เริ่มวันนี้ให้สิทธิ์ผู้สูงวัย
ศบค.แจงห้ามกินในร้าน

องค์การเภสัชฯ ซื้อซิโนแวค อีก 3 ล้านโดส พ.ค.รัฐบาลจีนให้ฟรีด้วย 5 แสนโดส โฆษกรัฐบาลย้ำไม่ปิดกั้นเอกชน แต่ที่สรุปให้รัฐจัดหาเอง 100 ล้านโดสปีนี้หวั่นล่าช้า-ทับซ้อน เร่ง 7 กลุ่มโรคเสี่ยงลงทะเบียน ไลน์ ‘หมอพร้อม’ รวน ปิดปรับปรุง 2 วัน คนแห่ลงทะเบียนฉีดจนล่ม ส่งแบบประเมินผิด สพฐ.แจงเลื่อนจับสลากชั้นประถม-สอบมัธยม กลุ่มแรงงานยื่นจี้รัฐเร่งฉีดวัคซีน-เยียวยาเท่าเทียมกัน ศบค.แจง ‘หมอ’ สั่งห้ามกินในร้าน ยกข้อมูลสธ.ผู้ติดเชื้อจำนวนมากโยงคลัสเตอร์ร้านอาหาร ขออภัย ให้อดทน นายกฯเร่งหามาตรการเยียวยา กำชับผู้ว่าฯทั่วประเทศปฏิบัติตาม 6 มาตรการอย่างเข้มงวด ทั้งสวมแมสก์ออกจากบ้าน บูรณาการหน่วยงานคุมพื้นที่

กำชับทุกจว.ยึด 6 มาตรการ

เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้ลงนามในข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน (ฉบับที่ 22) ลงวันที่ 29 เม.ย.2564 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2564 เป็นต้นไป ซึ่งมีข้อกำหนดและข้อปฏิบัติ คือ 1.การสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเพื่อป้องกันการแพร่โรคเมื่ออยู่นอกเคหสถานอยู่ในที่สาธารณะ 2.การกำหนดพื้นที่สถานการณ์ 3.การจัดกิจกรรมรวมกลุ่มสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 4.มาตรการควบคุมแบบบูรณาการสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 5.มาตรการควบคุมแบบบูรณาการสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและ พื้นที่ควบคุม และ 6.การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง

โดยนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการ และประสานกับผวจ. และผู้ว่าฯกทม. ให้ถือปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวโดยเคร่งครัด

ย้ำไม่ปิดกั้นเอกชนหาวัคซีน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันเดียวกัน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจภายในตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลตามปกติ โดยมอบหมายให้นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงตอบคำถามสื่อ มวลชนในประเด็นต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ เนื่องจากยังอยู่ในมาตรการป้องกันโควิด-19 ที่มีประกาศให้สื่อมวลชนงดเข้าปฏิบัติงานในทำเนียบ ตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย.-7 พ.ค.

นายอนุชากล่าวถึงกรณีการจัดหาวัคซีนว่า ข้อสรุปของภาคเอกชนที่ได้หารือร่วมกับนายกรัฐมนตรี ในส่วนการจัดหาวัคซีนนั้น ย้ำว่ารัฐบาลไม่ปิดกั้นในการให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมจัดหาวัคซีน โดยจากการหารือทางภาคเอกชนได้ชี้แจงว่า มีการติดต่อจัดหาวัคซีนกับผู้ผลิตจากต่างประเทศไปแล้ว แต่ในเรื่องการส่งมอบอาจเกิดความล่าช้า เพราะผู้ผลิตแต่ละที่แจ้งว่าจะส่งมอบได้ในไตรมาสที่ 4 หรือภายในปลายปีนี้ ดังนั้นในขั้นตอนนี้อาจเกิดความล่าช้าและอาจทับซ้อนกับส่วนที่รัฐบาลจัดหามาได้ จึงมีข้อสรุปว่าจะให้รัฐบาลเป็นหน่วยงานหลักในการจัดหาวัคซีนตามแผนเดิมตามที่กำหนดไว้ภายในสิ้นปีนี้ จำนวน 100 ล้านโดส แต่ในส่วนการจัดหาวัคซีนของทางร.พ.เอกชนก็ยังดำเนินการ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับส่วนที่ภาคธุรกิจเอกชนจัด

“ในส่วนของโรงพยาบาลเอกชนก็ยังคงดำเนินการตามกลไกของคณะกรรมการจัดหาวัคซีนที่มีนพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธาน ซึ่งเป็นการจัดหาวัคซีนทางเลือกที่ยังคงดำเนินการอยู่ และขณะนี้สามารถพูดคุยเจรจาเพิ่มเติมเพื่อนำเข้าวัคซีนได้อีกทางเลือกหนึ่ง ดังนั้นขอยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้ปิดกั้นเรื่องวัคซีน เอกชนสามารถดำเนินการเข้ามาได้ถ้าหาวัคซีนได้ทันตามกำหนด” นายอนุชากล่าว

ซื้อซิโนแวคอีก 3 ล้านโดส

นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผอ.องค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของซิโนแวคว่า อภ.ซื้อวัคซีนซิโนแวคล็อตแรก 2 ล้านโดสเข้ามาและกระจายทยอยฉีดแล้ว จากนั้นสั่งซื้ออีก 5 แสนโดสเข้ามาวันที่ 24 เม.ย.กำลังกระจายไปฉีด นอกจากนี้ อภ.จะสั่งซื้อในเดือนพ.ค.อีก 3 ล้านโดส แบ่งเป็นวันที่ 6 พ.ค.ที่ได้คอนเฟิร์มวัคซีนจากซิโนแวคก่อน 1 ล้านโดส และช่วงสิ้นเดือนพ.ค.อีก 2 ล้านโดส จากนั้นวันที่ 14 พ.ค.จะมีวัคซีนซิโนแวคที่รัฐบาลจีนบริจาคอีก 5 แสนโดส สรุปเท่ากับเรามีวัคซีนพ.ค.อีก 3.5 ล้านโดส รวมของเดิม 2.5 ล้านโดส เป็น 6 ล้านโดส

ยันไม่แพง-ถูกลงเรื่อยๆ

เมื่อถามถึงกรณีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าไทยซื้อวัคซีนซิโนแวคแพง นพ.วิฑูรย์กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่ได้ซื้อในราคาแพง ตอนนี้ซื้ออยู่ 15 เหรียญต่อโดส ในทางกลับกันถือว่าเราซื้อในราคาที่ถูกด้วยซ้ำกับการที่ซื้อวัคซีนจำนวนน้อย เทียบเท่ากับประเทศอินโดนีเซียที่ซื้อมากถึง 100 ล้านโดส อย่างไรก็ตาม จากนี้ราคาวัคซีนแต่ละตัวจะถูกลงเรื่อยๆ เป็นไปตามอุปสงค์อุปทานของตลาด จากที่ออกมาระยะแรกๆ มีความต้องการมาก แต่ผลิตออกมาได้น้อย ทำให้มีราคาแพง ปัจจุบันเหลือวัคซีนตัวเดียวคือโมเดอร์นาที่ยังราคาสูงอยู่กว่า 30 เหรียญสหรัฐต่อโดส

แนะหญิงตั้งท้องฉีดด้วย

ด้านนพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา ผอ.สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย สธ. กล่าวว่า จากการประชุมหารือร่วมกับรศ.นพ.ชเนนทร์ วนาภิรักษ์ ประธานอนุกรรมการอนามัยแม่และเด็ก ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย พร้อมด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ และอนุกรรมการมารดาและทารกปริกำเนิด ภายใต้คณะกรรมการอนามัยแม่และเด็กแห่งชาติ ได้ข้อสรุปในเบื้องต้นโดยมีคำแนะนำว่าหญิงตั้งครรภ์ทุกคนควรได้รับวัคซีน และควรได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์และอาการข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน รวมทั้งความเสี่ยงที่จะติดโรคโควิด-19 และความรุนแรงของโรคก่อนตัดสินใจ

“ช่วงเวลาที่แนะนำให้ฉีดวัคซีนคือช่วงหลังอายุครรภ์ 12 สัปดาห์เป็นต้นไป และแนะนำให้ฉีดวัคซีนซิโนแวคก่อน เนื่องจากผลิตจากเชื้อที่ตายแล้ว ในขณะที่แอสตราเซเนกาเป็นไวรัล เวกเตอร์ วัคซีน มีโอกาสเกิดอาการไข้หลังฉีดได้มาก และมีรายงานการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหญิงที่อายุน้อยกว่า 30 ปี แต่พบน้อยมาก สำหรับหญิงที่วางแผนจะตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตรสามารถรับการฉีดวัคซีนได้เช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป” นพ. เอกชัยกล่าว

กทม.-หอการค้าเปิด 14 ที่ฉีด

ที่ศาลาว่าการกทม. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.เป็นประธานการแถลง ข่าวความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานคร หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศ ไทย ในการจัดหน่วยบริการวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยมีนางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย นายญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการบริหารหอการค้าไทย รศ.ดร.ทัศนา บุญทอง นายกสภาการพยาบาล และรศ.สุปาณี เสนาดิสัย นายกสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีร่วมแถลงข่าว

พล.ต.อ.อัศวินกล่าวว่า กทม.ได้รับความร่วมมือจากหอการค้า ไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จัดจุดบริการฉีดวัคซีนในสถานประกอบการ ห้างสรรพสินค้า จำนวน 14 แห่งกระจายทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ สำหรับหน่วยบริการวัคซีนทั้ง 14 แห่ง จะมีบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขจากสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร สมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ และที่ประชุมคณบดี สมาพันธ์สภาวิชาชีพแห่งประเทศไทย และหัวหน้าสถาบันการศึกษา สาขาพยาบาลศาสตร์ของรัฐ สนับสนุนพยาบาลสมาพันธ์สภาวิชาชีพแห่งประเทศไทย และบุคลากรร่วมในการให้บริการวัคซีน

ปิดไลน์‘หมอพร้อม’รวน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดตัวไลน์ ออฟฟิเชี่ยล แอ๊กเคาต์ “หมอพร้อม” เวอร์ชั่น 2 เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยเพิ่มฟังก์ชันให้ประชาชนกลุ่มสูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 7 โรค จำนวน 16 ล้านคน ลงทะเบียนจองคิวนัดหมายฉีดวัคซีนโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. และเริ่มฉีดวัคซีนวันที่ 7 มิ.ย.-31 ก.ค. ก่อนเปิดให้ประชาชนอายุ 18-59 ปี จองคิววันที่ 1 ก.ค. และเริ่มฉีดส.ค.เป็นต้นไป

วันดียวกัน สธ.ได้เผยแพร่ภาพกราฟิกแจ้งประกาศปิดปรับปรุงระบบหมอพร้อมชั่วคราว โดยระบุว่าปิดปรับปรุงระบบเพื่อรองรับการใช้งานที่มากขึ้น จึงมีความจำเป็นต้องปิดระบบชั่วคราวระหว่างวันที่ 30 เม.ย. เวลา 09.00 น.-1 พ.ค. เวลา 09.00 น. จึงขออภัยในความไม่สะดวก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้รับแจ้งจากผู้ที่เข้าฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้วว่า ระบบไลน์หมอพร้อมรวนเล็กน้อย โดยมีการรัวส่งแบบประเมินอาการไม่พึงประสงค์หลังฉีดวัคซีนมาอย่างต่อเนื่องหลายสิบกว่าข้อความตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 เม.ย. รวมถึงการส่งให้ทำแบบประเมินอาการหลังฉีดผิดชื่อด้วย

ไม่ต้องรีบแห่ลงทะเบียน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวถึงการเปิดลงทะเบียนวันแรกในวันที่ 1 พ.ค.ว่า แอพพลิเคชั่นหมอ พร้อมถือเป็นระบบใหม่ ซึ่งทุกระบบถ้าทุกคนเข้าไปใช้พร้อมกันจะเป็นปัญหา ดังนั้นไม่จำเป็นต้องรีบลงทะเบียนทันที เพราะไม่ได้เปิดให้ลงทะเบียนวันเดียว เพราะทยอยลงทะเบียนได้

‘หมอ’ขอไม่ให้นั่งกินที่ร้าน

โฆษก ศบค.กล่าวว่า จากที่แถลงเรื่องข้อกำหนดฉบับที่ 22 เมื่อวันที่ 29 เม.ย.นั้น มีทั้งคำชมจากผู้ที่อยากให้ปิดเสียที กับอีกฝั่งที่เป็นก้อนอิฐ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับผล กระทบจากข้อกำหนดดังกล่าว เพราะกิจการเขาย่ำแย่อยู่แล้ว แม้ตนไม่ได้เป็นผู้ตัดสินใจเรื่องนี้แต่อยู่ในบรรยากาศของการพิจารณา ยืนยันว่าเรารับฟังทุกเสียง ชุดข้อมูลต่างๆ ที่นำมาประกอบการตัดสินมีสถิติอ้างอิงที่เป็นจริง อย่างกรณีร้านอาหาร ตนเห็นใจ แต่หากไปดูตัวเลขผู้ติดเชื้อที่มีความเชื่อมโยงกับร้านอาหารที่มีจำนวนมากเราก็ต้องยอมรับ

“พูดง่ายๆ คือ หมอสั่ง เหมือนคนเป็นโรคเบาหวานแล้วหมอให้ลดของหวาน หรือคนเป็นโรคความดันให้ลดของเค็ม ทุกฝ่ายฟังข้อมูลที่แพทย์เป็นผู้เสนอขึ้นมาทั้งสิ้น แตกต่างจากการระบาดเมื่อต้นปี 2563 ที่เรายังไม่มีข้อมูลอะไรจนต้องปิดทั้งหมด แต่ครั้งนี้เรามีข้อมูลในการทำงาน ซึ่งสาธารณสุขมีเก็บข้อมูลชุดนี้มาตลอด อย่างไรก็ตาม คงไม่มีอะไรดีที่สุด แต่เราพยายามจะทำให้ดีที่สุด ขอให้อดทนและเดินไปด้วยกัน ผลกระทบต่อครอบครัวและธุรกิจต้องขออภัยอย่างสูง ซึ่ง นายกฯ ได้ให้ศบศ.ช่วยหามาตรการเยียวยา ผลจะเป็นอย่างไรขอให้ติดตาม และ 14 วันนี้เราจะสู้ไปด้วยกัน” นพ.ทวีศิลป์กล่าว

สพฐ.เลื่อนวันสอบ-จับสลาก

นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า สพฐ. ได้ปรับปรุงปฏิทินการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2564 (ฉบับใหม่กรณีเปิดเทอม 1 มิ.ย.) โดยปรับตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงได้เลื่อนจากปฏิทินเดิม 2 สัปดาห์ ดังนี้ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เลื่อนการจับสลากและประกาศผล เป็นวันที่ 15 พ.ค. รายงานตัว-มอบตัววันที่ 16 พ.ค. มัธยมศึกษาปีที่ 1 เลื่อนวันสอบเป็นวันที่ 22 พ.ค. คัดเลือกความสามารถพิเศษวันที่ 19 พ.ค. จับสลากจากวันที่ 24 พ.ค. ประกาศผลภายในวันที่ 24 พ.ค. และมอบตัววันที่ 29 พ.ค. ส่วนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เลื่อนวันสอบเป็นวันที่ 23 พ.ค. คัดเลือกความสามารถพิเศษ วันที่ 19 พ.ค. ประกาศผลวันที่ 25 พ.ค. รายงานและมอบตัวพร้อมกัน วันที่ 30 พ.ค. โรงเรียนที่มีลักษณะพิเศษที่จัดสอนสำหรับเด็กพิการ/ผู้ด้อยโอกาส รับสมัครวันที่ 24-30 เม.ย. สอบ/คัดเลือก วันที่ 15-19 พ.ค. ประกาศผล วันที่ 23 พ.ค. รายงานตัวและมอบตัวภายในวันที่ 29 พ.ค. ทั้งนี้ ผู้ที่ยังไม่มีที่เรียนยื่นความจำนงได้ในวันที่ 25-27 พ.ค. ประกาศผลวันที่ 29 พ.ค. และมอบตัววันที่ 30 พ.ค. 2564

ขณะที่นายสุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) กล่าวว่า การรับนักเรียนนักศึกษาของวิทยาลัยในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ปีการศึกษา 2564 ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว โดยระหว่างวันที่ 1-16 พ.ค. นี้จะรับรายงาน ตัวของนักศึกษา การเตรียมความพร้อมในด้านการจัดการเรียนรู้ การประชุมผู้ปกครอง และการปฐมนิเทศนักศึกษา ผ่านระบบออนไลน์

แรงงานร้องเยียวยาโควิด

ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) และกลุ่มสมาพันธ์แรงงานรัฐ วิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) นำโดยนายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานคสรท. ยื่นหนังสือถึงนายกฯและรมว.กลาโหม เนื่องในวันกรรมกรสากล 1 พ.ค.ของทุกปี โดยให้ออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและคนทำงานในช่วงโรคโควิด-19 ระบาด เร่งฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนโดยเร็ว และเปิดโอกาสให้ผู้มีความพร้อมนำเข้าและฉีดวัคซีนที่มีมาตรฐานผ่านการรับรองจากรัฐเพื่อฉีดให้แก่คนใกล้ชิดและพนักงานในสถานประกอบการ ต้องครอบคลุมแรงงานข้ามชาติด้วย และเปิดโอกาสให้ประชาชน คนทำงาน ทุกกลุ่มสาขาอาชีพ แรงงานข้ามชาติ เข้าถึงการบริการการตรวจโรคอย่างทั่วถึง เท่าเทียม และเป็นธรรม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน