ท่าทีและความเห็นต่อเงินอุดหนุนพรรคก้าวไกลผ่านระบบ “ภาษี” ได้กลายเป็นประเด็น

ไม่เพียงเพราะจำนวนที่นำหน้ามาเป็นอันดับ 1 จากเมื่อปี 2563 อย่างต่อเนื่อง หากแต่ยังเป็นการทะยานด้วย “ตัวเลข” ที่มิอาจมองข้าม

จากเมื่อปี 2563 ได้ 12 ล้าน เป็น 27 ล้าน ในปี 2564

ที่สำคัญเป็นอย่างมากยังครอง “จำนวนเงิน” ที่เหนือกว่าทั้งพรรคเก่าแก่อย่างพรรคประชาธิปัตย์ หรือแม้กระทั่งพรรคพลังประชารัฐ

คำถามก็คือ “จำนวนเงิน” สะท้อนนัยยะอะไร

หากมองจากประชากร 60 กว่าล้านคนทั่วประเทศ นี่ก็เสมอเป็นเพียงจำนวน “หมื่น”

ทั้งยังเป็นจำนวน “หมื่น” อันเป็นตัวแทนของคนที่อยู่ในระบบภาษี ซึ่งเด่นชัดอย่างยิ่งว่าเป็นคนชั้นกลาง พำนักอาศัยอยู่ในเมือง

มิได้เป็นตัวแทน “เกษตรกร” และ “ผู้ใช้แรงงาน”

ตรงนี้ย่อมสอดรับกับความสำเร็จของพรรคอนาคตใหม่ในการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ที่รุกเข้าไปยึดครองใจของคนในเมืองใหญ่

แต่ยังห่างไกลจากคนที่อยู่ใน “ชนบท” อันกว้างไพศาล

จำนวนเงินเหล่านี้หากดำรงอยู่โดดๆ ก็แทบไม่มีความหมาย ที่สำคัญคือการเปรียบ

เหมือนกับจำนวน 80 ที่พรรคอนาคตได้มาเมื่อเดือนมีนาคม 2562 จะตกเป็นรองก็เพียงพรรคเพื่อไทยและพรรคพลังประชารัฐ

แต่เหนือกว่า พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย

ปริมาณเงินที่เพิ่มจาก 12 ล้านในปี 2563 เป็น 27 ล้านในปี 2564 และเป็น 30 ล้านในปี 2565 รวมถึง 47 ล้านในปี 2566

จึงมีผลในทาง “ใจ” จึงมีผลในทาง “ความคิด”

ปมอยู่ที่พรรคก้าวไกลจะ “สามารถ” ในการแปรเรื่องของใจให้เป็นรูปธรรมอย่างไร

นี่เป็นคำถามที่ไม่เพียงแต่พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา จะเฝ้ามอง

หากภายในพรรคก้าวไกลก็ต้องการคำตอบ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน