คุ้ยงบลับ500ล.
‘จุรินทร์’ยังเมิน
กระแสปรับครม.

ก้าวไกลลุยต่อ เล็งเฉือนงบกลาโหมอีก 3 หมื่นล้าน มหาดไทย 4 พันล้าน เพื่อไทยเย้ยเรือรั่วสนิมเขรอะ ยิ่งฝืนอยู่ ยิ่งลำบากแบ่งทีมรีดไขมัน 4 กระทรวง ผงะเจองบลับกลาโหม 500 ล้าน รัฐบาลกางงบสู้โควิด 1.17 แสนล้าน ขอให้ประชาชนสบายใจให้ความสำคัญเรื่องนี้สูงสุด ภูมิใจไทยอ้างไม่มีรมต. นั่งกมธ.งบฯ 65 เหตุภารกิจเยอะ ‘จุรินทร์’ เมินกระแสข่าวปรับครม.-ยุบสภา ลั่นปชป. จะทำหน้าที่จนนาทีสุดท้าย

ปชป.ไม่สนข่าวปรับครม.-ยุบสภา

เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่วัดทุ่งเศรษฐี เขตประเวศ กรุงเทพฯ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวปรับครม.จนถึงยุบสภา หลังผ่านร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ว่าต้องถามพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ตนยังไม่ได้รับสัญญาณใดๆ พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลก็คุยกันในภาพชัดเจน ไม่ว่ามีหน้าที่อะไร ต้องทำหน้าที่ตนเองให้สมบูรณ์ที่สุด ส่วนอะไรจะเกิดเป็นเรื่องของอนาคต ถ้ามัวแต่กังวลไม่ทำงาน ประชาชนจะเสียโอกาส เสียเวลาประเทศ พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ทำเช่นนั้น

“ผมจะทำหน้าที่ของตัวเองจนนาทีสุดท้าย ไม่ว่าจะยุบสภาหรืออยู่ครบวาระ นี่คือสิ่งที่พูดและยืนยันจะทำให้เห็น เพราะพรรคประชาธิปัตย์ ยุคนี้เป็นยุคทำ ทำให้เห็นและพิสูจน์ ทำได้ไวทำได้จริง ทำได้ทุกเรื่อง ตามที่ประกาศไว้” นายจุรินทร์กล่าว

นายจุรินทร์ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ มีเอกภาพ ที่ผ่านมาที่มีความเห็นต่าง เป็นเรื่องของตัวบุคคล แต่ภาพรวมมีเอกภาพ และข้อยุติ คือ มติของพรรค ซึ่งล่าสุดการลงมติร่างพ.ร.บ. งบ 65 พรรคก็สนับสนุน ให้ความเห็นชอบ เพราะงบประมาณรายจ่ายประจำปี คือตัว ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ถือเป็นการลงทุนก้อนใหญ่ที่สุดของระบบเศรษฐกิจ และเป็นตัวขับเคลื่อนจีดีพี

ทำงานกับใครก็มีหลักเกณฑ์

“ถ้าไม่มีงบประมาณ เศรษฐกิจก็ขับเคลื่อนไม่ได้ ดังนั้นการรับหลักการร่างพ.ร.บ.งบ เป็นเรื่องถูกต้อง โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ไม่มีทางที่เป็นอย่างอื่น ต้องยกมือสนับสนุน เพราะมีหลัก ไม่ใช่ทำงาน รายวัน ถึงอยู่มาได้ถึงวันนี้และจะอยู่ต่อไป ซึ่งได้พูดคุยกับนายกฯหลังผ่านร่าง พ.ร.บ.งบ นายกฯได้กล่าวขอบคุณ” นายจุรินทร์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการนัดพบปะพูดคุยกระชับความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาล หลังมี รอยร้าว เรื่องอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบ หรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า เป็นเรื่องของแต่ละกรณีปัญหา เกิดตรงไหนคนที่เกี่ยวข้องต้องคุยกัน ไม่จำเป็นต้องเอาทุกภาคส่วน ที่ไม่มี ปัญหา ไปคุยด้วย ใครมีปัญหาก็ไปคุยกัน และไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของตน เพราะไม่ใช่นายกฯ โดยนายกฯคงจะไปดำเนินการ

เมื่อถามว่า นายกฯยังไว้ใจพรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ต้องไปถามนายกฯ แต่พรรคประชาธิปัตย์เมื่อทำงานร่วมกับใครก็มีหลักเกณฑ์ ไม่จำเป็นต้องมานั่งเอาใจหรือพูดคุยรายวัน ไม่เช่นนั้นพรรคคงไม่อยู่มาได้จนถึงวันนี้ ตนเป็นหัวหน้าพรรคคนที่ 8 ก็มีหลักเกณฑ์ภายใต้กฎกติกาของพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นเมื่อตัดสินใจอะไรไปแล้ว ไว้วางใจได้ ยกเว้นผิดเงื่อนไขจากที่ตกลงกันไว้ ซึ่งเป็นเรื่องของอนาคต

พท.เย้ยเรือรั่ว-ฝืนอยู่ยิ่งลำบาก

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีพรรคร่วมรัฐบาลออกมากดดันให้พล.อ.ประยุทธ์ยุบสภาในเดือนธ.ค. ว่า การจัดทำร่างพ.ร.บ.งบ 65 อาจเป็นครั้งสุดท้ายของรัฐบาลและรัฐสภาชุดนี้ พล.อ.ประยุทธ์ถูกรุมถล่มกลางสภาจากพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านถือว่าหนัก แต่ที่ลำบากใจคือการถูกโดดเดี่ยว จากการถูกรุมกินโต๊ะจากพรรคร่วมรัฐบาล ขนาดลูกหาบของพลังประชารัฐยังได้แต่นั่งดูตาปริบๆ ไม่มีใครคิดจะลุกขึ้นมาทำหน้าที่องครักษ์ปกป้อง เป็นการส่งสัญญาณและ สิ่งบ่งชี้ว่าความอดทนของเพื่อนร่วมทีม องคาพยพพรรคร่วมรัฐบาลมีขีดจำกัด อยู่กันมาจนรู้เช่นเห็นชาติว่าการเป็นนั่งร้านค้ำยันอำนาจที่รอวันถูกรื้อทิ้งเป็นอย่างไร

เวลาที่เหลืออยู่จะตบหัวแล้วลูบหลังพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อการได้ไปต่อของรัฐบาลไม่ทันแล้ว อย่างมากก็ทำได้แค่กลืนเลือด เพื่อสะสมพละกำลังไว้สู้ศึกเลือกตั้งที่กำลัง จะเกิดขึ้น ในลักษณะตัวใครตัวมัน มือใครยาวสาวได้สาวเอาเท่านั้น นอกจากจะถามว่า 7 ปีแล้วไง ที่นักวิชาการออกมาบอกว่าเป็นวลีอันธพาล ก้าวร้าว โอหัง พร้อมจะปรี่เข้าไปใช้ความรุนแรง ประชาชนตอบว่าเป็น 7 ปี ที่วิกฤตหนัก ลองหันไปถามพรรคร่วมรัฐบาลด้วยว่าอยู่ร่วมกันมา 2 ปีกว่าแล้วเป็นไง เลือกตั้ง ครั้งหน้ายังจะมาจับมือกันอีกไหม เข็ดหรือยัง

“พรรคร่วมรัฐบาลส่งสัญญาณพร้อมทิ้งพายหัก ไม่พายเรือให้พล.อ.ประยุทธ์นั่งอีก ต่อไป เรือรั่วสนิมเขรอะ อุดยังไงก็อุดไม่อยู่ เวลาที่เหลือของรัฐบาล ยิ่งฝืนอยู่ ยิ่งลำบาก” นายอนุสรณ์กล่าว

รัฐบาลกางงบสู้โควิด 1.17 แสนล.

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนัก นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการติดตามการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณ รายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ.2565 พบว่า ยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในเรื่องการจัดสรรงบประมาณด้านสาธารณสุขให้แก่การป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 จึงขอชี้แจงเพื่อให้ประชาชนได้สบายใจว่า รัฐบาลให้ความ สำคัญกับเรื่องนี้อย่างสูงสุดและได้จัดสรรวงเงินที่จะใช้ในการบริหารจัดการสถานการณ์ โควิด-19 เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับด้านสาธารณสุข เบื้องต้น 1.17 แสนล้านบาท

ในส่วนของร่างพ.ร.บ.งบ 65 ยังจัดงบด้านการแพทย์และสาธารณสุขตามภารกิจของหน่วยงาน ที่ประกอบด้วยงบของกระทรวงสาธารณสุข กองทุนหลักประกันสุขภาพ แห่งชาติ กองทุนการแพทย์ฉุกเฉิน กองทุนภูมิปัญหาการแพทย์แผนไทย วงเงินรวมอีก 2.95 แสนล้านบาท

ใช้จ่ายแล้ว 8.7 หมื่นล้าน

โดยในช่วงปีงบประมาณ 2563-2564 รัฐบาล จัดสรรวงเงินงบประมาณจากทั้งงบกลาง กรณีฉุกเฉิน และพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ไปแล้วทั้งสิ้น 87,862 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าตอบแทนเสี่ยงภัยให้กับบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานภาคสนาม และ อสม. 22,146 ล้านบาท, การจัดซื้อจัดหาครุภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ 1,824 ล้านบาท

ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิด 29,304 ล้านบาท, ค่าใช้จ่ายด้านวัคซีน ทั้งการวิจัยพัฒนาในประเทศ รวมถึงค่ารักษากรณีอาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีนด้วย 21,134 ล้านบาท, การเฝ้าระวัง ป้องกันและค้นหาเชิงรุก 6,483 ล้านบาท, การจัดตั้งสถานกักตัวของรัฐ และสถานที่กักกันโดยองค์กรต่างๆ 6,452 ล้านบาท, การเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน 519 ล้านบาท

สำรองอีก 3 หมื่นล.ในพ.ร.ก.เงินกู้

นอกจากนี้ ยังมีเงินกู้ตามพ.ร.ก.ฉบับเพิ่มเติม ที่มีผลบังคับใช้แล้ว เมื่อ 25 พ.ค.2564 อีก 30,000 ล้านบาท (จากกรอบวงเงินกู้ 5 แสนล้านบาท) เพื่อเตรียมพร้อมรับความไม่แน่นอนของการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งการใช้เงินเพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 จากพ.ร.ก.เงินกู้ จะทำได้เร็วกว่าและทันสถานการณ์มากกว่าการรอใช้จาก พ.ร.บ.งบ 65 ที่กว่าจะเริ่มใช้ในเดือนต.ค.2564

“ขอให้ความมั่นใจว่า รัฐบาลให้ความสำคัญ และมีงบเพียงพอในการจัดการสถานการณ์ โควิด-19 ทั้งการจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ วัคซีน เพื่อบริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชน การรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 และการดูแลบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เน้นย้ำว่า รัฐบาลจัดสรรงบโดยคำนึงถึงการบริหารประเทศทั้ง 2 ช่วงเวลา ทั้งช่วงสถานการณ์การระบาดโควิด-19 และหลังสถานการณ์ เพี่อขับเคลื่อนประเทศ ต่อเนื่องในทุกมิติทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและสุขภาพ” น.ส.รัชดากล่าว

ภท.แจงเหตุไม่มีรมต.นั่งกมธ.

นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง โฆษกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 สภาผู้แทนราษฎรให้สัมภาษณ์ถึงการเสนอชื่อ นางนาที รัชกิจประการ อดีตส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย เป็นรองประธานกมธ. หลังมีความวุ่นวายในระหว่างเลือกรองประธานคนที่ 2 จนได้ตำแหน่งรองประธานกมธ.คนที่ 4 ว่า เราเสนอคนที่ 4 อยู่แล้ว

โดยปกติตามลำดับพรรค ทางครม. จะจัดสรร ก่อน ซึ่งจะมีมา 3 คน จากนั้น จะตามด้วยโควตา ของพรรคพลังประชารัฐ ตามด้วยพรรค ภูมิใจไทย ซึ่งการพักประชุมไป 30 นาทีนั้นมาจากการที่พรรคฝ่ายค้านเสนอลำดับต้น แต่ทางฝ่ายรัฐบาลไม่ยอมเท่านั้น ไม่ได้มีปัญหา กับพรรคภูมิใจไทย และยันยืนกรณีนี้ ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับพรรคร่วมรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่ไม่มีตัวแทนครม.ของพรรคภูมิใจไทย เข้าไปนั่งเป็นกมธ. นายภราดร กล่าวว่า กมธ.งบปี 2564 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ร่วมเป็นกมธ.ด้วย แต่ปีนี้เห็นว่า ภารกิจเยอะ จึงไม่อยากเข้าไป ส่วนจะตัดงบใด ในวาระ 2 บ้างนั้น ส่วนตัวคิดว่า คงต้องทุกกรม ทุกกระทรวงมาชี้แจงก่อนว่า งบส่วนไหนบ้างที่ยังไม่มีความจำเป็นมากนักก็จะปรับลด

เมื่อถามว่า จะมีการพิจารณาแปรงบเพิ่ม ให้กระทรวงกระทรวงสาธารณสุขหรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า หน้าที่ของส.ส.ไม่สามารถ แปรญัตติเพิ่มงบได้ ได้แต่ตัดลดอย่างเดียว ส่วนการแปรเพิ่มต้องดูว่าหน่วยงานใดจะของบ เพิ่มเติมบ้างหรือไม่และค่อยไปคิดมา กมธ.ก็จะ พิจารณา

เพื่อไทยเล็งหั่น 4 กระทรวง

ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการ พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 สภาผู้แทนราษฎร คนที่ 6 ให้สัมภาษณ์ว่า ในการประชุมกมธ.งบนัดแรกวันที่ 7 มิ.ย. จะเป็นการหารือถึงภาพรวมร่างพ.ร.บ.งบ ซึ่ง กมธ.ในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยได้ตั้งทีมแบ่งภารกิจเพื่อดูแล และศึกษางบแต่ละหน่วยงานที่จะเข้าสู่การพิจารณาของ กมธ. เช่น นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีต รมว.ศึกษาธิการ รับผิดชอบดูรายละเอียดงบของกระทรวงศึกษาธิการ นายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู รับผิดชอบดูรายละเอียดงบของกระทรวงการคลัง นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รับผิดชอบดูรายละเอียดงบของกระทรวงกลาโหม เป็นต้น ซึ่งกมธ.จะพิจารณางบของกระทรวงการคลังก่อนเป็นอันดับแรก

กระทรวงหลักๆ ที่เราตัดงบแน่ๆ คือกระทรวงกลาโหม กระทรวงคมนาคม กระทรวง มหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ แต่ยังไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะตัดออกจำนวนเท่าใด ขอดูรายละเอียด ในแต่ละมาตราก่อน หากกระทรวงใดตั้งงบโดยไม่จำเป็น ไม่สมเหตุสมผล มีไขมันส่วนเกิน มาก ก็ตัดหมดไม่ว่าจะเป็นกระทรวงไหนก็ตาม ยืนยันว่าจะไม่มีการเกี้ยเซี้ยกับรัฐบาลแน่นอน เราจะพูดคุยด้วยเหตุและผล ยึดประโยชน์ประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก

คุ้ยงบลับกลาโหม-บี้ซื้อเรือดำน้ำ

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรค เพื่อไทย ในฐานะกมธ.งบ กล่าวว่า นายประเสริฐ ให้ตนดูเรื่องงบราชการลับของกระทรวงกลาโหม ที่มีการตั้งไว้ประมาณ 500 ล้านบาท เป็นของสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม 32 ล้านบาท กองบัญชาการกองทัพไทย 60 ล้านบาท สถาบันป้องกันประเทศ 20 ล้านบาท กองทัพบก 290 ล้านบาท กองทัพเรือ 62 ล้านบาท กองทัพอากาศ 30 ล้านบาท ตรงนี้เป็นงบ ที่น่าติดตาม เพราะเหตุใดการใช้จ่ายต้องเป็นราชการลับที่ไม่มีรายละเอียดและตรวจสอบไม่ได้ ทั้งที่การใช้จ่ายงบทุกวันนี้ต้องโปร่งใส ต้องชี้แจงให้ตรวจสอบได้

ตนจะขอรายละเอียดว่าทำไมต้องมีงบลับและนำไปใช้จ่ายอะไร หากชี้แจงไม่ได้ต้องขอปรับลดงบส่วนนี้ เพราะในปัจจุบันงบมีความจำกัดมาก ขนาดงบซื้อวัคซีนที่เป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนยังไม่มีในพ.ร.บ.งบประมาณ และยังต้อง ไปใช้งบเงินกู้ รวมถึงตนจะติดตามงบจัดซื้อเรือดำน้ำที่พรรคติดตามตั้งแต่ปีที่แล้ว ทั้งที่ไม่มี ความจำเป็นเร่งด่วนก็อยากให้ลดตรงนี้ด้วย

ก้าวไกลไม่ปล่อยกห.-มท.

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ฝ่ายนโยบาย ในฐานะกมธ.งบ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลได้ตั้งเป้าปรับลดงบ เพื่อคืนให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวกับประชาชน ซึ่งถูกปรับลดไป 3.5 หมื่นล้านบาท เช่น งบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เงินสบทบกองทุนประกันสังคม เงินชดเชยภาษีที่ดินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กองทุนเพื่อเสมอภาคเพื่อการศึกษา (กสศ.) ซึ่งต้องขึ้นอยู่ว่า หน่วยงานเหล่านี้เคยของบมาก่อนหน้าหรือไม่

โดยกระทรวงต่างๆ ที่จะไปตัดงบ คือ กระทรวงกลาโหม (กห.) ที่สามารถลด ตัด เลื่อน เพื่อให้ได้วงเงินคืนมาเกือบ 3 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ยังเจองบก่อสร้างของกระทรวงมหาดไทย (มท.) อีกจำนวนมากที่สามารถเลื่อนออกไปก่อนได้ เช่น งบเขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง งบก่อสร้างจวนผู้ว่าราชการจังหวัด และอาคารที่ทำการต่างๆ ที่คาดว่า จะสามารถตัดลดได้อีกประมาณ 4 พันล้านบาท แต่ต้องเข้าไปดูในรายละเอียดในชั้นอนุ กมธ. เพื่อไม่เป็นการรีบตัดสิน เพราะเมื่อปี 2563 ในชั้นอนุ กมธ. สามารถตัดงบได้ 3 หมื่นกว่าล้านบาท และสามารถนำไปคืนให้กสศ. หรือเงินชดเชยภาษีที่ดินของอปท.ได้เหมือนกัน โดยปีนี้จะไล่ดูงบอบรมสัมมนา งบครุภัณฑ์ หรือค่าจ้างที่ปรึกษาต่างๆ ที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนเป็นรายบรรทัด

“สิ่งสำคัญที่สุด คือ เสียงของประชาชนนอก กมธ. ที่จะช่วยกดดัน จากวันนี้เป็นต้นไป กมธ.ของพรรคก้าวไกลจะไม่ได้ทำงานแต่ ในห้อง แต่จะสื่อสารออกให้ประชาชนข้างนอก ได้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในกมธ. ถือเป็นการมาฟ้อง และแจ้งให้ทราบ เพื่อขอเสียงสนับสนุนจากประชาชน” น.ส.ศิริกัญญากล่าว

ส.ว.โดดป้องงบกองทัพ

พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงข้อวิจารณ์งบกองทัพในร่างพ.ร.บ.งบ 65 ว่า ทำไมบ้านที่อยู่อาศัยของเรา บางบ้านก็ไม่มีรั้วบางบ้านก็มีเพียงเสารั้วปักแสดงเขตครอบครอง บางบ้านเป็นรั้วลวดหนาม หรือรั้วไม้ไผ่ หรือเป็นกำแพงคอนกรีตมั่นคงแข็งแรง มีเหล็กแหลมด้านบน มีสุนัขเฝ้าบ้าน มีรปภ.เฝ้าดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด เวลา การลงทุนในการสร้างรั้วเพื่อรักษาความปลอดภัยนี้จะมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับจำนวน ทรัพย์สินในบ้าน บ้านไหนที่ยิ่งมีทรัพย์สินมาก หรือมีความเสี่ยงมาก ก็จะต้องลงทุนสร้างระบบ รักษาความปลอดภัยให้เข้มแข็ง

ระบบรักษาความปลอดภัยจะต้องวางแผนใช้เวลาก่อสร้าง วางระบบ ประเทศชาติคงเช่นเดียวกับบ้านของเรา จำเป็นจะต้องสร้างระบบรักษาความปลอดภัยความมั่นคงไว้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ หากระบบรักษาความปลอดภัยของชาติอ่อนแอ ไม่เข้มแข็ง จะมั่นใจ ได้อย่างไรว่าจะไม่ถูกประเทศเพื่อนบ้านที่ เข้มแข็งกว่า รังแก ขู่บังคับ หรือละเมิดอธิปไตย ของไทย เมื่อถึงสถานการณ์เช่นนั้น จะมาเริ่มคิด เริ่มสร้างกำลังทหาร วางระบบรักษาความปลอดภัย ให้เข้มแข็ง พร้อมรบ ต่อสู้ภัยคุกคาม ต่างๆ ได้ทันต่อสถานการณ์หรือไม่

“ทุกองค์กรของชาติ มีความสำคัญใกล้เคียง กันหมด ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ขณะนั้น หากมี ปัญหาหรืออ่อนแอในด้านใด ต้องเพิ่มความเข้มแข็งในด้านนั้น แต่ไม่ใช่ทอดทิ้งด้านอื่น จนด้านอื่นนั้นอ่อนแอไป แล้วเมื่อถึงสถานการณ์ ที่จำเป็น จะมาเริ่มคิด เริ่มสร้างขึ้นใหม่ให้เข้มแข็ง จะกระทำได้ยากยิ่ง เมื่อนั้นทุกอย่างก็จะสายเกินไปแล้ว จึงจำเป็นจะต้องมองประเทศชาติในองค์รวม ไม่ใช่มองด้านใดด้านหนึ่ง จะต้องทำให้ทุกองคาอพยพของชาติเดินหน้าไปได้พร้อมกัน เพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชน”พล.อ.สมเจตน์กล่าว

‘แรมโบ้’จี้‘วิโรจน์’ลาออก

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีกับนางจุไรรัตน์ เรวงศ์ อายุ 69 ปี ที่ลงทะเบียน นัดล่วงหน้าไว้ในระบบออนไซต์ ณ ศูนย์บริการฉีดวัคซีน กระทรวงสาธารณสุข ที่ได้ฉีด วัคซีนเข็มแรกของแอสตร้าเซนเนก้า ที่ผลิตโดยบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ขณะนี้บริษัทได้ส่งมอบวัคซีนล็อตแรกแล้ว 1.8 ล้านโดส โดยได้กระจายไปยังทั่วประเทศและจะฉีดพร้อมกันทั้งประเทศในวันที่ 7 มิ.ย. และในเดือนมิ.ย.นี้จะมีวัคซีนทยอยเข้ามาอีกเป็นจำนวนมาก และฉีดให้กับประชาชน ทุกอย่างกำลังเดินหน้า และเป็นไปตามแผนที่รัฐบาลได้วางเอาไว้ในการบริหารจัดการวัคซีน

ส่วนที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรค ก้าวไกล เคยท้าให้ รมว.สาธารณสุข ลาออกจากตำแหน่ง หากวันที่ 7 มิ.ย.ไม่มีวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าให้บริการ วันนี้นายวิโรจน์จะรับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเองอย่างไร ทำไมไม่ลาออกจาก ส.ส.ตามคำพูด แสดงว่าไม่มีสัจจะ ไม่รักษาคำพูดตัวเอง ถือว่าใช้ไม่ได้ รัฐบาลทำทุกอย่างเป็นไปตามกำหนด มีวัคซีนมาฉีดให้กับประชาชน

“นายวิโรจน์ควรหยุดพูด หยุดกุข่าวที่ไม่เป็น ความจริงได้แล้ว ในขณะที่ประเทศเกิดวิกฤตและต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่าย อย่าทำตัว มือไม่พายเท้าราน้ำ อย่าเป็นตัวถ่วงคนอื่น เป็นถึงผู้แทนของประชาชนหัดใช้สมองที่มีคิด เรื่องประชาชน ประเทศชาติจะดีกว่า อย่าเอาเวลานี้มาตีกินทางการเมือง อย่ามาหวังลมๆแล้งๆ ที่จะล้มรัฐบาลในตอนนี้ เพราะไม่มีประโยชน์ นายวิโรจน์และพรรคก้าวไกลมีแต่จะตกต่ำ ขาดความน่าเชื่อถือจากประชาชน ขอแนะนำหากนายวิโรจน์และพรรคก้าวไกล ไม่อยากทำตัวเป็นประโยชน์ช่วยประชาชนและประเทศชาติ เพียงแค่หุบปากไม่ตำหนิ โจมตีใคร ก็อาจกู้ความศรัทธาจากประชาชนได้” นายเสกสกลกล่าว

ร่วมโครงการบอกดิน2ถึงสิ้นมิ.ย.

เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้ความสำคัญกับนโยบายการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ได้นำไปสู่การขับเคลื่อนหลายโครงการสำคัญ รวมถึงที่เกี่ยวกับการจัดสรรที่ดินทำกิน การมีที่ดินทำกินโดยมีเอกสารสิทธิรับรองถูกต้องตามกฎหมาย รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย โดยกรมที่ดินได้ดำเนินโครงการบอกดิน ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนผู้ที่มีที่ดินแต่ไม่มีเอกสารสิทธิ หรือมี ส.ค. 1 น.ส.3 น.ส.3 ก และต้องการให้ภาครัฐเข้าไปบริหารจัดการที่ดินให้ถูกต้อง สามารถแจ้งข้อมูลผ่านทั้งระบบออนไลน์และออฟไลน์ได้

โดยปีงบประมาณ 2564 ดำเนินการมาเป็นปีที่ 2 ในชื่อโครงการ “บอกดิน 2” เริ่มโครงการตั้งแต่ 1 มี.ค.-30 มิ.ย.2564 ซึ่งเดือนมิ.ย.จะเป็นเดือนสุดท้ายของปีงบประมาณนี้ที่จะให้แจ้งข้อมูล จึงขอเชิญชวนประชาชนผู้มีที่ดินแต่ไม่มีเอกสารสิทธิแจ้งข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือดำเนินการให้มีเอกสารสิทธิที่ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป

สำหรับการแจ้งข้อมูลที่ดินตามโครงการบอกดิน 2 ประชาชนสามารถแจ้งข้อมูลและตำแหน่งที่ตั้งที่ดินของตนเองโดยใช้สมาร์ตโฟนที่เชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ตและแจ้งข้อมูลผ่าน 4 ช่องทาง ได้แก่ 1.ทางเว็บไซต์ : https://bokdin2.dol.go.th 2.ทาง LINE Official Account แอดไลน์ไอดี : @teedin คลิกที่เมนู “บอกดิน” 3.ทางโมบาย แอพพลิเคชั่น “SMARTLANDS” คลิกเมนู “บอกดิน” และ 4.สแกนเข้าระบบบน “บัตรบอกดิน” ได้ที่สำนักงานที่ดินทั้ง 461 แห่ง ทั่วประเทศ

ขณะที่แจ้งข้อมูลต้องเดินทางไปยังแปลงที่ดินที่ต้องการแจ้งข้อมูล ยืนรอประมาณ 1 นาที จากนั้นเข้าระบบบอกดินผ่านช่องทางใดช่องทางหนึ่งจาก 4 ช่องทางตามที่สะดวก แล้วกดแจ้ง ตำแหน่งที่ดิน กรอกข้อมูลส่วนตัว แล้วกดส่ง จากนั้นกรมที่ดิน จะตรวจสอบรายละเอียด รวบรวมข้อเท็จจริง หลักฐานต่างๆ และแจ้งกลับให้ผู้ครอบครองทราบว่าจะมีวิธีดำเนินการอย่างไรและให้ความช่วยเหลือต่อไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 0-2141-5555

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน