พีมูฟฉะ‘บิ๊กตู่’กล่าวหา ชาวบ้านบางกลอยมีใครอยู่เบื้องหลัง จวกพูดชี้นำคณะกรรมการที่เพิ่งตั้งขึ้น ตอกย้ำกลับไปอยู่ใจแผ่นดินไม่ได้ จำเป็นต้องรักษาป่าต้นน้ำ ส่งผลชาวบ้านไม่เชื่อมั่น หวาดระแวง แนะปล่อยให้ทำงานอิสระ ลงพื้นที่รับรมช.ธรรมนัส วันนี้ ประสานงาน กับทส. ดูแลความเป็นอยู่ชาวบ้าน ด้านนักศึกษามอ.ปัตตานี แถลงการณ์จวกปฏิบัติการยุทธการพิทักษ์ป่าต้นน้ำเพชร 12 ก.พ. คุกคามข่มขู่กะเหรี่ยงบางกลอย ยิ่งเพิ่มความขัดแย้ง ปิดทางแก้ปัญหา แนะรัฐเปิดพื้นที่เจรจากลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงดั้งเดิมอย่างจริงใจ

เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีชาวบางกลอย จ.เพชรบุรี ที่กลับมาชุมนุมใหม่ หลังมีการส่งกลับเมื่อวันที่ 16 มี.ค. เนื่องจากไม่สามารถเข้าพื้นที่ใจแผ่นดินได้ โดยพล.อ.ประยุทธ์ถามกลับว่า แล้วถามว่าเข้าได้หรือไม่ใจแผ่นดิน แล้วสื่อรู้หรือไม่ว่าเข้าได้หรือไม่ได้เพราะอะไร เพราะพื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ และเป็นพื้นที่ต้นน้ำชั้น 1 และศาลมีคำสั่งอย่างไร รวมไปถึงรัฐบาลได้จัดหาพื้นที่ให้อยู่อาศัย มีการดูแลพื้นที่ตรงนั้นให้ทำการเกษตรได้ ยืนยันว่ารัฐบาลดูแลคนไทยและกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งหมด แต่ต้องทำให้เกิดความเท่าเทียมกัน ไม่ใช่จะนึกอยู่ตรงไหนก็อยู่ได้

“คนที่ไปสนับสนุนในเรื่องเหล่านี้ ผมถือว่าเป็นคนไม่รับผิดชอบ ไปสร้างความขัดแย้ง สร้างความไม่เข้าใจกัน แล้วทำให้เกิดผลกระทบต่อการทำงาน เราจำเป็นต้องรักษาป่าต้นน้ำไม่ใช่หรือ และต้องหาพื้นที่ทำกินให้กับเขา แต่ไม่ใช่จะไปอยู่ในใจกลางอุทยานใช่ไหม ผมไม่อยากจะพูด แต่ไม่ได้โทษเขา แต่ผมโทษไอ้คนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งก็รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ด้านนายประยงค์ ดอกลำใย ในฐานะที่ปรึกษาขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) กล่าวถึงท่าทีของพีมูฟและภาคีเซฟบางกลอย ที่ปักหลักชุมนุมบริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาลว่า พีมูฟ และภาคีเซฟบางกลอย ได้ยุติการชุมนุมตั้งแต่เวลา 21.00 น. วันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้ถอนกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งหมดแล้ว เพื่อเปิดโอกาสให้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน รวมทั้งการพัฒนาและฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่บ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ที่พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ ได้ลงนามแต่งตั้ง เมื่อวันที่ 16 มี.ค. ได้ลงไปทำงานในพื้นที่บ้านบางกลอยก่อน

นายประยงค์กล่าวต่อว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวจะเดินทางไปพื้นที่บ้านบางกลอย ในวันที่ 18 มี.ค. แต่ยังไม่ได้ไปเต็มคณะ ในครั้งนี้ผู้ที่เดินทางลงพื้นที่ อาทิ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการ ชุดที่นายกฯตั้งขึ้น และนายประสาน หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะทำงานของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ส่วนพีมูฟจะลงไปทำความเข้าใจและเตรียมข้อมูลต่างๆ หากคณะกรรมการต้องการสอบถาม รวมไปถึงเรื่องของการประสานงานต่างๆ รวมทั้งกับกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และการดูแลแก้ไขความเดือดร้อนเฉพาะหน้าในพื้นที่บ้านบางกลอย เช่น อาหาร ข้าวสาร เรื่องที่เกี่ยวข้องกับระบบการใช้ที่ดินของชาวบ้านที่มีปัญหาอยู่

เมื่อถามกรณีที่นายกฯยืนยันว่าชาวบ้านไม่สามารถกลับขึ้นไปอยู่ที่บ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดินได้ นายประยงค์กล่าวว่า ชาวบ้านเองก็แปลกใจ เพราะหลังจากที่ได้ขึ้นรถกลับเมื่อเย็นวันที่ 16 มี.ค. และยังไม่ทันกลับถึงบ้านบางกลอย ก็เหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้คณะกรรมการต้องสรุปอย่างที่นายกฯกล่าวหรือไม่ ซึ่งก็ไม่แน่ใจ และชาวบ้านก็เกิดความไม่เชื่อมั่น และหวาดระแวง ดังนั้นนายกฯควรให้กรรมการชุดนี้ทำงานได้อย่างอิสระ และผลกลับมาเป็นอย่างไรค่อยแสดงความเห็นในฐานะที่เป็นผู้จัดตั้งคณะกรรมการ คิดว่าน่าจะเหมาะสมกว่า และการที่ออกมาให้สัมภาษณ์แบบนี้เหมือนเป็นการชี้นำการทำงานของคณะกรรมการที่เพิ่งตั้งขึ้นด้วย และอีกเรื่องที่ติดใจคือการที่นายกฯกล่าวว่าไม่ได้โทษชาวบ้าน แต่โทษว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งเบื้องหลังนี้หมายถึงพีมูฟ หรือหมายถึงเบื้องหลังทางการเมือง ซึ่งทำให้เกิดความเคลือบแคลงใจ พูดออกมาเลยว่าเป็นใคร เป็นพีมูฟ เป็นคุณประยงค์ หรือเป็นคุณธนาธร คณะก้าวหน้า ก็พูดกันให้ชัด แต่พูดคลุมเครือแบบนี้ ก่อให้เกิดความสับสนต่อสังคม

เมื่อถามถึงท่าทีต่อไปของพีมูฟ นายประยงค์กล่าวว่า ยังไม่มีอะไร แต่คงทำให้ความเชื่อมั่นเหมือนอย่างครั้งที่แล้ว ที่ถูกฉีกเอ็มโอยู ทำให้ความคิดนี้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง ว่ารัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาบางกลอยมากน้อยแค่ไหน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ภายหลังจากที่พีมูฟ-ภาคีเซฟบางกลอย ได้ยุติการชุมนุมแล้ว ได้รื้อถอนเต็นท์ที่เคยใช้ปักหลักนอนค้างออกจนหมด ทำให้ทางกลุ่ม ผู้ชุมนุมหมู่บ้านทะลุฟ้าได้ขยายพื้นที่การชุมนุมมาอยู่บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐแทน

เวลา 13.00 น. ที่หน้าอาคารเรียนรวม ตึก 19 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี บรรดานิสิตนักศึกษาม.อ. วิทยาเขตปัตตานี ได้รวมตัวกัน พร้อมทั้งอ่านคำแถลงการณ์ รัฐต้องหยุดคุกคามกะเหรี่ยงบางกลอย #SAVEบางกลอย สืบเนื่องจากสถานการณ์ที่พี่น้องกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จํานวน 36 ครอบครัวประมาณ 70 คนเดินเท้ากลับใจแผ่นดินตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค. ต่อมาวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่ปรากฏภาพการสนธิกําลังกันของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ส่วนยุทธการต้านป้องกันและปราบปรามหน่วยเฉพาะกิจพญาเสือ และทหารรบพิเศษที่ 1 แก่งกระจาน ตั้งจุดตรวจค้น ก่อนเข้าเขตหมู่บ้านบางกลอยโดยไม่มีการแจ้งให้ผู้นําชุมชนและชาวบ้านทราบ เจ้าหน้าที่สนธิกําลังกันเข้าไปในหมู่บ้านกระจายกําลังกันดักซุ่มตามเส้นทางที่ชาวบ้านใช้เดินขึ้นและลงจากบ้านบางกลอยล่างไปยังบางกลอยบนใจแผ่นดิน

กลุ่มนิสิตนักศึกษา ม.อ. ปัตตานี ขอประณามการกระทําของเจ้าหน้าที่อุทยานและขอยืนยันตามข้อเรียกร้องของภาคีเครือข่าย#SAVEบางกลอย ให้ภาครัฐ ทส. กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้

1.ขอให้มีคําสั่งให้ยุติปฏิบัติการยุทธการพิทักษ์ป่าต้นนํ้าเพชร และยุติการจับกุม ควบคุมตัว และดําเนินคดีกับชาวบ้านทุกคน 2.คุ้มครองและฟื้นฟูเยียวยาคืนสิทธิชุมชน ให้กลับเข้าไปอยู่อาศัยในพื้นที่บ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดิน โดยปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ส.ค.2553 3.เปิดพื้นที่เจรจาระหว่างภาครัฐและกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงดั้งเดิมอย่างจริงใจ

และ4.ขอให้ภาครัฐยกเลิกกฎระเบียบมาตรการและการกระทําอันเป็นการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติต่อชาวกะเหรี่ยงบางกลอย-ใจแผ่นดิน และกลุ่มชาติพันธุ์ชนเผ่าพื้นเมืองอื่นๆ ที่ไม่สอดคล้องกับพันธกรณีที่ประเทศไทยมีอยู่ภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ และหลักการสิทธิมนุษยชนโดยเคร่งครัด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน