ค้นห้องทำงาน-รูปคู่คนดังอื้อ
สส.จี้สอบปมบริจาคกองทัพ
ลูกป๋าแจงไม่เกี่ยวพล.อ.เปรม

ผู้ต้องหาคนสำคัญคดีตุ๋นพันล้าน ‘ประสิทธิ์ เจียวก๊ก’ ติดต่อขอมอบตัวกองปราบฯ ตร.เร่งสอบพยาน ผู้เสียหาย เส้นทางการเงิน ค้นห้องทำงานพบรูปถ่ายคู่บิ๊กข้าราชการ การเมือง บุคคลมีชื่อเสียง สร้างภาพลักษณ์โปรไฟล์ให้ดูน่าเชื่อถือ ขณะที่ ส.ส.วิโรจน์ ก้าวไกล จี้สอบปมเงินบริจาคให้กองทัพ ยื่น กมธ.พัฒนาเศรษฐกิจ หาทางคืนเงินให้ประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อ กองทัพภาค 2 ตั้งกก.สอบ ‘พ.ต.หญิง’ เอาผิดวินัย ยันให้ความร่วมมือกับตร.เต็มที่ ส่วน ‘พล.อ.พิศณุ’ ยันไม่เกี่ยวข้องโครงการของ ‘ป๋าเปรม’ หลัง ตรวจสอบพบพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ

จากกรณีตำรวจกองปราบฯ ร่วมกับ บก.ปอศ. และบก.ปอท. จับกุมเครือข่ายนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ประธานโครงการคืนคุณแผ่นดิน ร่วมกับพวกเปิดบริษัทในลักษณะเครือข่ายใหญ่ หลอกนักลงทุนหลายรูปแบบ อ้างจะได้รับผลตอบแทนสูง โดยติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้แล้ว 4 คน เหลือนายประสิทธิ์ หัวหน้าขบวนการ และนายกิตติศักดิ์ เย็นนานนทน์ รองประธานกรรมการบริหารบริษัท ในเครือ ที่ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 16 พ.ค. พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รองผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าคณะชุดคลี่คลายคดี กล่าวว่าเร่งสอบปากคำพยานบุคคล ผู้เสียหาย พยานหลักฐานต่างๆ โดยเฉพาะหลักฐานเกี่ยวกับเส้นทาง การเงิน อาจต้องใช้เวลาอยู่บ้าง เนื่องจากคดี มีความซับซ้อน ส่วนการติดตามตัวนายประสิทธิ์ และนายกิตติศักดิ์นั้น มีรายงานว่านายประสิทธิ์ผู้ต้องหาสำคัญติดต่อขอเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนกองปราบฯ ภายในวันจันทร์ที่ 17 พ.ค. เป็นสิทธิ์พื้นฐานของผู้ต้องหา ส่วนจะมามอบตัวจริงหรือไม่ ไม่สามารถยืนยันได้ แต่ในส่วนของเจ้าหน้าที่เองยังคงต้องสืบสวนติดตามจับกุมต่อไป จนกว่าจะได้ตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจค้นภายในห้องทำงานส่วนตัวของนายประสิทธิ์ พบรูปถ่ายคู่กับข้าราชการ นักการเมือง และผู้ชื่อเสียงทางสังคมจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ตั้งข้อสังเกตว่านายประสิทธิ์พยายามตีสนิทขอถ่ายรูปคู่กับบุคคลเหล่านี้เพื่อนำมาใช้สร้างภาพลักษณ์ สร้างโปรไฟล์ให้ดูน่าเชื่อถือ โดยที่บุคคลเหล่านั้นอาจไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

ที่พรรคก้าวไกล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงว่านายประสิทธิ์สร้างภาพลักษณ์ว่ามีความจงรักภักดี มีบทบาททำงานใกล้ชิดสนับสนุนกองทัพและหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐ การฉ้อโกงครั้งนี้เป็นลักษณะคล้ายการแชร์ลูกโซ่นำเงินลงทุนของผู้ลงทุนรายใหญ่จ่ายเป็นผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนรายเดิม ในขณะที่ตัวธุรกิจที่ได้นำมากล่าวอ้าง และนำเสนอแก่ประชาชนนั้น ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ทำกำไร และไม่มีอัตราการทำกำไรที่สอดคล้องกับผลตอบแทน โดยผู้เสียหายในกรณีนี้เป็นผู้สูงอายุที่ไม่ได้ฉุกคิดว่าจะถูกหลอก เนื่องจากมีการสร้างภาพลักษณ์ว่าสนิทสนมกับทหารระดับสูง

นายวิโรจน์กล่าวต่อว่าหารือกับน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร โดยจะส่งหนังสือร้องเรียนไปยัง กมธ.พัฒนาเศรษฐกิจ ตรวจสอบความเชื่อมโยงทางการเงินของกองทัพและหน่วยงานราชการต่างๆ ที่เคยได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากนายประสิทธิ์ ว่ามีความเกี่ยวข้องกับเงินของประชาชนที่ปกปิดหรือไม่ หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจะจงใจ หรือไม่จงใจก็ดี ก็จะใช้กลไกของกมธ. เร่งรัดดำเนินการคืนเงินเหล่านั้นให้กับผู้เสียหายให้ได้มากที่สุด รวมทั้งจะหารือถึงแนวทางในการอายัดทรัพย์สินนายประสิทธิ์ และมาตรการต่างๆ ที่จะทุเลาความเดือดร้อนของผู้เสียหายให้ได้มากที่สุดต่อไป

ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวอีกว่าขอเรียกร้องให้หน่วยงานของกองทัพ และส่วนงานราชการต่างๆ ที่เคยได้รับเงินบริจาค หรือได้รับการสนับสนุนอะไรจากนายประสิทธิ์ เร่งสอบสวนข้อเท็จจริง และแจ้งจำนวนเงินให้กับตำรวจรับทราบ เพื่อคืนให้ประชาชนผู้เสียหายต่อไป และสิ่งที่ต้องตั้งคำถามกับกองทัพ คือก่อนที่กองทัพจะตัดสินใจทำงานกับนายประสิทธิ์ได้ตรวจสอบประวัติก่อนหรือไม่ และปล่อยให้นายประสิทธิ์เอาสถานะพิเศษในการที่ทำงานกับกองทัพจนเกิดความเสียหายต่อสาธารณชนอย่างนี้ได้อย่างไร

นายวิโรจน์กล่าวอีกว่า ขอเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งติดตามนำตัวนายประสิทธิ์มาดำเนินคดีอย่างเร็วที่สุด ไม่ใช่แค่การดำเนินคดีอาญาเท่านั้น แต่ต้องตรวจสอบความเชื่อมโยงทางการเงิน และทรัพย์สินของเครือข่ายธุรกิจของนายประสิทธิ์ เพื่ออายัดและนำเงินมาชดใช้เยียวยาให้กับผู้เสียหาย ตนและน.ส.ศิริกัญญาจะใช้กลไกของกมธ.ติดตามและดำเนินการคดีนี้อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายสำคัญที่สุดคือการเยียวยาให้ผู้เสียหายได้รับเงินคืนให้ได้มากและเร็วที่สุดต่อไป โดยจะดำเนินการยื่นเรื่องต่อกมธ.ในสัปดาห์หน้า

วันเดียวกัน ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงว่าจากกรณี พ.ต.หญิง อมรา ภรณ์ วิเศษสุข สังกัดกองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ช่วยราชการโรงพยาบาลค่ายสุรนารี ตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาในเครือข่ายนายประสิทธิ์ คดีฉ้อโกงประชาชน ทางหน่วยอํานวยความสะดวกให้กับตํารวจอย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องการควบคุมตัว การสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และการดําเนินการทางวินัยแล้ว กองทัพภาคที่ 2 ขอยืนยันว่าจะให้ความร่วมมือกับตํารวจอย่างเต็มที่ และขอแสดงความเสียใจไปยังผู้ได้รับความเสียหายทุกท่าน

พล.อ.พิศณุ พุทธวงศ์ อดีตหัวหน้าสำนักงาน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี กล่าวว่าเท่าที่จำได้นายประสิทธิ์เคยเข้ามาพบ พร้อมกับผู้ผลิตรายการในสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง แต่ตอนหลัง ผู้ผลิตรายการมาบอกตนว่า ไม่ได้ทำรายการนี้กับนายประสิทธิ์ เพราะพฤติกรรมของนายประสิทธิ์ ไม่น่าไว้วางใจ ก่อนหน้านั้น นายประสิทธิ์เคยมาพบตนที่สำนักงานภายในบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ เพื่อขอเข้าพบพล.อ.เปรม โดยเล่าว่าเป็นนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ใน จ.กระบี่ ที่ประสบความสำเร็จ และอยากจะทำโครงการตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน

พล.อ.พิศณุกล่าวต่อว่าจึงตรวจสอบข้อมูลไปที่นายทรงพล สวาดิ์ธรรม ผวจ.สงขลา ในขณะนั้น ซึ่งเคยเป็นผวจ.กระบี่ ได้รับข้อมูลว่านายประสิทธิ์เป็นบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ และไม่น่าไว้วางใจ จึงไม่อนุญาตเข้าพบ แต่ไม่แน่ใจว่านายประสิทธิ์จะได้มาอวยพรในวาระต่างๆ หรือไม่อย่างไร ซึ่งไม่ใช่มีแค่นายประสิทธิ์ แต่หลายคนที่อยากจะเข้าพบ เพื่อต้องการนำภาพไปแอบอ้าง หรือหาประโยชน์ แต่ก็พยายามตรวจสอบข้อมูล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน