ศาลอนุมัติแล้ว‘หมายจับ’ใหม่ไม่มีอายุความปปช.โต้ดองคดี

ชี้ ‘อิทธิพล’ อาจต้องหนีตลอดชีวิต หลังศาลอาญา คดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ออกหมายจับ ฉบับใหม่ ทำให้คดีนี้ไม่มีอายุความอีกแล้ว แต่ไม่ตัดสิทธิผู้ต้องหาสู้ประเด็นนี้ในชั้นศาล หลังรองโฆษกอัยการเผยอธิบดีสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 ส่งหนังสือด่วนถึงเลขาธิการป.ป.ช.ระบุพ.ร.ป.ปราบปรามทุจริต และประพฤติมิชอบ พ.ศ.2561 ไม่ให้นับอายุความ ต้องแจ้งให้ศาลทราบเเละระบุหมายเหตุไว้ ด้าน ‘นิวัติไชย’ เผยหมายจับฉบับใหม่ไม่มีอายุความ ถ้าจะหนีก็ต้องหนีตลอดชีวิต ยืนยันไม่ได้ดองคดีจนใกล้หมดอายุความ เร่งรัดดำเนินคดีมาตลอด

เมื่อวันที่ 7 ก.ย. นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่านายคำนึง วงษ์ทวีทรัพย์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 ได้มีหนังสือด่วนที่สุดเมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา เรื่อง ขอให้ดำเนินการออกหมายจับใหม่ ถึง เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ความว่าสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 ได้มีหนังสือขอให้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 เพื่อขอออกหมายจับนายอิทธิพล คุณปลื้ม, นายพิเชษฐ์ อุทัยวัฒนานนท์, นายวิทยา ศิรินทร์วรชัย, นายญัติพงค์ อินทรัตน์ และ นายเอกพงษ์ บุญชาย ผู้ต้องหาที่ 1-4,6

เนื่องจากผู้ต้องหาที่ 1, 2, 3, 4, 6 มีพฤติการณ์ หลบหนี ไม่ไปรายงานตัวต่อพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 เมื่อวันที่ 4 ก.ย. เวลา 10.00 น. และตามหนังสือที่อ้างถึงเลขาธิการป.ป.ช.ได้แจ้งผลการดำเนินการขอออกหมายจับผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าวข้างต้นต่อพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 โดยแจ้งว่าศาลออกหมายจับผู้ต้องหาที่ 1, 2, 3 และมีคำสั่ง ยกคำร้องขอออกหมายจับผู้ต้องหาที่ 4,6 นั้น

กรณีศาลออกหมายจับผู้ต้องหาที่ 1-3 นั้น พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ภาค 2 พิจารณาแล้วเห็นว่า ตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการป้องกันและปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 7 บัญญัติไว้ว่า “…ถ้าผู้ถูกกล่าวหา หรือจำเลยหลบหนีไปในระหว่างถูกดำเนินคดี หรือระหว่างการพิจารณาของศาล มิให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ…” ประกอบมาตรา 13 แห่ง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 และตามหนังสือที่อ้างถึง (1) พนักงานอัยการได้แจ้งให้ท่านดำเนินการขอออกหมายจับผู้ถูกกล่าวหา โดยขอให้ท่านขอให้ศาลระบุหมายเหตุไว้ในหมายจับด้วยว่าผู้ถูกกล่าวหาได้หลบหนีไปเมื่อวันที่เท่าใด ตามสำเนาตัวอย่างหมายจับที่พนักงานอัยการแนบไปพร้อมกับหนังสือที่อ้างถึง (1) แต่ปรากฏว่า ตามสำเนาหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ที่ จ. 23-25/2566, ลงวันที่ 5 ก.ย.2566 นั้น ศาลไม่ได้ระบุหมายเหตุดังกล่าวไว้แต่อย่างใด

ดังนั้น เพื่อมิให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ภาค 2 จึงขอให้ท่านดำเนินการขอออกหมายจับนายอิทธิพล คุณปลื้ม, นายพิเชษฐ์ อุทัยวัฒนานนท์ และนายวิทยา ศิรินทร์วรชัย ผู้ต้องหาที่ 1-3 ต่อศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบภาค 2 ใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยขอให้ท่านขอให้ศาลระบุหมายเหตุไว้ในหมายจับด้วยว่าผู้ถูกกล่าวหาได้หลบหนีไปเมื่อวันที่เท่าใด

สำหรับกรณีนายญัติพงค์ อินทรัตน์ และนายเอกพงษ์ บุญชาย ผู้ต้องหาที่ 5-6 ที่ศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอออกหมายจับนั้น เนื่องจากคดีนี้จะครบกำหนดอายุความฟ้องร้องในวันที่ 8 ก.ย.66 ดังนั้น จึงขอให้มีหนังสือแจ้งนายญัติพงค์และนายเอกพงษ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4,6 ให้มารายงานตัวต่อพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 โดยให้พนักงาน ไต่สวนผู้ประสานงาน (นายอภิรัฐ คงเจริญ) นำตัวผู้ถูกกล่าวหาที่ 4,6 ไปส่ง และยืนยันตัวผู้ถูกกล่าวหาต่อพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 ในวันที่ 7 ก.ย. 2566 เวลา 10.00 น. เพื่อดำเนินการยื่นฟ้อง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4, 6 ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 พร้อมทั้งให้ผู้ต้องหา ที่ 4, 6 เตรียมหลักประกันเพื่อยื่นคำร้อง ขอปล่อยตัวชั่วคราว ในชั้นศาลด้วย

นายโกศลวัฒน์กล่าวต่อว่า เนื่องจากมีการถกเถียงกันเรื่องปัญหาอายุความสะดุดหยุดลงหรือไม่หากมีการหลบหนี เพราะคดีนี้เกิดก่อนกฎหมายปราบปรามการทุจริตแก้ไข อัยการจึงเห็นว่าอำนาจในการออกหมายจับเป็นของศาล จึงควรดำเนินการให้ชัดเจนเสนอให้ศาลเพื่อโปรดพิจารณา จะได้เป็นแนวทางให้ ผู้ปฏิบัติ ทำหน้าที่กันได้อย่างถูกต้อง








Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับข้อหาในคดีนี้ นายอิทธิพล อดีตรมว.วัฒนธรรม ถูกป.ป.ช. ชี้มูลกระทำความผิดส่งอัยการฟ้อง เมื่อครั้ง ดำรงตำเเหน่งนายกเมืองพัทยา ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯ ตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 157 กรณีพิจารณาออกใบอนุญาต ก่อสร้างอาคาร ลงวันที่ 10 กันยายน 2551 ให้แก่บริษัท บาลี ฮาย จำกัด เพื่อก่อสร้างอาคารโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ฯ บริเวณ เชิงเขาพระตำหนัก เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

คดีนี้ ป.ป.ช.ส่งเรื่องให้อัยการเมื่อวันที่ 3 ส.ค.66 เเละอัยการสูงสุด มีความเห็นสั่งฟ้องเมื่อวันที่ 30 ส.ค.66 ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นอัยการไม่ถึง 1 เดือน

วันเดียวกัน ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ได้ออกหมายจับ นายอิทธิพล และพวก โดยมีรายงานว่าหมายจับ ที่ออกดังกล่าวมีหมายเหตุเกี่ยวกับเรื่องอายุความ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 7 บัญญัติไว้ว่า “…ถ้าผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีไป ในระหว่างถูกดำเนินคดี หรือระหว่างการพิจารณาของศาล มิให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ…” ประกอบมาตรา 13 แห่ง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 ซึ่งการออกหมายจับดังกล่าวเป็นการ ตีความของศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 2 เเต่ความเห็นดังกล่าวยังไม่ใช่ที่สิ้นสุดในประเด็น เรื่องการนับอายุความ ซึ่งในขั้นตอนต่อไป อาจมีการต่อสู้คดี เเละคัดค้านไปถึงชั้นอุทธรณ์ เเละฎีกาได้อยู่ หมายจับนี้จึงเป็นความเห็นของศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 2 ซึ่งเป็นศาลชั้นต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าที่เมื่อวันที่ 6 ก.ย. นายคำนึง วงษ์ทวีทรัพย์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 ได้มีหนังสือด่วนที่สุดเรื่อง ขอให้ดำเนินการออกหมายจับใหม่ ถึงเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเมื่อศาลออกหมายจับที่ไม่มีระบุอายุความนี้เเล้วหากเจอผู้ต้องหาก็สามารถจับกุมตัวได้ โดยไม่มีอายุความ ซึ่งหากผู้ต้องหาประสงค์สู้คดีก็สามารถกระทำได้ในชั้นศาล

ด้านนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ(ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีข้อวิจารณ์ การทำงานป.ป.ช.ที่ดองคดีนายอิทธิพล กรณีออกใบอนุญาตแก่บริษัท บาลี ฮายจำกัด ก่อสร้าง อาคารโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ฯ ที่เชิงเขา พระตำหนัก เมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยมิชอบ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเมืองพัทยา เป็นเหตุให้นายอิทธิพลหลบหนีคดี ทำให้คดีอาจหมดอายุความในวันที่ 10 ก.ย.นี้ ว่า ยืนยันว่า ป.ป.ช.ไม่ได้ดองคดีดังกล่าว คดีนี้แม้จะมีการกระทำความผิดเกิดขึ้นปี 2551 แต่ป.ป.ช. ได้รับเรื่องมาตรวจสอบเมื่อปี 2558 มีการรวบรวมหลักฐานต่างๆ จนตั้งคณะอนุกรรมการ ไต่สวนปี 2563

นายนิวัติไชยกล่าวว่า แต่คดีนี้มีพยานเกี่ยวข้องที่ต้องสอบจำนวนมาก ป.ป.ช.ก็เร่งรัด คดีมาตลอด มีความคืบหน้าตลอดเวลา ในที่สุด เมื่อมีการชี้มูลความผิด ก็มีการส่งสำนวนคดีให้อัยการสูงสุดเมื่อวันที่ 3 ส.ค.2566 เราเร่งทำคดีเต็มที่ ไม่มีการดองคดี ส่วนที่นายอิทธิพล หลบหนีคดีไปต่างประเทศนั้น ป.ป.ช.เอง ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวเฝ้าประกบนายอิทธิพล มาตลอด แต่ที่นายอิทธิพลหลบหนีไปได้ คงเพราะรู้แกวว่า อัยการจะสั่งฟ้องนายอิทธิพล ในวันที่ 30 ส.ค.66 ทำให้รีบหลบหนีไป ต่างประเทศ

นายนิวัติไชยกล่าวว่า หลังจากที่ฝั่งอัยการทำหนังสือแนะนำมายังป.ป.ช.ให้ยื่นคำร้อง ต่อศาลเพื่อออกหมายจับนายอิทธิพลใหม่นั้น ป.ป.ช.จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริต ภาค 2 เพื่อขอออกหมายจับนายอิทธิพลรอบใหม่ โดยมีการระบุไปว่า ผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์หลบหนีคดี เพื่อให้เข้าข่ายกฎหมายใหม่ป.ป.ช.ว่า หากผู้ถูกกล่าวหาหลบหนีคดี ให้ถือว่าอายุความคดีสะดุดหยุดลง จนกว่าจะจับกุมตัว ผู้ถูกกล่าวหาได้ ล่าสุดศาลได้อนุมัติหมายจับใหม่ให้แล้ว ทำให้ตอนนี้ไม่มีเรื่องอายุความ 15 ปี ที่จะหมดลงในวันที่ 10 ก.ย.นี้เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้คดีนายอิทธิพลในขณะนี้ไม่มีอายุความแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน