ผู้บังคับบัญชาด้วย
เข้าค่าย‘ธำรงวินัย’
คลิปหัวเกรียนตื้บเด็กปั๊มบาน ทร.สั่งขัง 6 พลทหาร 30 วัน พร้อมธำรงวินัยผู้บังคับบัญชา 2 ระดับชั้น โฆษกทร.ยัน กองทัพเรือไม่ปกป้องคนผิดเด็ดขาด เผยผลตรวจสอบพบออกนอกกรมกองโดยไม่ได้รับอนุญาต และยังไปก่อเหตุทะเลาะวิวาท เลยสั่งขังกระทงละ 15 วัน รวม 30 วัน
จากกรณีโลกโซเชี่ยลมีการแชร์คลิป ชายตัดผมเกรียนนับสิบคนรุมทำร้ายเด็กปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ย่านบางนา โดยบางคนในคลิปถืออาวุธมีดมาด้วย เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมาได้รับการเปิดเผยในโลกโซเชี่ยลว่าผู้ถูกทำร้ายอายุเพียง 16 ปี สาเหตุมาจากกลุ่มผู้ก่อเหตุรายหนึ่งมาพูดคุยกับหญิงสาวที่ทำงานในปั๊ม น้องชายของหญิงสาวซึ่งเป็นเด็กปั๊มที่ถูกรุมทำร้ายเข้ามาขัดขวาง จนเกิดชกต่อยกันและมีผู้มาห้ามปรามจนแยกย้ายกันไป ต่อมาคู่กรณีได้ไปตามพรรคพวกมารุมทำร้ายดังกล่าว โดยผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.บางนา แล้ว
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 24 พ.ค. พล.ร.อ.เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ กล่าวถึงคลิปเหตุการณ์กำลังพลสังกัดกองทัพเรือ ก่อเหตุวิวาทกับคู่กรณีบริเวณสถานีบริการน้ำมันย่านบางนา ว่า จากตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า ผู้ก่อเหตุทั้งหมดเป็นทหารกองประจำการในสังกัดกองการกีฬา กรมสวัสดิการทหารเรือ ซึ่งออกนอกกรมกอง โดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อไปเติมน้ำมันรถที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก หน้าสนามกีฬาภูติอนันต์ แล้วเกิดทะเลาะวิวาทกับพนักงานบริการน้ำมัน ประกอบด้วย พลทหารศตวรรษ แป้นประโคน, พลทหารชยพล บุญนำ, พลทหารประภัทร ศรีบุรินทร์, พลทหารสกุลวัฒน์ อ่างทอง, พลทหารธีรวัฒ ทิมทอง และพลทหารศุภกรณ์ ป้องสีดา
ทางผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดของทหารกองประจำการทั้ง 6 นาย ได้สั่งลงทัณฑ์ทางวินัย ตามพ.ร.บ.วินัยทหาร โดยให้ขังผู้ก่อเหตุทั้งหมดเป็นเวลา 30 วัน แยกเป็นข้อหาออกนอกกรมกองโดยไม่ได้รับอนุญาต โทษขัง 15 วัน และประพฤติตัวไม่เหมาะสม ก่อเหตุทะเลาะวิวาทโทษขัง 15 วัน พร้อมทั้งให้ธำรงวินัยผู้บังคับบัญชา 2 ระดับชั้นของพลทหารที่ก่อเหตุ โดยเข้ารับการฝึก ณ ศูนย์ธำรงวินัยกองทัพเรือ จนกว่าผลการสอบสวนจะแล้วเสร็จ
“กองทัพเรือขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอยืนยันว่าหากปรากฏว่าผลการสอบสวนเป็นการกระทำผิดจริง กองทัพเรือจะไม่ปกป้องผู้กระทำผิดโดย เด็ดขาด และจะดำเนินการทั้งทางวินัยและทางกฎหมายเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป ทั้งนี้ผู้เสียหายสามารถแจ้งความดำเนินคดีอาญาได้ตามกฎหมาย” โฆษกกองทัพเรือกล่าว
