ตุ๋นเหยื่อลงทุนสูญ10ล.ทั้งร้าน‘ทำเล็บ-ตัดผม’แล้วหนีกินหรูอยู่กทม.
จับ‘ใบเฟิร์น’เน็ตไอดอลชื่อดัง ตุ๋นลงทุนร้านทำเล็บ-ตัดผม หนีมากินหรูอยู่สบายละแวกทองหล่อ สืบนครบาลตามรวบคาห้าง ขณะเลือกซื้อชุดว่ายน้ำ เผยมีเหยื่อกว่า 40 ราย หลงเชื่อโอนร่วมหุ้นเสียหายกว่า 10 ล้าน เข้าแจ้งดำเนินคดีจนมีหมายจับ 2 หมาย ด้านเน็ตไอดอลอ้างไม่ได้หนี กำลังพยายามซื้อของมาขาย หวังมีเงินไปทยอยคืน
จากกรณี ‘ใบเฟิร์น’ เน็ตไอดอลชื่อดัง “กินหรูอยู่สบายละแวกทองหล่อ” ทั้งที่หนีหมายจับฉ้อโกง ในคดีหลอกลงทุน “ร้านตัดผมและร้านทำเล็บ” โดยมีเหยื่อหลงเชื่อร่วมลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ราย ความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
วันที่ 9 พ.ย. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., ร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบนครบาล, ตำรวจ PCT5 และชุดสืบสวนสภ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ กับพวก ร่วมจับกุมน.ส.มณฑิรา อินทร์สุวรรณ หรือ ‘ใบเฟิร์น’ อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ 2 หมายจับ
ทั้งหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ที่ จ.997/2566 ลงวันที่ 5 ต.ค. 66 ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความ เสียหายแก่ประชาชน” (สภ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่) และหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ที่ จ.1073/2566 ลงวันที่ 26 ต.ค. 66 ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความ เสียหายแก่ประชาชน” (สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่) ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” เมื่อ วันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา
คดีนี้ตำรวจชุด PCT5 และชุดสืบนครบาล ติดตามไล่ล่า โดยพบเน็ตไอดอลรายนี้เป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตาดีและยังเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ออกรายการทีวีต่างๆ ถ่ายแบบ เป็นอินฟลูเอนเซอร์ โปรไฟล์ IG ของเธอจึงมีผู้ติดตามกว่า 120,000 คน และในเฟซบุ๊กยังโพสต์ภาพคู่รถหรูและดาราผู้มีชื่อเสียงอีกหลายๆ คน สร้างความน่าเชื่อถือ กระทั่ง ต้นปี 2566 ได้เริ่มเชิญชวนให้ร่วมลงทุนเป็นหุ้นส่วนการทำร้านตัดผมและทำเล็บ โดยเสนอเป็นแพ็กเกจต่างๆ ยอดปันผลขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ลงทุน เมื่อเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินไปร่วมลงทุน กลับไม่ค่อยตอบข้อความ อ้างว่างานเยอะ ส่วนสัญญาที่พิมพ์มาให้เซ็นก็ผิดๆ ถูกๆ หลายครั้ง เมื่อถึงกำหนดจ่ายเงินปันผลก็จะบ่ายเบี่ยงไม่จ่ายเงิน จนถึงช่วงปลายเดือนมิ.ย. 66 ได้อ้างกับเหยื่อว่า บริษัทถูกยักยอกเงิน ทำให้ไม่มีเงินมาคืนให้กับผู้ร่วมลงทุน และหนีหายไป บรรดาเหยื่อที่ร่วมลงทุนได้ทยอยเข้าแจ้งความ กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับ 2 หมายจับ ล่าสุดเหยื่อได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่าเจ้าตัวได้หลบหนีมากบดาลในพื้นที่กรุงเทพฯ
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ในฐานะหัวหน้าชุด PCT5 ส่งเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัว โดยมีเพียงเบาะแสว่าเธอ “กินหรูอยู่สบายละแวกทองหล่อ” ชุดสืบสวนตระเวนตรวจสอบแต่ยังคงไร้ร่องรอย กระทั่งได้เบาะแสจากสายลับว่าเธอควงหนุ่มอยู่ตามห้างดังในพื้นที่ กรุงเทพฯ จึงตระเวนกระจายกำลังตามห้างดังทั่วกรุงเทพฯ กว่า 5 วัน กระทั่งวันที่ 8 พ.ย. 66 ชุดสืบสวนที่แฝงตัวอยู่ตามห้างได้พบตัวขณะกำลังเดินหาซื้อ ชุดว่ายน้ำกับหนุ่มชาวต่างชาติ จึงเข้าแสดงตัวและจับกุมตัวเธอได้ โดยจับกุมตัวได้ที่ห้างยูเนียนมอลล์ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
จากการสอบสวนใบเฟิร์น รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยภาคเหนือ เปิดร้านทำเล็บอยู่ จ.เชียงใหม่ ล่าสุดเข้ากรุงเทพฯ มาได้เป็นเวลา 3 สัปดาห์แล้วแต่ไม่ได้เป็นการหลบหนี ในทางคดีตนเองเปิดร้านทำผมและเล็บอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ เห็นว่ามีรายได้ดี จึงได้มาร่วมลงทุนร่วมกัน ร้านกู๊ดคัด โดยร่วมลงทุนรายละ 50,000-1,000,000 บาท และเปิดรับลงทุนร่วมรับจำนำของ จากนั้นนำไปขาย เพื่อนำเงินมาแบ่งกัน แต่ช่วงหลังกำไรน้อยมาก และซื้อสินค้ามาขายไม่ค่อยได้ ทำให้ไม่ได้จ่ายดอกเบี้ยให้กับผู้ร่วมลงทุน ส่วนร้านทำผมเนื่องจากหาช่างไม่ได้ และลูกค้าน้อย ทำให้ไม่มีเงินจ่ายให้กับผู้ร่วมลงทุน ขณะนี้พยายามหาซื้อของแบบซื้อมาขายไป หวังว่าถ้ามีเงินก็จะนำไปทยอยคืนให้กับผู้เสียหาย หลังจับกุมตัวได้นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดชกล่าวว่า ไม่ปักใจเชื่อใน คำให้การของผู้ต้องหา และจะขยายผลการจับกุมโดยละเอียด ซึ่งจากข้อมูลที่ได้วิธีการที่ ผู้ต้องหารายนี้ใช้หลอกลวง นั้นเริ่มจากการสร้างโปรไฟล์ให้มีความน่าเชื่อถือ ถ่ายภาพคู่ รถหรู หรือดาราผู้มีชื่อเสียงคนอื่นๆ จากนั้นการหลอกลวงจึงทำได้ไม่ยากนัก จึงขอเตือนไปยังพี่น้องประชาชนยุคใหม่ว่า การร่วมลงทุนในโลกออนไลน์นั้นมีความเสี่ยง เพราะในปัจจุบันเหล่ามิจฉาชีพจะแฝงตัวอยู่ในโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก การตรวจสอบความน่าเชื่อถือจากโปรไฟล์ในโลกออนไลน์นั้น ยังไม่เพียงพอ จะต้องศึกษาหรือปรึกษาผู้มีความรู้ทางด้านการลงทุนให้ดีก่อน เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อ
“และขอเตือนไปยังเหล่ามิจฉาชีพทางออนไลน์ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการระดมปราบปรามผู้กระทำผิดทางออนไลน์อยู่ตลอด ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ฉะนั้นผู้ที่ยังทำหรือคิดจะทำขอเตือนว่า มันไม่คุ้มได้คุ้มเสีย เมื่อได้ลงมือก่อเหตุแล้วและมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้วยังไงก็ต้องถูกจับกุม เพียงแต่จะช้าหรือเร็วแค่นั้นเอง” พล.ต.ต.ธีรเดชกล่าว