนราย เสียชีวิตสะสม 2.58 ล้านราย เพิ่มขึ้น 9,655 ราย ประเทศไทยติดเชื้อรายใหม่ 64 ราย ติดเชื้อในประเทศ 54 ราย และมาจากต่างประเทศ 10 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รักษาหาย 45 ราย ผู้ป่วยสะสม 26,305 ราย รักษาหาย 25,686 ราย เหลือรักษาอยู่ 534 ราย เสียชีวิตสะสม 85 ราย ส่วนระลอกใหม่ผู้ติดเชื้อสะสม 22,068 ราย รักษาหายสะสม 21,509 ราย เสียชีวิตสะสม 25 ราย

ผู้ติดเชื้อรายใหม่จำแนกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. สมุทรสาคร 41 ราย คิดเป็น 75.93% สะสม 16,380 ราย 2. กทม. 6 ราย คิดเป็น 11.11% สะสม 989 ราย และ 3.จังหวัดอื่นๆ 7 ราย คิดเป็น 12.96% สะสม 3,640 ราย

เมื่อแยกตามประเภท พบว่ามาจาก 1. ระบบเฝ้าระวัง 29 ราย ได้แก่ สมุทรสาคร 24 ราย กทม. 2 ราย นนทบุรี 1 ราย และตาก 2 ราย 2.คัดกรองเชิงรุกในชุมชน 25 ราย ได้แก่ ปทุมธานี 4 ราย กทม. 4 ราย และสมุทรสาคร 17 ราย และ 3. เดินทางจากต่างประเทศ 10 ราย โครเอเชีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประเทศละ 2 ราย อินโดนีเซีย สหรัฐอเมริกา บังกลาเทศ เนเธอร์แลนด์ พม่า และเยอรมนี ประเทศละ 1 ราย

วันนี้มีการติดเชื้อใน 5 จังหวัด สมุทรสาคร 41 ราย กทม. 6 ราย ปทุมธานี 4 ราย นนทบุรี 1 ราย และตาก 2 ราย ภาพรวมสัปดาห์นี้ 7 วัน ติดเชื้อใน 11 จังหวัด ลดลงจากสัปดาห์ก่อนติดเชื้อ 16 จังหวัด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวในรายการ PM PODCAST นายกรัฐมนตรี เล่าเรื่องว่า วัคซีนล็อตแรก 200,000 โดส จากซิโนแวค ประเทศจีน มาถึงไทยสัปดาห์ก่อน ส่วนอีก 800,000 โดส และ 1 ล้านโดส จะทยอยเข้ามา ส่วนข้อวิจารณ์ว่าการฉีดวัคซีนให้กับวีไอพีที่ไม่อยู่ในเงื่อนไขการได้รับวัคซีนกลุ่มแรก ที่จ.เชียงใหม่นั้น ขอยืนยันว่าไม่มีใครเป็นวีไอพี เพราะทุกคนที่ฉีดเป็นไปตามเกณฑ์ของแพทย์ และเป็นรายชื่อที่ให้มาฉีดตามนัด ซึ่งเป็นในกลุ่มที่มีโอกาสจะสัมผัสผู้ติดเชื้อ ขอให้ทุกคนสบายใจได้ วัคซีนล็อตต่อๆ ไป จะขยายไปยังกลุ่มต่างๆ ให้ทั่วถึงมากที่สุด โดยเฉพาะในพื้นที่การท่องเที่ยว

นายกฯเตือนอย่าโกงเงินหลวง

เมื่อวันที่ 6 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ได้รับรายงานจากกระทรวงการคลังว่า ได้ขยายเวลาการลงทะเบียนรับสิทธิโครงการเราชนะ สำหรับประชาชนกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ ได้แก่ ผู้พิการ คนป่วยติดเตียง และคนชรา จากวันที่ 5 มี.ค. ไปจนถึงวันที่ 26 มี.ค.

“ขอบคุณเจ้าของร้านค้าที่ขายสินค้าในราคาปกติ เพราะตอนนี้มีร้านค้าบางรายฉวยโอกาสขึ้นราคา ซึ่งผมได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบอย่างเร่งด่วน ขออย่าทำกันเลย โครงการนี้สร้างโอกาสให้ท่านได้ขายสินค้าได้มากขึ้น ผมไม่อยากให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือเอารัดเอาเปรียบพี่น้องประชาชน สิ่งที่ผมรับไม่ได้ก็คือ มีผู้ทุจริตรับซื้อสิทธิจากคนที่อยากได้เงินสด แล้วไปใช้สิทธิผ่านร้านค้าที่จัดตั้งกันขึ้นมา โดยไม่มีการซื้อขายจริง เพื่อเอาเงินที่รัฐบาลจ่ายให้ออกมาจากกระเป๋าถุงเงินของร้าน ผมขอเตือนว่า อย่าทำ มันคือการโกงเงินหลวง และสามารถตรวจสอบได้จากระบบที่จะเตือนเมื่อมีธุรกรรมที่ผิดปกติ การซื้อขาย โอนเงินทุกครั้งจะถูกบันทึกไว้ สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ มีหลักฐานว่าใครซื้อ ใครขาย ใครเอาเงินออกที่ร้านไหน และโอนเงินไปอยู่กับใคร”

ที่ผ่านมาโครงการ “คนละครึ่ง” จับคนทุจริตได้ 700 ราย มีร้านค้าถูกยกเลิกไปแล้ว 200 ราย โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” จับคนทุจริตทั้งโรงแรม คนที่ขายสิทธิรวมกัน 9 พันกว่าราย ตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินคดีฉ้อโกง อายุความ 10 ปี ผิดทั้งคนซื้อสิทธิ คนขายสิทธิ และร้านค้า ซึ่งทุกคนจะถูกบันทึกประวัติไว้ในฐานข้อมูล เพราะฉะนั้น ผมย้ำอีกครั้ง ว่าอย่าทำเลย

ทราบจากสื่อว่า มีร้านค้าจำนวนมากมียอดขายเพิ่มขึ้นตั้งแต่มีโครงการ “คนละครึ่ง” ต่อเนื่องมาจนถึงโครงการ “เราชนะ” และอยากให้ขยายเวลาออกไปจนถึงสิ้นปี ผมดีใจที่ประชาชนได้ประโยชน์ตามเป้าหมายของโครงการ และขอให้ช่วยกันออกไปใช้สิทธิกัน การใช้สิทธิของท่านคือ การช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เดินไปข้างหน้า เป็นโครงการที่เราชนะไปด้วยกันครับ ขอบคุณครับ #รวมไทยสร้างชาติ

นายกฯปลื้ม‘คนละครึ่ง-เราชนะ’

วันที่ 6 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวในรายการ PM PODCAST นายกรัฐมนตรี เล่าเรื่องว่า หลายคนเป็นห่วงเรื่องของปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะไทยเท่านั้น แต่ทั่วโลกก็ได้รับผลกระทบ สาเหตุสำคัญมาจากโควิด-19 อย่างไรก็ตามไทยก็มีข่าวดีออกมา เพราะบริษัท S&P Moody’s และ Fitch สถาบันจัดอันดับเครดิตแนวหน้าของโลก ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือจากการที่มีเงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง เสถียรภาพและวินัยทางการคลังอยู่ในเกณฑ์ดี ฐานะการคลังไม่ได้ถังแตกอย่างที่พูดกัน เพราะระดับเงินคงคลังงวดเดือนธ.ค. 2563 อยู่ที่ 473,000 ล้านบาทมากกว่าปีก่อนหน้าถึง 49.5% หลังจากนี้ทางกระทรวงการคลังคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเริ่มขยายตัวดีขึ้นเพราะมีสัญญาณบวกจากการได้รับวัคซีน รวมไปถึงมาตรการต่างๆ เช่น โครงการคนละครึ่ง โครงการเราชนะ โครงการมาตรา 33 เรารักกัน ดูได้จากในช่วงตรุษจีนมีการจับจ่ายใช้สอยคึกคัก ร้านค้าต่างๆสะท้อนว่าได้ประโยชน์จากโครงการคนละครึ่งและเราชนะ ทำให้ขายของได้มากกว่าปกติถึง 2 เท่า

สำหรับการระบาดรอบแรกในปี 2563 รัฐบาลได้ออกมาตรการทางเศรษฐกิจ เช่น โครงการเราไม่ทิ้งกัน มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร โครงการมาตรา 33 เรารักกัน โครงการคนละครึ่ง ข้อมูลวันที่ 3 มี.ค. มีผู้ใช้สิทธิ์แล้ว 14.7 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 92,412 ล้านบาท มีร้านค้าเข้าร่วมกว่า 1,500,000 ร้าน ตนอยากให้ขึ้นไปถึง 2,000,000 ถึง 2,000,000 กว่า

นายกฯกล่าวอีกว่า อีกเรื่องคือเมื่อวันที่ 17 ก.พ. การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ UNCTAD ได้จัดอันดับ B2C e-Commerce Index ปี 2563 เป็นการวัดความพร้อมทางเศรษฐกิจเพื่อตอบโจทย์การค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จาก 152 ประเทศทั่วโลก ไทยอยู่อันดับที่ 42 ครองอันดับ 3 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย โดยโดดเด่นด้านความเชื่อมั่นการขนส่งไปรษณีย์ ที่ได้สูงถึง 97 คะแนน รวมถึงการเปิดบัญชีธนาคาร ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานของการเติบโต e-Commerce จึงเชื่อมั่นว่าเดินมาถูกทางแล้ว ซึ่งจะต้องพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน