ยูทูบเบอร์ด้วย
คดีวังพญานาค
สั่งฟ้อง ‘ลุงพล’ และพวก รุกป่าสร้างวังพญานาคที่มุกดาหาร เรียกพบอัยการจังหวัดนำตัวส่งฟ้องวันนี้ เผยนายไชย์พลโดน 3 ข้อหาทั้งแผ้วถางยึดครองป่าสงวนและครอบครองไม้หวงห้าม ส่วน 2 ยูทูบเบอร์คนสนิทโดนร่วมทำไม้หวงห้ามและร่วมทำไม้หวงห้ามในป่าสงวน
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ที่บก.ปทส. พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม ผบก.ปทส. เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนายไชย์พล วิภา หรือ ‘ลุงพล’ ฐานความผิดบุกรุกตัดไม้ในเขตป่าสงวนก่อสร้างวังพญานาคในพื้นที่ อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ว่า คณะพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนคดีดังกล่าว และได้เสนอมาตามขั้นตอน โดยมีความเห็นสั่งฟ้องลุงพลและพวกอีก 2 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มยูทูบเบอร์ เบื้องต้นได้มอบหมายให้ทางพ.ต.อ.ธณัชชนม์ เก่งกสิกิจ ผกก.3 บก.ปทส. เป็นผู้ดำเนินการในขั้นตอนจากนี้
พ.ต.อ.ธณัชชนม์กล่าวว่า คดีนี้ได้สอบปากคำพยานเพิ่มเติมในประเด็นสำคัญจนครบถ้วนแล้ว และคณะพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนเสร็จสิ้นแล้ว โดยมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกลุงพลและ ยูทูบเบอร์ให้ไปพบพนักงานอัยการจังหวัดมุกดาหารในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ เนื่องจากการสรุปสำนวนมีความเห็นส่งฟ้องต่ออัยการ ต้องนำตัวผู้ต้องหาไปแสดงต่อพนักงานอัยการด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า ทางคณะพนักงานสอบสวนบก.ปทส.มีความเห็นสั่งฟ้องลุงพลและพวกซึ่งเป็นยูทูบเบอร์ ทั้งสิ้น 5 ข้อหา โดยแบ่งเป็นลุงพล 3 ข้อหา ประกอบไปด้วย กระทำผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 54 ในฐานความผิดกระทำการด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าหรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น, กระทำผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ในความผิดฐานยึดถือครอบครองเข้าทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในที่ดินก่อสร้างแผ้วถาง ทำไม้ หรือกระทำการด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำให้เสื่อมเสียสภาพป่าสงวนแห่งชาติ และร่วมกันทำไม้ หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต มีไม้หวงห้ามไว้ในความครอบครองอันมิได้แปรรูป โดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวง หรือรอยตรารัฐบาลขาย อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช 2485 มาตรา 11 และ 69
นอกจากนี้ ได้แจ้งข้อหานายธีรพงษ์ (สงวนนามสกุล) และนายนิคม (สงวนนามสกุล) 2 ยูทูบเบอร์ รวม 2 ข้อหา ในความผิดร่วมกันทำไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 11 ร่วมกันทำไม้หวงห้ามในเขตป่าสงวน แห่งชาติอันเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 มาตรา 14
