‘ปู’ปลื้ม10ปีชนะเลือกตั้ง
พปชร.ยกกฎเหล็กคุมสส.

สภานัดถกวิป 4 ฝ่าย 6 ก.ค.นี้ ปธ.ชวนหารือหาทางออกประชุมสภาไปต่อหรือหยุดไว้ก่อน ฝ่ายค้านลั่นอยากเดินหน้าต่อ ระบุมีกฎหมายค้างเยอะ จ่อตั้งคณะทำงานเตรียมยื่นซักฟอก โฆษกเพื่อไทยซัดศบค. ก่ออาชญากรรมต่อชีวิตประชาชน อาจารย์กฎหมาย จุฬาฯ-มธ. ลั่นถึงเวลาเอาผิด ‘บิ๊กตู่-ครม.’ บริหารสถานการณ์ผิดพลาด ทำคนตาย-สถานการณ์แย่ ชี้หลักฐานชัด ‘ยิ่งลักษณ์’ ย้อน 10 ปีเลือกตั้ง 3 ก.ค.54 ภูมิใจขึ้นเป็นนายกฯ หญิง ด้วยเสียงประชาชน ‘มงคลกิตติ์’ พ้อ อยากให้ ‘ทักษิณ’ กลับ คุมทีมแก้ปัญหาประเทศ พปชร.ยกเครื่องวินัย- จริยธรรมพรรค หวังคุมส.ส.ไม่ให้แตกแถว

ยิ่งลักษณ์ย้อนชัยชนะ 10 ปีเลือกตั้ง

วันที่ 3 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทวีตขอบคุณในวันครบรอบ 10 ปี ชัยชนะของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 ก.ค.2554 ว่า “ขอบคุณทุกๆ คะแนนเสียงที่ประชาชนมอบความไว้วางใจให้ดิฉันและพรรคเพื่อไทย จนนำมาซึ่งรัฐบาลประชาธิปไตยในวันนั้น ด้วยความภาคภูมิใจตราบจนวันนี้ค่ะ”

ทั้งนี้ เพจพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ย้อน ชัยชนะของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อ 10 ปีก่อน ความว่า “เพียง 49 วันหลังเปิดตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะ ส.ส.บัญชี รายชื่ออันดับที่ 1 สู้ศึกเลือกตั้งชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี วันนั้น 3 ก.ค.2554 พรรค เพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ด้วยการลงคะแนนเลือกตั้งจากประชาชน 15,744,190 เสียง ทำให้มี ส.ส.ในสภา 265 คน เกินกึ่งหนึ่ง ของสภา”

สภานัด 4 ฝ่ายถกทิศทางประชุม

นายราเมศ รัตนะเชวง เลขานุการประธานรัฐสภา กล่าวว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้มอบให้ นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภา นัดประชุมคณะกรรมการประสานงาน (วิป) 4 ฝ่าย ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายวุฒิสภา และฝ่ายตัวแทนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 6 ก.ค.นี้ เวลา 10.30 น. เพื่อพิจารณาแนวทางการประชุมสภาในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่าจะประชุมต่อหรือไม่อย่างไร พร้อมประเมินสถานการณ์ หากจำเป็นต้องดำเนินการประชุม จะมีมาตรการป้องกันเพื่อความปลอดภัยอย่างไร จึงต้องรอการพิจารณาของที่ประชุม 4 ฝ่ายก่อน

ทั้งนี้ การประชุมสภาในวันที่ 7-8 ก.ค. มีเรื่องค้างการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติด่วนที่ส.ส.ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล เสนอญัตติด่วนด้วยวาจาเพื่อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา โควิด-19 อย่างเร่งด่วน และมีร่างพ.ร.บ.วัตถุอันตราย ร่างพ.ร.บ.คุ้มครองพยานในคดีอาญา และร่างกฎหมายอีกหลายฉบับ

‘ชวน’ย้ำทุกฝ่ายทุ่มเททำงาน

นายราเมศกล่าวต่อว่า ในส่วนของประชาชน ที่จะเดินทางมาร้องทุกข์ต่อประธานรัฐสภา หากเป็นไปได้ ช่องทางที่สะดวกสุดคือการส่งเป็นหนังสือมายังรัฐสภา เขียนหน้าซองถึงประธานรัฐสภา หรือส่งอีเมล์ และช่องทางผ่านเว็บไซต์ ยืนยันว่าหนังสือร้องทุกข์ถึงมือนายชวน ทุกฉบับ และตนในฐานะเลขาฯ จะนำมาสรุปรายงานแถลงประจำสัปดาห์ว่า มีประชาชนเดือดร้อนร้องเรียนเรื่องอะไรมาบ้าง เพราะหากมายื่นด้วยตนเอง จะเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคด้วย อย่างไรก็ตาม นายชวนได้ย้ำให้คณะทำงานทุกคนให้ใส่ใจปัญหาของประชาชนในสถานการณ์เช่นนี้ ต้องทุ่มเททำงานกันให้เต็มที่ สภาพร้อมรับใช้ประชาชนทุกคน ในทุกสถานการณ์

วิรัชนัดถกกมธ.แก้รธน.

นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญแก้รัฐธรรมนูญว่า จะเริ่มประชุมในวันที่ 6 ก.ค. โดยมีวาระการเลือกประธานกมธ. ส่วนกำหนดวันเวลาในการประชุมนั้น คาดว่า จะให้เสร็จไม่เกิน 2-3 สัปดาห์

ฝ่ายค้านพร้อมประชุมสภา

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ฐานะประธานวิป ฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมวิป 4 ฝ่ายในวันที่ 6 ก.ค.นี้ ว่า นายชวนได้นัดประชุมในเวลา 10.00 น. ซึ่งเราจะหารือกันว่าการประชุมรัฐสภามีได้อีกครั้งเมื่อใด เนื่องจากกฎหมายเก่าที่ค้างไว้ก็ยังมีอยู่ ขณะที่กฎหมายใหม่ที่เสนอเข้ามาก็มีอีก ดังนั้นจะประชุมรัฐสภาได้หรือไม่ เราต้องดูสถานการณ์ด้วย

นอกจากนี้การประชุมสภาปกตินั้น เราต้อง พิจารณาด้วยว่าสถานการณ์แค่ไหนจึงจะงดประชุม และมาตรการที่เรามีอยู่เพียงพอหรือไม่ต่อการป้องกันการแพร่ระบาด หากไม่พอต้องเพิ่มเติมมาตรการอย่างไรหรือไม่ ทั้งนี้ ฝ่ายค้านอยากให้เดินหน้าประชุมต่อ เพราะสุดท้ายแล้วเราต้องปรับตัวให้อยู่กับโควิดให้ได้ เว้นแต่สถานการณ์จะเกินกว่าที่เราจะเสี่ยงได้ ค่อยงดประชุม ซึ่งตรงนี้ก็ต้องมีการประเมินเป็นระยะ

จ่อตั้งคณะทำงานยื่นซักฟอก

เมื่อถามถึงส.ส.ของพรรคเตรียมเสนอ ให้เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยไม่ลงมติตามมาตรา 152 นายสุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มีการพูดคุยกันในวงแกนนำและผู้บริหารของพรรคว่า สถานการณ์เช่นนี้ เราต้องมีการเตรียมตัวไว้ เพราะอาจจะต้องยื่นอภิปรายในเร็วๆ นี้ ขณะนี้พท.ได้ตั้งคณะกรรมการเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจขึ้น ซึ่งมีตนเป็นประธานคณะไปศึกษารายละเอียด หาข้อสรุป และติดตามสถานการณ์ ถ้าสถานการณ์มีความรุนแรงมาก เราอาจต้องยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติตามมาตรา 151 อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เรายังไม่ได้สรุปว่าจะยื่นอภิปรายเมื่อใด แต่คิดว่าเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้น่าจะต้องยื่นเร็วขึ้น

พท.จี้ศบค.หยุดทำคนตาย

น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพท. กล่าวกรณีประธานกรรมการเครือโรงพยาบาลธนบุรี ระบุการจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นาที่ยังไม่มีความคืบหน้า จนเกิดกระแสตีแผ่ความจริงในวงกว้างว่า สะท้อนชัดเจนว่า การบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาลล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ เตะถ่วงเอกชนที่จะเข้ามาช่วยกระจายวัคซีนทางเลือก เหตุใดภาครัฐ ที่ควรเป็นที่หวังของประชาชน กลับกลายเป็นอุปสรรคขัดขวาง ขณะนี้คนไทยติดเชื้อ โควิด-19 เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มีผู้เสียชีวิตรวมมากกว่า 2,000 คน และจากการฆ่าตัวตายอีกจำนวนมาก สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้สังคมตั้งคำถามว่ารัฐบาลโดย ศบค.กำลังก่ออาชญากรรม ต่อชีวิตประชาชนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ต้องรับผิดชอบในฐานะผอ.ศบค.หรือไม่

น.ส.อรุณีกล่าวต่อว่า อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ ศึกษากรณีตัวอย่างในต่างประเทศ โดยปี 2542 ชาวฝรั่งเศสได้ฟ้องต่อศาลให้เอาผิดอดีตนายกฯ และคณะรัฐมนตรี ข้อหาฆ่าคนตายและทำให้คนบาดเจ็บจากการรับโลหิตปนเชื้อ เอชไอวีกว่า 300 คน แม้นายกฯ และพวกไม่มีเจตนา แต่เป็นเจ้าพนักงานรัฐที่ปล่อยปละละเลย ประมาทเลินเล่อ และล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่ จนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แม้ท้ายที่สุดจะมีการต่อสู้คดีจนหลุดพ้นจากข้อกล่าวหา แต่กรณีนี้ทำให้ทั่วโลกได้รู้ว่าผู้นำประเทศที่บริหารราชการผิดพลาด จนทำให้ประชาชนเดือดร้อน ก็มีสิทธิ์ถูกดำเนินคดี ไม่แตกต่างจากคดีอุกฉกรรจ์ร้ายแรงและสมควรถูกประณามจากชาวโลกเช่นกัน

อจ.มธ.ชี้ถึงเวลาเอาผิดผู้บริหาร

นายมุนินทร์ พงศาปาน คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ เฟซบุ๊ก ระบุว่า ถึงเวลาที่ศาลต้องสร้างบรรทัดฐานทางกฎหมาย ในการเอาผิดกับ ผู้บริหารสูงสุดของรัฐ บริหารจัดการสถานการณ์ ฉุกเฉินที่ผิดพลาด จนก่อให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงต่อประชาชน การเพิกเฉยไม่ทบทวน ผลลัพธ์ของการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาด ซึ่งการไม่รับฟังข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาอย่างรอบด้าน และความล่าช้าในการแก้ปัญหา ทั้งที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ สามารถดำเนินการได้ทันที โดยไม่มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผล เป็นพยานหลักฐานที่ชี้ชัดถึงการ “งดเว้น” หน้าที่ที่พึงต้องกระทำ และ “จงใจ” ที่จะให้ความเสียหายดำรงอยู่ต่อเนื่อง การกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐในขณะนี้เลยระดับของความประมาทเลินเล่อไปแล้ว

ต่อมานายมุนินทร์แสดงความคิดเห็นอีกว่า ในสถานการณ์ปกติ ต้นเหตุของความล่าช้าอาจมาจากระบบราชการที่ซับซ้อนและไม่มีประสิทธิภาพ แต่ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่นักการเมืองรวบอำนาจตามกฎหมายแบบเบ็ดเสร็จเพื่อแก้ปัญหา ความล่าช้าและความล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาวัคซีน จัดสรรวัคซีน การจัดการกับผู้ป่วย และการเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบ ไม่อาจโทษใครได้เลย นอกจากความไร้ประสิทธิภาพและขาดความรับผิดชอบของผู้ใช้อำนาจนั้น

ยกเคสฟ้องนายกฯ-รมต.ฝรั่งเศส

ขณะที่ น.ส.เอื้ออารีย์ อิ้งจะนิล รองคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แชร์โพสต์ของนายมุนินทร์ พร้อมแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า ในฝรั่งเศส ปี 1999 อดีตนายกฯ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงสังคม ต้องขึ้นศาลยุติธรรมแห่งสาธารณรัฐ ด้วยข้อหาฆ่าคนตายและทำให้คนบาดเจ็บโดยไม่เจตนา (homicides et blessures involontaires-คดี l’affaire du sang contamin?)

จากมาตรการตรวจสอบเชื้อเอชไอวี ในการ บริจาคโลหิตไม่ได้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจากการรับบริจาคโลหิตปนเชื้อเอชไอวี ที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบมากกว่า 1 พันคน ซึ่งคดีนี้เป็นคดีแรกในสาธารณรัฐที่ 5 ของฝรั่งเศส (1958) ที่นักการเมืองเข้าสู่กระบวนการพิจารณาความรับผิด ในทางอาญาต่อการบริหารอำนาจหน้าที่ของตน

ทั้งนี้ มีผู้เข้ามาคอมเมนต์ถามว่าฟ้อง นายกฯทางไหนได้บ้าง จงใจไม่ซื้อวัคซีน mRNA ปล่อยคนไทยตายที่บ้าน โดยน.ส.เอื้ออารีย์ ยังตอบคำถามที่ว่า ไม่ใช่แค่นายกฯ รมต. ทีมแพทย์ที่ปรึกษา ขรก.ที่เกี่ยวข้อง ต้องเอามาชำระความให้หมด พวกคุณไปถึงเจตนาทำคนตายแล้ว

อัดรัฐบาลทำไทยแชมป์ผู้ติดเชื้อ

น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง รองเลขาธิการพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า ความผิดพลาดในการบริหารจัดการโรคระบาดของรัฐบาลที่เห็นแก่อำนาจ ส่งผลให้ไทยมียอด ผู้ติดเชื้อรายวันเป็นอันดับหนึ่งของโลกในวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ต้องปรบมือรัวๆ ให้กับวิธีการบริหารยอดแย่ของรัฐบาลนี้ นอกจากไร้ความสามารถในการบริหารแล้ว เวลาที่ประเทศไทยเสียไปกว่า 7 ปี ความสูญเสียทางเศรษฐกิจ เสียโอกาสของประเทศ ทำให้ประชาชน เห็นความจริงว่ารัฐบาลนี้ดูแคลนประชาชน มองประชาชนผู้จ่ายภาษีคือ คนละระดับกับพวกรัฐบาล กฎหมายทุกอย่างที่บังคับใช้กับประชาชน รัฐบาลและครม.ไม่ปฏิบัติตาม เช่น กรณีครม.ไปภูเก็ตทั้งคณะ ไม่มีใครใส่หน้ากากอนามัยที่มีกฎหมายบังคับให้ประชาชน ทุกคนสวมใส่ แต่ครม.หัวเราะร่วนโดยไม่มีหน้ากากอนามัย หรือกำลังหัวเราะเยาะประชาชน ที่กำลังร้องไห้ด้วยความทุกข์ยากแสนสาหัส จากภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์โรคระบาด ที่ไม่มีที่รับรักษา

เต้ลั่น‘แม้ว’กลับไทยคุมแก้ปัญหา

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ส่วนตัว โดยระบุว่า “ถึงเวลาแล้ว พี่โทนี่ (นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ) ต้องกลับประเทศไทยมาคุมทีมช่วยแก้ปัญหาให้ประชาชนไทย ก่อนบ้านเมืองเราจะเสียหายจนย่อยยับจนกู่ไม่กลับเพราะคนบริหารไม่เป็น ผมพร้อมเป็นลูกมือพี่โทนี่ทุกหน้าที่”

พปชร.ยกเครื่องวินัย-จริยธรรม

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าฝ่ายกฎหมายพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยถึงการร่างระเบียบว่าด้วยการรักษาวินัยตามประมวลจริยธรรมของสมาชิก พปชร. พ.ศ.2564 หลังร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค มอบให้ปรับปรุงจัดทำร่างใหม่เพื่อให้พปชร.เป็นระบบมากขึ้นว่า ใกล้เสร็จแล้ว โดยวันที่ 6 ก.ค.จะเสนอต่อหัวหน้าพรรคก่อน จากนั้นจะนำเข้าที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค สาระสำคัญเป็นเรื่องวินัยและจริยธรรมที่สมาชิก พรรคต้องปฏิบัติ อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ ทำแล้วมีการร้องเรียนมา จะต้องตรวจสอบโดยคณะกรรมการรักษาวินัยตามประมวลจริยธรรม ซึ่งตั้งขึ้นหลังร่างนี้ประกาศใช้

ขณะที่ถ้าฝ่าฝืนระเบียบนี้ จะมีบทลงโทษ 3 ระดับ ได้แก่ ว่ากล่าวตักเตือน ตัดสิทธิ์ต่างๆ รวมทั้งอาจถูกตัดสิทธิ์ไม่ส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง และ ขับออกจากสมาชิกพรรคกรณีฝ่าฝืนระเบียบพรรคขั้นร้ายแรง ซึ่งจะทำให้พรรค มีระเบียบวินัยมากขึ้นให้สมาชิกพรรคอยู่ด้วยกันเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีความ ขัดแย้งกัน

คนละครึ่ง2วันยอดใช้2พันล้าน

เมื่อวันที่ 3 ก.ค. นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และโฆษกประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) กล่าวว่า หลังจากที่มีการเปิดใช้โครงการคนละครึ่งไปแล้ว 2 วัน บรรยากาศการใช้สิทธิโครงการต่างๆ เริ่มคึกคักมากขึ้น โดยเฉพาะในต่างจังหวัด มีประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอยตามสิทธิที่ได้รับในแต่ละโครงการ ขณะที่พ่อค่าแม่ค้าต่างบอกว่า ช่วยกระตุ้นให้ขายของได้มากขึ้นอีกด้วย

นายธนกรกล่าวต่อว่า ระหว่างวันที่ 1-2 ก.ค. 64 มีผู้มาใช้สิทธิซื้อสินค้าและบริการต่างๆ แล้ว รวมกว่า 14 ล้านราย และมียอดใช้จ่ายกว่า 3.6 พันล้านบาท โดยแต่ละโครงการมีการใช้จ่ายแล้ว ดังนี้ 1.โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 มีผู้ใช้สิทธิแล้ว จำนวน 7.6 ล้านราย โดยมียอดการใช้จ่ายรวม 2,230 ล้านบาท

2.โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 7,867 ราย โดยเป็นยอดการใช้จ่ายรวม 25 ล้านบาท 3.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 6.6 ล้านราย มียอดการใช้จ่ายรวม 1,308 ล้านบาท

และ 4.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ มีผู้ใช้สิทธิจำนวนกว่า 1.9 แสนราย มียอดการใช้จ่ายรวม 37 ล้านบาท ทั้งนี้ การใช้สิทธิซื้อสินค้าและบริการระหว่างประชาชนผู้ใช้สิทธิและร้านค้าจะต้องเป็นการจ่ายเงินแบบ face-to-face หรือแบบพบหน้าเท่านั้น และต้องไม่มีกระบวนการใดๆ รองรับการซื้อขายที่ดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์ หรือผ่านคนกลาง ไม่ว่าด้วยวิธีการใดที่เป็นการหลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมแบบพบหน้าดังกล่าว เช่น การนำ QR Code ไปคัดลอกส่งต่อแก่บุคคลอื่นเพื่อสแกนจ่ายเงิน เป็นต้น ขอให้ทั้งร้านค้าและประชาชนระมัดระวังการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ซึ่งประชาชนสามารถใช้จ่ายได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน