อิ๊งเผยหลังเยี่ยมยืนยันไม่ย้ายรพ.

‘อุ๊งอิ๊ง’ เปิดใจหลังเข้าเยี่ยมอาการป่วยของ ‘ทักษิณ’ ที่ ร.พ.ตำรวจ เผยพ่อยังมีอาการอ่อนเพลียและรู้สึกเครียด เป็นห่วงอาการโรคหัวใจ ส่วนเรื่องปอดเป็นเพราะผลต่อเนื่องจากติดโควิดรุ่นอู่ฮั่นต้องนอนร.พ.นานเป็นเดือน ยืนยัน ไม่ขอย้ายไปร.พ.เอกชนตามกระแสข่าว ส่วนจะพักรักษาตัวอยู่นานแค่ไหนนั้นขอให้เป็นดุลพินิจของคณะแพทย์ ระบุเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษจะดำเนินการตอนไหนขอให้เป็นการตัดสินใจของพ่อด้วยตัวเอง ด้านรองปลัดยุติธรรมแจงขั้นตอนเยี่ยม ญาติส่งชื่อเพิ่มได้และลงทะเบียนจองคิวล่วงหน้า แต่ ห้ามนำมือถือเข้าไปในห้องผู้ป่วย

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 29 ส.ค. ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เมื่อ วันที่ 28-29 ส.ค. ที่โรงพยาบาลตำรวจว่า ตอนนี้คุณพ่ออ่อนเพลีย เห็นได้ตั้งแต่วันที่เดินทางมาเมืองไทย ไม่ได้สดชื่นเหมือนเดิม ส่วนตัวก็เข้าใจเพราะเป็น 17 ปีที่ไม่ได้อยู่เมืองไทย และคงจะเครียดพอสมควร โดยวันที่ 22 ส.ค. วันที่เดินทางกลับมาถึงประเทศไทย ครอบครัวเห็นว่าท่านเครียด และในคืนวันเดียวกันครอบครัวก็ทราบพร้อมสื่อว่าคุณพ่อถูกส่งไปที่ร.พ.ตำรวจ และวันนี้ที่ตนไปเจอ ก็เห็นว่าท่านยังมีอาการอ่อนเพลีย

เมื่อถามว่าครอบครัวเป็นห่วงอะไรบ้าง น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ปี 2020 คุณพ่อเป็นโควิดตั้งแต่รุ่นอู่ฮั่น มีอาการหนักมาก เข้าห้องไอซียูนอนโรงพยาบาลไป 9 วัน รวมเวลาอยู่โรงพยาบาลไป 1 เดือน เมื่อออกมาน้ำหนักหายไป 10 กิโลกรัม ตอนนี้ก็ยังมีจุดอยู่ที่ปอด ซึ่งคุณพ่อพยายามออกกำลังกาย เพื่อให้ฟื้นตัว ถือว่ากลับมาได้เยอะแล้ว แต่สำหรับคนอายุ 74 ปีบวกกับความเครียด แต่โดยรวมคุณพ่อดีใจที่ได้เจอกับตน แต่ยอมรับว่ามีความเครียดและเหนื่อย ซึ่งคุณพ่อก็ยังเครียด ส่วนตัวมองว่าท่านมีความเปลี่ยนแปลง ตอนที่อยู่เมืองนอกสามารถไปไหนได้ แต่ใครก็ตามหากต้องเปลี่ยนที่อยู่ ต่อให้ไม่ใช่ราชทัณฑ์หรือโรงพยา บาล การเปลี่ยนแปลงทำให้มีความรู้สึก และตนขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงคุณพ่อ ตอนนี้ ทีมแพทย์มีความสามารถตรวจสอบประวัติทางการแพทย์ต่างๆ ว่าเป็นอะไรมาบ้าง

เมื่อถามถึงความชัดเจนเกี่ยวกับการยื่น ขอพระราชทานอภัยโทษทางครอบครัวจะดำเนินการอย่างไร น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเราให้เป็นดุลพินิจของคุณพ่อจะจัดทำเมื่อไหร่ ก็ให้คุณพ่อเป็นคนจัดการ

เมื่อถามว่าอาการนายทักษิณจำเป็นต้องย้ายตัวออกมาที่โรงพยาบาลเอกชนตามที่มีกระแสข่าวหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ไม่มี เพราะที่ร.พ.ตำรวจมีคุณหมอเก่งๆ เยอะมาก และเราไม่ได้ขอย้ายไปที่โรงพยาบาลเอกชนแต่อย่างใด เมื่อถามว่าทางแพทย์ได้ประเมินหรือไม่ว่าต้องใช้เวลารักษาตัวนานเท่าใด น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ตนได้สอบถามกับทางแพทย์ แต่ยังไม่มีความชัดเจน เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

เมื่อถามว่ากระบวนการดังกล่าวสามารถ เริ่มต้นได้ตั้งแต่วันที่กลับมาเมืองไทย ติดขัดอะไรทำไมถึงยังไม่ดำเนินการ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ไม่มีอะไรติดขัด แต่เรื่องของการ ร่างขอพระราชทานอภัยโทษเป็นเรื่องของ คุณพ่อที่จะเลือกเวลา และทำรายละเอียดต่างๆ ตามกระบวนการ คุณพ่อทำคนเดียว ตน ไม่ทราบรายละเอียด

เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรกรณีที่สังคมไม่เชื่อว่านายทักษิณป่วยจริง และมีอภิสิทธิ์ในการเข้ารับการรักษาตัว น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ตนไม่ได้รู้สึกเสียใจหรือไม่เสียใจ แต่ตนเป็นห่วงคุณพ่อรวมถึงคนที่เป็นห่วงท่าน เมื่อถามถึงสภาพห้องพักของนายทักษิณเป็นอย่างไรบ้าง น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ห้องนายทักษิณอยู่ฝั่งที่มองไปเห็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นห้องปกติ ส่วนที่มีข่าวว่าเครื่องปรับอากาศเสีย ตอนนี้ซ่อมแล้ว








Advertisement

เมื่อถามว่าจากการพูดคุยกับนายทักษิณเป็นห่วงเรื่องอะไรพิเศษหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ส่วนตัวเป็นห่วงเรื่องหัวใจ ส่วนเรื่องปอดเป็นเรื่องเดิมที่เป็นอยู่ หากเป็นอะไรจะไม่รวดเร็วเท่าเรื่องหัวใจ ส่วนตัวจึงเป็นห่วงเรื่องหัวใจมากที่สุด แต่รายละเอียดทางการแพทย์ อยากให้ถามทางการแพทย์

“ส่วนที่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ที่ร.พ. ตำรวจ ฝากขอโทษสื่อมวลชนมา ณ ที่นี้ด้วย เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นทางลาดที่มีรถ วีลแชร์เข็นเข้าออก รวมทั้งทางเข้าออก ร.พ. ก็มีผู้ป่วยและญาติเดินทางเข้าออกอยู่ตลอดเวลา จึงไม่อยากไปรบกวนสถานที่และทำให้คนอื่นไม่ได้รับความสะดวกในการใช้บริการที่โรงพยาบาล” น.ส.แพทองธารกล่าว

เยี่ยมพ่อ – น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร บิดา ในการเข้าเยี่ยมวันที่สองที่ ร.พ.ตำรวจ โดยระบุว่าบิดายังมีอาการอ่อนเพลีย และห่วงกังวลเรื่องของหัวใจ เมื่อวันที่ 29 ส.ค

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการขอพระราชทานอภัยโทษของนายทักษิณ โดยนายวิษณุกล่าวยืนยันว่าสามารถทำได้ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม แต่ส่วนตัวไม่รู้ว่ามีการดำเนินการส่งมาที่กระทรวงยุติธรรมแล้วหรือยัง แต่ปกติแล้วเรื่องจะส่งมาที่ตน แต่ตอนนี้ยังไม่เห็น

วันเดียวกัน นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการเยี่ยมนายทักษิณหลังจากนี้ จะเป็นขั้นตอนปกติที่ญาติหรือครอบครัวตามที่มีการระบุไว้ 10 รายชื่อ จะทยอยเข้าเยี่ยมกันตามลำดับการจอง ถือเป็นสิทธิ์ของญาติของผู้ต้องขัง ส่วนถ้าหากบุคคลใดประสงค์จะเข้าเยี่ยมเพิ่มเติมอีกครั้ง จะต้องดำเนินการลงทะเบียนจองล่วงหน้ากับเรือนจำ/กรมราชทัณฑ์ โดยจะต้องระบุวันที่และลงเวลาสำหรับการเข้าเยี่ยมในครั้งถัดไป เพื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบว่าวันที่เวลาดังกล่าวไปตรงกับของบุคคลอื่นหรือไม่

นายสหการณ์ยังกล่าวต่อว่า ขณะนี้นายทักษิณยังอยู่ภายใต้ระเบียบการควบคุมตัวของกรมราชทัณฑ์ ส่วนเวลาการเข้าเยี่ยมนั้น ราชทัณฑ์จะยึดตามเวลาการเปิดทำการของโรงพยาบาลตำรวจ และให้สอดคล้องไปกับระเบียบของกรมราชทัณฑ์มากที่สุด คือ ตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น. และการเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังป่วยจะอยู่ภายใต้การกำกับรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์โดยตรง ห้ามผู้ได้รับการอนุญาตเข้าเยี่ยมนำเครื่องมือสื่อสารหรืออุปกรณ์โทรศัพท์มือถือเข้าไปภายในห้อง ผู้ป่วยเด็ดขาด เพื่อป้องกันการบันทึกภาพ และเสียง และต้องสวมหน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัด

รองปลัดกระทรวงยุติธรรมกล่าวต่อว่าสำหรับการเข้าเยี่ยมว่าในการเข้าเยี่ยม 1 ครั้งภายในห้อง 1401 ญาติและครอบครัวสามารถเข้าไปภายในห้องได้กี่คน มีการจำกัดจำนวนคนต่อการเข้าเยี่ยม หรือจำกัดเวลาเยี่ยมอย่างไรบ้างนั้น เป็นข้อมูลรายละเอียดในส่วน รับผิดชอบของผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพราะค่อนข้างเป็นรายละเอียดเชิงลึกตนจึงระบุไม่ได้ เกรงว่าข้อมูลอาจมีความ คลาดเคลื่อน

เมื่อถามถึงความคืบหน้าล่าสุด เรื่องการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษของนายทักษิณและครอบครัวนั้น นายสหการณ์กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานการสอบถามเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แต่ถ้ามีความประสงค์จะยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ ทางครอบครัวโดยสายเลือดหรือ ผู้ต้องขังเองจะติดต่อยังเรือนจำ ส่วนเอกสารที่จะต้องใช้ประกอบการยื่นฎีกา ยกตัวอย่างเช่น เอกสารคำพิพากษาของศาลเกี่ยวกับรายคดีของเจ้าตัว เอกสารรายงานคุณงามความดี ข้อมูลประวัติการรักษาอาการเจ็บป่วย และหลักฐานอื่นๆ ส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องขัง รวมถึง ผู้ต้องขังที่ประสงค์ยื่นขอทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา จะต้องมีการกรอกข้อมูลตามแบบคำร้องบังคับของทางเรือนจำ จะมีรูปแบบตัวคำร้องนี้อยู่ อีกทั้งจะต้องเขียนพรรณนาถึงสาเหตุการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาในครั้งนี้ให้ครบถ้วน

นายสหการณ์ยังกล่าวว่า การยื่นขอพระราชทานอภัยโทษของผู้ต้องขัง หากรายใดดำเนินการเรื่องเอกสารเสร็จสิ้นก่อนก็ยื่นให้กับเจ้าพนักงานเรือนจำได้ทันที เนื่องจากกรมราชทัณฑ์ไม่ได้กำหนดถึงการยื่นฎีกาว่าจะต้องมีรวบรวมรายละเอียด/เอกสารของผู้ต้องขังเป็นกลุ่มแต่อย่างใด แต่ว่าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ต้องดำเนินการต่อเนื่องเป็นไปตามขั้นตอนปกติ ส่วนเรื่องของผลฎีกาภายหลังมีการยื่นทูลเกล้าฯ จะเป็นในส่วนของพระราชอำนาจที่จะทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยแจ้งมายังเรือนจำ/ราชทัณฑ์ ถ้าผลปรากฏว่ายกฎีกา ตามขั้นตอนของกฎหมายก็ได้มีการกำหนดไว้ว่าจะต้องรออีก 2 ปี เพื่อดำเนินการยื่นขอทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาใหม่อีกครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน