ทั้งอานนท์-จัสติน
นัดไต่สวนพรุ่งนี้

‘แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์’ โพสต์ย้ำจะไปรอรับ ‘ไมค์ ระยอง’ ออกจากคุก ลุ้นได้ประกันตัวพร้อม ‘ทนายอานนท์’ และ ‘จัสติน’ ศาลแขวงเชียงใหม่ก็นัดอ่านคำพิพากษา น.ศ.มช. จัดแฟลชม็อบประตูท่าแพเมื่อปี 62 โฆษกก้าวไกลกังวลรัฐลุยฟ้องปิดปากประชาชน ให้ยุ่งอยู่กับคดีความจนไม่มีเวลาไปเคลื่อนไหวทางการเมือง

เมื่อวันที่ 30 พ.ค. เพจเฟซบุ๊กศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์เผยแพร่ข้อมูลว่า ในวันที่ 31 พ.ค. เวลา 09.00 น. ศาลแขวงเชียงใหม่นัดหมายอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 5 ในคดีที่นายประสิทธิ์ หรือ เจมส์ ครุธาโรจน์ บัณฑิตจากคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสมาชิกกลุ่ม “สมัชชาเสรีแห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อประชาธิปไตย” ถูกอัยการฟ้องในข้อหา “เป็นผู้ประสงค์จะจัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งการชุมนุม ก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง” ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 มาตรา 10 จากกิจกรรมแฟลชม็อบ #ไม่ถอยไม่ทน ของประชาชนจังหวัดเชียงใหม่ ที่บริเวณลานประตูท่าแพ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 62

ข้อต่อสู้สำคัญของจำเลยในคดีนี้ คือการยืนยันว่าไม่ใช่ผู้จัดการชุมนุมแฟลชม็อบ ดังกล่าว แต่กิจกรรมเกิดจากการรวมตัวของประชาชนหลากหลายกลุ่ม ไม่มีเวทีปราศรัย ไม่มีใครขึ้นเป็นแกนนำ จำเลยเพียงแต่เป็น ผู้โพสต์ข้อความเชิญชวนในเพจ และเข้าร่วมกิจกรรมในฐานะผู้ร่วมชุมนุมคนหนึ่ง พฤติการณ์ดังกล่าวไม่ควรตีความว่าเข้าข่ายเป็น “ผู้ประสงค์จะจัดการชุมนุม” ตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ มาตรา 10 วรรคสอง

ต่อมาเมื่อวันที่ 5 พ.ย. 63 ศาลแขวงเชียงใหม่มีคำพิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง โดยชี้ว่าการโพสต์เชิญชวนไปร่วมการชุมนุมในเพจเฟซบุ๊กสาธารณะ ถือว่าเข้าลักษณะเป็นผู้ประสงค์จะจัดการชุมนุมสาธารณะแล้ว พิพากษาลงโทษปรับจำเลยเป็นเงิน 9,000 บาท แต่คำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีอยู่บ้าง ให้ลดโทษปรับ 1 ใน 3 คงเหลือโทษปรับเป็น 6,000 บาท

หลังจากนั้นในวันที่ 24 ธ.ค. 63 จำเลยและทนายความยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้น เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาดังกล่าวทั้งในส่วนของข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย โดยมีประเด็นโต้แย้งใน 6 ประเด็นโดยสรุป ดังนี้ 1.ไม่ปรากฏพยานหรือเอกสารยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้ประสงค์หรือเป็นผู้จัดการชุมนุม ทั้งการชุมนุมยังเป็นไปโดยสงบตามเจตนารมณ์กฎหมาย

2.การตีความว่าการโพสต์เชิญชวนเท่ากับเป็นผู้จัดชุมนุม เป็นการตีความเกินขอบเขตกฎหมาย 3.ฟ้องโจทก์ระบุวันที่โพสต์ผิด ทำให้จำเลยหลงต่อสู้ ศาลต้องยกฟ้องตามแนวคำพิพากษาฎีกา 4.พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานก่อนมีการร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี เป็นการแสวงหาพยานหลักฐานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีลักษณะจ้องจับผิด/มุ่งเอาผิดกับจำเลย 5.จำเลยยืนยันสิทธิในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธเป็นสิทธิพื้นฐาน ต้องไม่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายโดยไร้ขีดจำกัด 6.จำเลยถูกดำเนินคดีโดยเลือกปฏิบัติ เพราะเป็นเป้าหมายของเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายความมั่นคง จากความสนใจทางการเมืองที่ตรงข้ามกับรัฐบาล

ส่วนในวันที่ 1 มิ.ย. เวลา 10.30 น. ศาลอาญานัดไต่สวนคำร้องประกัน นายอานนท์ หรือทนายอานนท์ นำภา, นายภาณุพงศ์ หรือไมค์ จาดนอก ในคดีปักหมุด 19 ก.ย.สนามหลวง หลังนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนยื่นขอปล่อยชั่วคราวโดยขอให้ศาลไต่สวนคำร้องประกัน โดยยื่นบันทึกถ้อยคำเกี่ยวกับการปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาลเเนบไปด้วย ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา

โดยวันที่ศาลนัดไต่สวนวันที่ 1 มิ.ย. เป็นวันเดียวกับที่นัดไต่สวน ชูเกียรติ แสงวงค์ หรือจัสติน อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันฯ ตาม ป.อาญา ม.112 กรณีร่วมชุมนุมกับกลุ่มรีเดม ที่ท้องสนามหลวง

วันเดียวกัน แอมมี่-ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘The Bottom Blues’ ความว่า “ผมจะมารับคุณ” ?? คือ คำพูดสุดท้ายที่ผมพูดกับไมค์ ระยอง

ระหว่างทางที่ไมค์เดินมาส่งผมเดินออกจากเรือนจำ ไมค์ เข้มแข็งกว่าผมเสมอ เค้าได้แต่ส่ายหน้าท่าทางบอกให้ผมสบายใจ “ผมอยู่ได้ ผมสบายมาก” พรุ่งนี้ผมจะรอคอยคุณด้วยความหวัง ผมไม่เสียดายเลยสักครั้ง ที่ได้ต่อสู้เคียงข้างคุณ

วันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก UNME of Anarchy โพสต์เชิญชวนร่วมกิจกรรม ยืน หยุด ขัง 1 ชั่วโมง 12 นาที เพื่อเรียกร้องสิทธิประกันตัวให้กับเพื่อนของเราที่ยังคงถูกคุมขังอย่างไม่เป็นธรรมในเรือนจำ เนื้อหาระบุว่า ในตอนนี้ อานนท์ นำภา กับไมค์-ภาณุพงศ์ จาดนอกและจัสติน-ชูเกียรติ แสงวงค์ ยังคงถูกขังอยู่ในเรือนจำ รวมถึงแซมซึ่งยังติดขัดเรื่องการไม่มีเอกสารราชการต่างๆ ทำให้ไม่ได้รับการประกันตัว และศุภากรที่ถูกคุมขังอยู่ระหว่างอุทธรณ์คดีอยู่ในขณะนี้ ยังไม่ได้รับอิสรภาพ

โดยในวันอังคารที่ 1 มิ.ย. 2564 ที่จะถึงนี้จะมีการไต่สวนคำร้องขอประกันตัวทางคอนเฟอเรนซ์ของ ไมค์ จัสตินและอานนท์ พวกเราจึงอยากชวนทุกท่านมายืน หยุด ขัง ร่วมกัน เพื่อเรียกร้องอิสรภาพให้กับเพื่อนเราทุกคน นัดกันวันนี้ 30 พฤษภาคม 2564 ณ ประตู ม.ขอนแก่น ฝั่งเจ้าพ่อมอดินแดง เวลา 17:30 น. #ปล่อยเพื่อนเรา #ยืนหยุดขัง

ที่พรรคก้าวไกล น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงกังวลต่อการฟ้องคดีเพื่อปิดปากประชาชนว่า ขณะนี้มีการดำเนินคดีเชิงยุทธศาสตร์หรือการหยุดยั้งการเคลื่อนไหวของประชาชน โดยการฟ้องคดีพื่อสร้างภาระให้กับผู้ถูกฟ้องที่แสดงความคิดเห็นวิจารณ์รัฐบาล ปัญหาของคดีนี้ทำให้ประชาชนไม่กล้าแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นสาธารณะเพราะกลัวจะถูกฟ้องร้อง เสียทั้งเงินทั้งเวลา สำหรับภาครัฐเองปัญหาที่จะตามมาจะมีคดีที่รกศาล ทำให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีภาระงานเยอะเกินไปกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องตั้งแต่ต้น ซึ่งจะไม่สามารถอำนวยความยุติธรรมให้กับคดีอื่นๆ ที่เกิดขึ้นได้โดยเร็วเพราะจะต้องมาเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้

“แทนที่รัฐบาลจะเห็นถึงปัญหาเหล่านี้ และหาทางแก้ไข กลับกลายเป็นต้นแบบไล่ฟ้องประชาชนเสียเอง ที่เลวร้ายกว่านั้น พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้ตั้งหน่วยงานขึ้นมาเพื่อฟ้องหมิ่นประมาทประชาชน ฟ้องระหว่างตัวเองกับประชาชน เป็นเรื่องที่ไม่ปกติในแง่ของสามัญสำนึก และการใช้อำนาจหน้าที่อย่างไม่มีจริยธรรมของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น นายกฯ” น.ส.สุทธวรรณกล่าว

โฆษกพรรคก้าวไกลกล่าวอีกว่า แต่สิ่งที่น่าตกใจคือนายกฯ มีคำสั่งที่ 32/2563 วันที่ 21 ก.ย. 2563 ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและดำเนินคดีแก่ผู้เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีผ่านโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กซึ่งมีชื่อเรียกว่า คตศ. และล่าสุดที่มีการฟ้อง นายจอห์น วิญญู พิธีกรชื่อดังในข้อหาหมิ่นประมาท ถือเป็นเรื่องที่น่าละอายมาก เพราะต้นเหตุคดีนี้มาจากที่รัฐบาลไม่สามารถตอบคำถามหรือชี้แจงสิ่งที่ประชาชนสงสัยได้เลยเลือกใช้การปิดปากโดยการฟ้องเพื่อสร้างสังคมแห่งความเงียบขึ้นมา

สำหรับในรายละเอียดทางกฎหมายบุคคลทั่วไปการฟ้องหมิ่นประมาทปกติจะฟ้องกันในฐานะส่วนตัว การวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล และนายกฯ ซึ่งเป็นผู้บริหารประเทศ จึงเข้าข่ายข้อยกเว้นความผิดตามกฎหมายหมิ่นประมาทอยู่แล้วการตั้ง คตศ. ขึ้นมาทำให้เกิดความยุ่งยากแก่ผู้ที่ถูกฟ้องร้องและถูกกลั่นแกล้งอย่างชัดเจนนอกจากผิดจริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้วและอาจขัดรัฐธรรมนูญอีกด้วย

“ตั้งหน่วยงานนี้ขึ้นมาเพื่อดูแลเรื่องส่วนตัวหรือความผิดเฉพาะบุคคลเป็นการใช้งบประมาณแผ่นดินเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวอย่างชัดเจน เนื่องจากคตศ.จากคำสั่งทางราชการจะใช้งบประมาณภาษีประชาชนมาดำเนินการทำอย่างนี้พล.อ.ประยุทธ์ต้องออกมาตอบคำถามให้ได้ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ในฐานะนายกรัฐมนตรีผู้บริหารประเทศ” น.ส.สุทธวรรณกล่าว

นอกจากนี้คดีปิดปากประชาชนจากรัฐบาลชุดนี้ยังทำเป็นระบบเพื่อจงใจปกปิดความล้มเหลวจากการบริหารราชการแผ่นดินของตนเองและไม่ใช่เพียงพล.อ.ประยุทธ์ ที่ใช้กลไกนี้เท่านั้น แต่หน่วยงานอื่นๆ เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ทั้งอดีตรัฐมนตรีกระทรวงดีอีเอส หรือคนปัจจุบัน ที่ได้ให้กระทรวงทำในเรื่องแบบนี้เช่นกัน ทั้งที่ควรเป็นความหวังเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจในโลกยุคใหม่แต่กลับไล่ฟ้องประชาชน ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยใช้ข้อมูลที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนมาไล่ฟ้องประชาชนโดยตีความว่าเป็นเฟกนิวส์ทั้งหมด กิจกรรมดังกล่าวเป็นการปิดปากประชาชนรูปแบบหนึ่ง เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนวิจารณ์ความล้มเหลวในการบริหารจัดการวิกฤตโควิด-19 ซึ่งล้มเหลวในแง่ของสาธารณสุขและในแง่ของเศรษฐกิจ

ช่วงเย็นวันเดียวกันบริเวณหน้าร้านแมคโดนัลด์ สาขาอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ ประชาชนกลุ่มหนึ่งนัดหมายทำกิจกรรม ‘ยืน หยุด ขัง’ ดาวกระจาย ตามยุทธศาสตร์ของกลุ่มพลเมืองโต้กลับเป็นเวลา 1 ชั่วโมง 12 นาที โดยยืนเรียงแถว ตอนเรียงหนึ่งหันหน้าเข้าสู่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีการเว้นระยะห่าง และสวมหน้ากากอนามัยทุกราย กางร่มที่มีการห้อยแผ่นกระดาษแข็งรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีข้อความ ‘ปล่อยเพื่อนเรา’ บริเวณขอบร่มโดยรอบ ก่อนที่บางส่วนจะเคลื่อนไปทำกิจกรรมเดียวกันบริเวณหน้าศาลฎีกา ถนนราชดำเนินใน ก่อนแยกย้ายกันกลับโดยไม่มีเหตุวุ่นวาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน