‘ติ๊กต็อก’เข้าพบนายกฯเชิญชวนเปิดศูนย์ในไทยขยายแก้หนี้สินรวมของตร.ด้วยถกใหญ่30พย.

‘เศรษฐา’ปลื้มผู้บริหารติ๊กต็อกขอเข้าพบพูดคุย เตรียมดึงร่วมโปรโมตอาหารไทย-ซอฟต์เพาเวอร์ ขณะเดียวกันก็นัดดินเนอร์กับประธานาธิบดีสหรัฐ‘โจ ไบเดน’ และรัฐมนตรีหญิงกระทรวงพาณิชย์ อีกทั้งยังได้หารือทวิภาคีกับนายกฯ แคนาดา ‘จัสติน ทรูโด’ รวมถึงนายกฯ ออสเตรเลียด้วย ‘กิตติรัตน์’ นัดถกคณะกรรมการแก้หนี้สินทั้งระบบปลายเดือนนี้ ขยายถึงข้าราชการตำรวจด้วย ด้าน สส.สาวร้อยเอ็ดเผยคนอีสานเฝ้ารอเงินดิจิทัล วอลเล็ต หวังต่อยอดอาชีพ อยากให้รัฐบาลทำสำเร็จ คลังแจงเปิดบัญชีร่วมเกิน 5 แสนยังได้สิทธิ์คนซื้อสลากออมสิน-ธ.ก.ส.-ธอส. เฮไม่นับรวมด้วย เผยยังไม่ได้ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้าน

เศรษฐาปาฐกถาเอเปคซัมมิต

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 15 พ.ย. (ตามเวลานครซานฟรานซิสโก ช้ากว่ากรุงเทพฯ 15 ชั่วโมง) ที่ Summit Hall ศูนย์การประชุมมอสโคนี ฝั่งตะวันตก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวปาฐกถาในการประชุมสุดยอดผู้นำภาคเอกชนของเอเปค (APEC CEO Summit 2023) ในห้วงสัปดาห์การประชุมผู้นําเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC Economic Leaders’ Week: AELW) ประจําปี 2566

นายเศรษฐากล่าวว่า ประเทศไทยพร้อมร่วมมือทางธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยบรรยากาศทางการเมืองที่มีเสถียรภาพ รัฐบาลกำลังผลักดันอย่างเต็มที่ผ่านนโยบายทางเศรษฐกิจ ที่จะบังคับใช้อย่างจริงจัง โดยให้ความสำคัญกับการขยาย การเติบโต กระตุ้นความสามารถในการแข่งขัน และยกระดับตำแหน่งของประเทศในฐานะจุดหมายปลายทางที่โดดเด่นสำหรับการค้าและการลงทุน การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยและดึงดูดการลงทุน ส่งเสริมนวัตกรรมและความเป็นผู้ประกอบการ และต้องส่งเสริมความร่วมมือเพื่อการเติบโตและการพัฒนาที่ยั่งยืนด้วย จึงถึงเวลาที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย และไทยพร้อมจะทำงานร่วมกับพันธมิตร ทุกรายจากทั่วโลก เพื่อพบปะและพูดคุยกับผู้นำธุรกิจ APEC ที่โดดเด่นจากทั่วภูมิภาค ถือเป็นผู้ขับเคลื่อนที่สำคัญทางเศรษฐกิจ

ฮ.ไร้คนขับ – นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ทดลองนั่งเฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับ ระหว่างเยี่ยมชมบูธโบอิ้ง บริษัทเครื่องบินยักษ์ใหญ่ ภายในงานซีอีโอซัมมิต ที่ศูนย์ประชุมมอสโคนีเซ็นเตอร์ ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ตามเวลาท้องถิ่น

ประเทศไทยเน้น 3 ด้านสำคัญ

นายเศรษฐากล่าวว่า ขอเน้นย้ำ 3 ด้านสำคัญ 1. ด้านความยั่งยืน ไทยมีเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG (Bangkok Goals on BCG Economy) ที่ผู้นำเอเปค ทุกคนนำมาใช้เมื่อปี 2565 ถือเป็นแนวทางที่จำเป็นและยินดีที่มีบทบาทนำต่อเอกสารสำคัญฉบับนี้ ในปีนี้สหรัฐอเมริกา ในฐานะเจ้าภาพเอเปคได้สานต่อทำให้การบรรลุ เป้าหมายกรุงเทพฯ ประสบความสำเร็จและมีความสำคัญสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดตัว BCG Pledge โดย ABAC ที่กระตุ้นให้ ทุกบริษัทต้องลงนามและมีส่วนร่วม และยินดีที่ได้ทราบว่า NCAPEC (National Center for APEC) ได้จัดการประชุม Sustainable Future Forum ขึ้นเป็นครั้งแรก และหวังว่าจะมีความก้าวหน้าที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต








Advertisement

ไทยมุ่งมั่นจะต่อยอดด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวและการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น เพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ.2050 และการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2065 ส่งเสริมด้านการเงินสีเขียวผ่านการออกพันธบัตรเพื่อความยั่งยืน สนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เป้าหมายคือการสร้างห่วงโซ่อุปทานของ EV ที่ครอบคลุม ซึ่งรวมถึงยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท ปรับปรุงระบบนิเวศเพื่ออำนวยความสะดวกให้ธุรกิจดังกล่าว เช่น การให้สิทธิพิเศษการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ การสร้างศูนย์ทดสอบแบตเตอรี่ หลักสูตรการพัฒนาแรงงาน และการขยายโครงสร้างพื้นฐานสถานีชาร์จ เป็นต้น

ชูเมกะโปรเจ็กต์แลนด์บริดจ์

ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม การเกิดขึ้นของเทคโนโลยี เช่น generative AI, Blockchain และ Internet of Things (IoT) กำลังเปลี่ยนภูมิทัศน์ทางธุรกิจ กระบวนการผลิต และชีวิตประจำวัน ประเทศไทยรัฐบาลกำลังวางแผนที่จะใช้เทคโนโลยี Blockchain เพื่อดำเนินโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล ไม่เพียงแต่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ แต่ยังจะยกระดับการรับรู้และทักษะด้านดิจิทัลอีกด้วย โดยในระยะยาว รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลดิจิทัล

ด้านการค้าและการลงทุน เอเปคมีบทบาทสำคัญในการขยายการค้าและการลงทุนภายในภูมิภาค เขตการค้าเสรีเอเชีย- แปซิฟิก (FTAAP) ยังคงเป็นปณิธานที่สำคัญ และจะทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย รวมทั้งการเร่งสถาปัตยกรรมการค้าทวิภาคีและภูมิภาค อื่นๆ เพื่อสร้างพันธมิตรใหม่ ไทยจะยกระดับ FTA เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายใหม่ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น เพื่อเสริมสร้างการเชื่อมโยงระหว่างเศรษฐกิจร่วมกัน

ไทยให้ความสำคัญกับการปรับปรุงการเชื่อมต่อทางกายภาพและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการพัฒนาสนามบินหลายแห่งทั่วทั้งเขตเศรษฐกิจ และกำลังดำเนินโครงการขนาดใหญ่พัฒนาสะพานข้ามทะเลเพื่อเชื่อมต่อทะเลอันดามันกับอ่าวไทย (Landbridge) ให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าและโลจิสติกส์ระดับภูมิภาคภายในทศวรรษนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพบปะกับคู่ค้าทางธุรกิจระหว่างการเยือนต่างประเทศ จะนำทีมผู้นำธุรกิจจากไทยสร้างเครือข่ายและการจับคู่ธุรกิจเพิ่มเติมที่นครซานฟรานซิสโก ยินดีที่จะทำงานร่วมกัน ถึงเวลาแล้วที่จะลงทุนในประเทศไทยให้มากขึ้น ไทยพร้อมก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและจะขยายความร่วมมือร่วมกันต่อไป

จากนั้น นายกฯ เยี่ยมชมบูธของ Microsoft และ Boeing ที่จัดแสดงภายศูนย์ประชุม มอสโคนีเซ็นเตอร์

ทวิภาคีญี่ปุ่น – นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ หารือทวิภาคีกับนายคิชิดะ ฟูมิโอะ นายกฯ ญี่ปุ่น เน้นย้ำความสัมพันธ์ยาวนาน 50 ปี และพูดคุยเรื่องเปิดฟรีวีซ่าสำหรับ นักธุรกิจของ 2 ประเทศ ที่โรงแรมนิกโก นครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา

กิตติรัตน์เปิดแผนแก้หนี้กยศ.

วันเดียวกัน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย เปิดเผยว่า ภายหลังคณะกรรมการเห็นชอบแนวทางแก้ปัญหาหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ในวันที่ 30 พ.ย. จะหารือถึงแนวทางและ รายละเอียดการแก้หนี้สินประชาชน ในกลุ่มหนี้สินข้าราชการตำรวจและข้าราชการครู หลังจากการประชุมคณะกรรมการแก้ไขหนี้สินประชาชนรายย่อย เมื่อวันที่ 14 พ.ย.2566

รายงานข่าวจากคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย เผยสถานะผู้กู้ยืมเงินกองทุน กยศ. ณ วันที่ 30 ก.ย.2566 มีจำนวน 6,739,085 ราย ชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้ว 1,830,978 ราย วงเงินกู้ 146,222 ล้านบาท หรือ 27% ของเงินให้กู้ยืมทั้งหมด อยู่ในช่วงปลอดหนี้ 1,299,490 ราย วงเงินกู้ 134,964 ล้านบาท หรือ 19% ของเงินให้กู้ยืมทั้งหมด อยู่ระหว่างการชำระหนี้ 3,537,022 ราย วงเงินกู้ 456,413 ล้านบาท หรือ 53% ของเงินให้กู้ยืมทั้งหมด และ ผู้กู้เสียชีวิต/ทุพพลภาพ 71,595 ราย วงเงินกู้ 6,382 ล้านบาท หรือ 1% ของเงินให้กู้ยืมทั้งหมด

นายกิตติรัตน์กล่าวต่อว่าหลังมีการหารือถึงมาตรการแก้หนี้ กยศ.โดยการบังคับใช้กฎหมายที่มีผลตั้งแต่ 20 มี.ค. 2566 เป็นต้นไป กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไม่เกิน 1% ต่อปี กรณีผิดนัดชำระลดอัตราเบี้ยปรับเหลือไม่เกิน 0.5% จากเดิม 18% ต่อปี และไม่ต้องมีผู้ค้ำประกันในทุกกรณี ดังนั้นผู้กู้ส่วนใหญ่จะมียอดหนี้ลดลง หลายคนจะหมดหนี้ทันทีในกรณีที่ชำระหนี้มากกว่ายอดหนี้ตามกฎหมาย กยศ. จะคำนวณหนี้ใหม่ตามกฎหมายใหม่และอัตราดอกเบี้ยใหม่ จะทำให้คนกลุ่มนี้สามารถได้รับเงินคืนในส่วนที่จ่ายเกิน

ชะลอฟ้องร้อง-บังคับคดี-ขาย

นอกจากนี้ กยศ.ยังมีแผนการผ่อนชำระหนี้ที่อยู่ในวิสัยที่ลูกหนี้จะจ่ายชำระคืนได้ ซึ่งดีกับลูกหนี้ทุกกลุ่มและลูกหนี้ที่กลายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) โดยจะไม่มีการบีบบังคับให้ลูกหนี้หาเงินกู้มาปิดยอดหนี้ อาทิ หากมีหนี้ 1 แสนบาท จะสามารถผ่อนชำระต่อเดือนประมาณ 700 บาท และหากลูกหนี้ไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ได้อาจต้องเข้าข่ายโดนฟ้อง ลูกหนี้เพียงชำระเข้ามาเป็นยอด 1 บาทก็จะทำให้กยศ.ไม่ต้องฟ้อง กรณีใกล้หมดอายุความ

ดังนั้น ผู้กู้เงินที่รู้สึกว่าแบกรับค่างวดมากเกินไปสามารถขอลดค่างวดได้ และหากยังถูกบังคับให้หาเงินก้อนมาใช้หนี้ สามารถร้องเรียนได้ที่กระทรวงการคลัง ซึ่งปัจจุบันกองทุน กยศ.ชะลอการฟ้อง บังคับคดี และขายทอดตลาดเว้นแต่คดีจะขาดอายุความ ส่วนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการปรับโครงสร้างหนี้ จะมีการเปิดให้เข้าทำสัญญาที่ กยศ.ตั้งแต่ 2 ม.ค.2567 เวลา 08.30-20.00 น. ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ วันที่ 15 พ.ย.2566 สามารถ ลงทะเบียนนัดหมายก่อนคำสัญญาที่ WWW.Studentloan.or.th

อนุทินย้ำภท.หนุนแจก 1 หมื่น

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวกรณี นายกฯ แสดงความกังวลว่าโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท อาจจะสะดุด เพราะมีหลายหน่วยงานเข้าไปตรวจสอบ อาจจะทำให้ถึงทางตันว่า ยังไม่ได้ยิน ยังเห็นความพยายาม เพราะทุกพรรคที่เข้ามามีนโยบายอะไรก็ต้องพยายามอย่างเต็มที่ ต้องทำให้นโยบายเกิดขึ้น หากจะไปไม่ได้ก็มีอยู่อย่างเดียวคือผิดกฎหมาย ผิดระเบียบและ ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ หากพ้นเงื่อนไขเหล่านี้ไปคนที่ผลักดันนโยบายต้องพยายาม ทำให้ได้

เมื่อถามว่าพรรคภูมิใจไทยจะเห็นชอบนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต โดยดูข้อกฎหมายเป็นเรื่องสำคัญใช่หรือไม่ นายอนุทินยอมรับว่าใช่ เพราะเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล หากทุกอย่างมีความถูกต้องตามกฎหมายเราก็ต้องสนับสนุนนโยบายซึ่งกันและกัน เพราะมิเช่นนั้นนโยบายจะไม่สามารถออกได้

เมื่อถามว่านักวิชาการออกมาท้วงติงว่า หากพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทไม่ผ่าน นายกฯ ต้องรับผิดชอบอย่างใดอย่างหนึ่งใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ยังไม่ถึงจุดนั้น ทุกอย่างมีกลไก มีขั้นตอนของมันอยู่แล้ว เท่าที่ดูมานายกรัฐมนตรีก็ทำงานอย่างเต็มที่

ทุกอย่างคือนโยบายพรรคร่วม

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยพยายามผลักดันนโยบายหลายอย่าง พรรคภูมิใจไทยจะมีนโยบายเด่นอะไรออกมาหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่าเราก็ผลักดันทุกเรื่อง พร้อมกล่าวว่า “เป็นพรรคร่วมรัฐบาลเราไม่แข่งกันหรอก อยู่ในรัฐบาลแข่งกันเองแข่งทำไม อย่าลืมนโยบายของรัฐบาล หลังจากนายกฯ แถลงนโยบายต่อรัฐสภา นั่นคือนโยบายของรัฐบาลที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามไม่ใช่พรรคใดพรรคหนึ่ง เมื่อไหร่ที่ไปคิดว่าของพรรคใดพรรคหนึ่ง และมีอีกพรรคหนึ่งไม่สนับสนุน เพื่อประโยชน์ทางการเมืองมันก็พัง ในรัฐบาลที่แล้วก็เห็นแล้วมีพรรคที่พังไปเพราะขัดแข้งขัดขากัน ไม่มีประโยชน์ใดๆ เลย สิ่งที่สำคัญสุดพี่น้องประชาชนก็ไม่ได้อะไรเลย จากความไม่สนับสนุนไม่สามัคคี ไม่ร่วมงานกัน ดังนั้นต้องทำงานด้วยกันชอบไม่ชอบอีกเรื่องหนึ่ง อะไรที่อยู่ในนโยบายรัฐบาลถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน“

เมื่อถามว่าแสดงว่ามีความมั่นใจใช่ หรือไม่ หากพรรคภูมิใจไทยผลักดันนโยบายใดก็จะได้รับการสนับสนุนที่ราบรื่น นายอนุทินกล่าวว่า ถ้าอยู่ในนโยบายของรัฐบาลก็ต้องผ่าน ถ้าไม่ผ่านก็ต้องมีคำอธิบายที่ดีมากๆ เช่น ผิดกฎหมาย

เผยชาวร้อยเอ็ดเฝ้ารอเงินดิจิทัล

น.ส.ชญาภา สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลว่า เป็นนโยบายที่รัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจจากระดับฐานราก ให้เม็ดเงินกระจายไปในระดับชุมชน ซึ่งเงินจำนวน 10,000 บาท สำหรับชาวบ้านมันคือโอกาส คือความหวังที่จะลืมตาอ้าปากได้และต่อยอดการลงทุนประกอบอาชีพ นโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ตไม่ใช่การสงเคราะห์ประชาชน ผู้ยากไร้ แต่เป็นการเติมเงินลงไปในระบบเศรษฐกิจผ่านสิทธิการใช้จ่าย เพื่อให้ประชาชนเป็นกลไกสำคัญในการช่วยกันขับเคลื่อน และกระตุ้นเศรษฐกิจร่วมกับรัฐบาลในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ

น.ส.ชญาภากล่าวว่า หลังจากที่พรรค เพื่อไทยในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ได้ประกาศจะดำเนินนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล ซึ่งเป็นนโยบายระยะสั้นที่จำเป็น เพื่อเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาตลอดหลายปีที่ผ่านมา และยังเป็นหนึ่งในหลายนโยบายที่พี่น้องประชาชนต่างเฝ้ารอด้วยความหวัง ประชาชนหลายคนคิดวางแผนเอาไว้แล้วว่าจะนำเงินไปใช้ทำอะไร จากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนใน จ.ร้อยเอ็ด เขต 8 ทั้ง 5 อำเภอ 29 ตำบล 331 หมู่บ้าน ต่างก็ถามถึงนโยบายเงินดิจิทัล และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากได้เงินดิจิทัลเพื่อนำไปต่อยอดอาชีพและลงทุนต่อ เช่น ซื้อปุ๋ย ซื้อเมล็ดพันธุ์ อุปกรณ์การเกษตร หรือในครอบครัวที่มีสมาชิกหลายคน ก็มีการวางแผนรวบรวมกัน เพื่อต่อยอดในธุรกิจเล็กๆ เช่น ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านค้าต่างๆ

“ชาวบ้านบางคนเล่าให้ฟังว่ามีอาชีพขับรถรับจ้าง แต่รถพัง ไม่มีเงินซ่อมรถ เพราะต้องจ่ายค่าซ่อมหลักหมื่น เลยจำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้ ใช้การไม่ได้ ทำให้ขาดรายได้หลักในการจุนเจือครอบครัว เพราะเงินหมื่นไม่ได้หากันได้ง่ายๆ ในยุคนี้ดังนั้น ถ้าได้เงินดิจิทัลมาก็จะสามารถแก้ปัญหา และต่อยอดอาชีพของพี่น้องประชาชนได้ จึงสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนรอคอยและต่างคาดหวังกับนโยบายเงินดิจิทัล หลังจากต้องทนความยากลำบากจากสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอยมาหลายปี” น.ส.ชญาภากล่าว

‘นิกร’เล็งชงแก้พ.ร.บ.ประชามติ

ด้านนายนิกร จำนง ประธานคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 กล่าวกรณีการริเริ่มแก้ไข พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564 หลังพรรคก้าวไกลแสดงความเห็นสนับสนุน ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงความเห็นของอนุกรรมการที่รับฟังความเห็นจากภาคส่วนต่างๆ วันที่ 24 พ.ย.นี้ ต้องนำเสนอคณะกรรมการชุดใหญ่ ที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ เป็นประธานอีกครั้ง ต้องฟังและพิจารณาอีกครั้งว่าจะมีความเห็นอย่างไร

นายนิกรกล่าวว่า สำหรับการเสนอแก้พ.ร.บ.ประชามตินั้น ในชั้นนิติบัญญัติ พรรคการเมืองสามารถเสนอให้สภาพิจารณาได้ ไม่จำเป็นที่รัฐบาลต้องนำเสนอเอง

เมื่อถามว่า หากการแก้พ.ร.บ.ประชามติเกิดขึ้นจะยืดเวลาแก้รัฐธรรมนูญตามไทม์ไลน์ของรัฐบาลหรือไม่ นายนิกรกล่าวว่า การแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติเป็นการแก้ไขเพียงประเด็นเดียว คือ มาตรา 13 ว่าด้วยหลักเกณฑ์ที่จะเป็นเงื่อนไขของการผ่านประชามติ คือ ต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิออกเสียง เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ และเสียงเห็นชอบต้องเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ จึงเชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นาน แต่จะไม่ถึงขั้นต้องใช้การพิจารณา 3 วาระรวด เนื่องจากขณะนี้มีประเด็นพิจารณาที่อยากให้แก้ไข คือ แก้ไขให้ใช้เกณฑ์เสียงข้างมากของเสียงที่เห็นชอบหรือมีเงื่อนไข เช่น 25% ของผู้ลงคะแนนเป็นต้น ดังนั้นต้องใช้เวลาพิจารณาให้รอบคอบ

จัดการขยะ – พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.ทรัพยากรฯ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เป็นประธานพิธีลงนามเอ็มโอยูแก้ปัญหาขยะอาหาร มุ่งเป้าลดก๊าซเรือนกระจก ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 16 พ.ย.

’พัชรวาท’ยัน’ประวิตร’ยังแข็งแรง

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงท่าทีของพรรคในการสนับสนุนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลว่า ตนยังไม่รู้เหมือนกัน แล้วแต่หัวหน้าพรรค

เมื่อถามถึงกรณี ถูกมองว่าเป็นคนไม่ ค่อยพูดเนื่องจากไม่ค่อยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน พล.ต.อ.พัชรวาท ยิ้มพร้อมกล่าวว่า “เป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว เป็นประเภทมองตารู้ใจ”

เมื่อถามว่าสถานการณ์ในพรรคพลังประชารัฐเป็นอย่างไรและพร้อมรับไม้ต่อจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค หรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาทระบุว่า “ท่านยัง แข็งแรง ไม่ได้ฝากฝังอะไรเพราะท่านดูแลอยู่แล้ว ท่านจะไม่ได้ลาออกตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ เพราะท่านยังแข็งแรง และยังเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐต่อ ไม่ลาออกจากทางการเมืองหรอก แกชอบ”

เผยซิตี้หนุนแลนด์บริดจ์ทุกมิติ

เมื่อเวลา 16.30 น. ที่โรงแรมเดอะริทซ์ คาร์ลตัน นายเศรษฐากล่าวว่า วันเดียวกันนี้ได้พบกับผู้บริหารบริษัท Citi พูดคุยประเด็นแลนด์บริดจ์ที่อยากให้ Citi จัดสัมมนาและเชิญไทยไปพูดคุยจะได้เชิญชวนนักธุรกิจในส่วนที่เกี่ยวข้องพูดคุย รวมถึงจัดโรดโชว์ในทุกทวีป ซึ่ง Citi ยืนยันสนับสนุนไทยใน ทุกมิติ

นายเศรษฐากล่าวว่า ส่วนการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค CEO Summit ได้ใช้เวทีนี้เน้นย้ำว่าไทยเปิดแล้วสำหรับนักลงทุน ไม่มีเวลาไหนที่ดีไปกว่าเวลานี้ที่จะเข้ามาลงทุนในไทย ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 43 ของ SDG Index เราเป็นที่หนึ่งในอาเซียน ขณะที่การพบกับผู้บริหารไมโครซอฟท์ โดยไตรมาสที่ 1 ปี 2567 จะเดินทางไปไทย รัฐบาลจึงขอเป็น เจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำ พร้อมเชิญภาคเอกชนเข้าไปพูดคุยลักษณะการจับคู่ทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มช่องทางการพัฒนาดิจิทัลในไทยให้เข้มแข็งขึ้น

สำหรับบรรยากาศการพบปะกับผู้บริหารระดับสูงในงาน CEO Summit ถือเป็นโอกาสที่ดีของไทย ภายในงานมีการออกบูธของบริษัทชั้นนำเช่น บริษัท โบอิ้ง นำเฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับ ขนส่งคนได้ ซึ่งคาดว่าจะนำมาขายเชิงพาณิชย์ได้ประมาณ 7-8 ปีข้างหน้า เดินทางได้ 160 ไมล์ ขณะที่ผู้ประกอบการไทยก็ได้มาบอกบูธเช่นกัน

หารือทรูโด-ดินเนอร์ไบเดน

นายเศรษฐากล่าวว่า สำหรับภารกิจใน วันที่ 16 พ.ย. ตามเวลานครซานฟรานซิสโก จะพบกับนายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา คนที่ใส่ถุงเท้าสวยๆ หล่อด้วย เคยมาไทย จึงต้องไปรับฟังความเห็นก่อน รวมทั้งพบหารือกับนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เกี่ยวกับการค้าและการท่องเที่ยว และหารือกับประธานาธิบดีเปรู รวมถึงรับประทานอาหารค่ำร่วมกับ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่จะหารือในหลายประเด็น รวมไปถึงการพบกับนางกีนา ไรมอนโด รมว.พาณิชย์สหรัฐ เป็นสุภาพสตรีที่เก่งและเข้าใจธุรกิจการค้าการลงทุนเป็นอย่างดี

เผยผู้บริหารติ๊กต็อกขอพบ

ส่วนการพบกับผู้บริหาร TikTok นายเศรษฐากล่าวว่า ทางผู้บริหารเดินทางมาพบเอง ซึ่งไม่แปลกใจเพราะในประเทศไทยมีผู้ใช้งาน 43 ล้านคน ถือว่าสูงมาก เพราะทุกคนนิยมลงใน TikTok จึงต้องมาดูว่าจะทำอย่างไรที่เราจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำให้เขาได้ประกอบธุรกิจที่ดี ขณะเดียวกันก็ช่วยเหลือประชาชนคนไทยด้วยเหมือนกัน เช่น เรื่องของโอท็อป โดยตนบอกไปว่าประเทศไทยไม่ได้มีแค่เชียงใหม่ ภูเก็ต หรือ กรุงเทพฯ แต่มีหลายจังหวัด และมีความต้องการการโปรโมตบริการ รวมถึงซอฟต์เพาเวอร์สินค้าไทย เรื่องคืออาหาร เนื่องจากหลายคนได้ใช้แพลตฟอร์ม TikTok ลงคลิปทำอาหาร ที่เป็นคลิปสั้นๆ สนุกสนาน ทำให้มีคนเข้ามาดูจำนวนมาก และขณะนี้เราได้ฝึกอบรมให้กับเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการคัดเลือกและให้ทาง TikTok เข้ามาช่วยฝึกหัด รวมถึงซอฟต์เพาเวอร์ด้านอื่นของไทย โดยขอให้มาสร้างศูนย์ฝึกอบรมในไทยเพื่อคำแนะนำในการเล่นโซเชี่ยลมีเดียที่มีประสิทธิภาพสูง ขณะที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้เสนอสิทธิประโยชน์ด้านภาษีเพื่อจูงใจ ซึ่งทาง TikTok ให้ความสนใจ

นายเศรษฐากล่าวถึงการหารือกับผู้บริหารบริษัท Booking.com ว่า ตั้งแต่เราประกาศวีซ่าฟรีนักท่องเที่ยวจีน มีคนเข้ามาดูเว็บไซต์เพิ่มขึ้นถึง 7 เท่า แต่ยังไม่ดีพอ มองว่าสามารถทำให้เพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ได้มากกว่านั้น ทั้งนี้บริษัทBooking.com ก็เป็นเจ้าของ Agoda และมีพนักงานหลายพันคนเป็นคนไทย และอีกหลายส่วนเป็นชาวต่างชาติ ขณะเดียวกันเรามีการโปรโมตเรื่องการท่องเที่ยวและซอฟต์เพาเวอร์ โดยผู้บริหารบริษัท Booking.com ระบุว่าจะติดต่อไปยังผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อหาทางในการปรับภาพใหญ่ให้เกิดประโยชน์ทั้งสองทาง และเขาก็ดีใจที่ผู้นำระดับประเทศให้ความสำคัญ

แจงดิจิทัลตรงตามที่หาเสียง

นายเศรษฐากล่าวถึงการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลที่นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ไม่ตรงกับที่หาเสียงเอาไว้ ว่า หากยึดมั่นกับสิ่งที่พูดไปโดยไม่ฟังความคิดเห็นจะโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง จึงพยายามทำให้ดีที่สุดแต่ต้องปรับปรุงแต่งเติมบ้างตามข้อคิดเห็น หรือข้อเสนอแนะของทุกภาคส่วน และ ไม่สามารถทำให้ทุกคนพอใจได้ พยายามรับฟังอยู่ วันนี้ก็รับฟัง อะไรที่ไม่ก้าวร้าว ก็พร้อมจะรับฟัง

เมื่อถามว่า ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่าการดำเนินการโครงการไม่ตรงกับที่หาเสียงเอาไว้ เป็นเพียงเทคนิคในการหาเสียง เช่น บอกว่าจะไม่กู้เงินแต่รัฐบาลก็กู้ นายเศรษฐากล่าวว่า ทุกสิ่งที่พูดไปพยายามทำให้ได้อย่างที่พูด แต่ต้องปรับปรุงแต่งเติมกันบ้าง ไม่อยากไปตอบโต้ คำพูดที่ว่าจะทำแล้วไม่ทำ อย่าเอาความคิดของท่านมาให้ตนเลย ต่างคนต่างคิดต่างคนต่างทำมีหน้าที่ก็ทำไป เป็นหน้าที่ของท่านที่ท่านจะพูด ส่วนหน้าที่ของตนมีหน้าที่ที่จะทำ

เมื่อถามถึงกรอบระยะเวลาการดำเนินโครงการยังเหมือนเดิมหรือไม่ หรือต้องรอความชัดเจนจากคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน นายกฯ กล่าวว่า เข้าใจว่าตอนที่เราดูเรื่องไทม์ไลน์ไปแล้ว ดูเรื่องกฤษฎีกาแล้วว่าเราก็มีเวลาให้กฤษฎีกา ซึ่งไม่ต้องการไปกดดันว่าจะมีการประชุมเมื่อไรอย่างไร ยืนยันว่ายังคงอยู่ในไทม์ไลน์และตั้งใจจะดำเนินการโครงการนี้จริงๆ ไม่ใช่หาทางออกและการที่หลายคนบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่อยากให้ทุกฝ่ายตรวจสอบได้ รัฐบาลจึงดำเนินการให้มี พ.ร.บ. ให้สภาตรวจสอบได้ ต้องให้เกียรติทุกภาคส่วน ไม่มีอะไรที่ทำแล้วทุกคนพอใจแต่ต้องพยายามทำเพื่อประชาชน วันนี้เรื่องของการหาเสียงจบไปแล้ว ถึงเวลายกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน และจะพยายามทำให้ดีที่สุด

พีระพันธุ์ยันหนุนเป๋าดิจิทัล

ที่ทำเนียบรัฐบบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติกู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่อง ดังกล่าว ยังไม่เห็นร่าง พ.ร.บ.กู้เงินแต่อย่างใด เมื่อถามว่าได้ติดตามการเดินหน้าโครงการเงินดิจิทัล หรือไม่ นายพีระพันธุ์ตอบว่า ไม่ต้องติดตามมีข่าวทุกวันอยู่แล้ว เราก็คอยดู ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลต้องทำตามนโยบายรัฐบาล แต่ต้องดูแลไม่ให้เกิดปัญหาหรือผล กระทบที่สังคมเป็นห่วง ซึ่งเชื่อว่านายกฯ เองก็ดูเรื่องเหล่านี้อยู่

เมื่อถามว่า มองว่าวิธีการออกเป็น พ.ร.บ. กู้เงินเช่นนี้ถูกต้องตามช่องทางกฎหมายหรือไม่ นายพีระพันธุ์ ตอบว่า จะถูกต้องหรือไม่ต้องดูกฎหมายอื่นเกี่ยวข้องด้วยเช่นเรื่องวินัยการเงินการคลังซึ่งมีเจ้าหน้าที่ดูอยู่ ซึ่งการจะออกกฎหมายอะไร คณะกรรมการกฤษฎีกาจะดูให้รอบคอบ เมื่อถามอีกคิดว่าเรื่องนี้จะไปถึงฝั่งหรือไม่ นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ไม่ทราบ ตอบไม่ได้เพราะไม่ได้ดูแลเรื่องนี้ หากพูดไปเดี๋ยวจะผิดพลาด

บัญชีแบงก์ร่วม-สลากยังได้สิทธิ์

ที่กระทรวงการคลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กฟล่าวว่า ในหลักการผู้ได้สิทธิ์โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่กำหนดมีรายได้ไม่เกิน 70,000 ต่อเดือน และ/หรือ มีเงินฝากทุกบัญชี ไม่เกิน 500,000 บาทนั้น ในส่วนของเงินฝากจะนับแค่บัญชีเงินฝากเท่านั้น ไม่นับสลากออมสิน สลาก ธ.ก.ส. และสลาก ธอส. หุ้น และเงินฝากในสหกรณ์ ส่วนกรณีเป็นบัญชีเงินฝากร่วมให้คำนวณโดยแบ่งเท่าๆ กัน เช่น เงินฝาก 500,000 บาท ฝากร่วม 2 คน ให้ถือว่ามีเงินฝาก 250,000 บาท เป็นต้น

ทั้งนี้ ยืนยันว่าร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทยังไม่แล้วเสร็จ ยังไม่ได้ส่งให้กฤษฎีกาตีความ ตามไทม์ไลน์แล้วหลังจากกระทรวงการคลังร่างเรียบร้อย ต้องส่งให้กฤษฎีกาตีความ หลังจากนั้นจึงส่งให้ครม.พิจารณา คาดดำเนินการได้ภายในปีนี้ หลังจากนั้นส่งรัฐสภาพิจารณา 3 วาระ แล้วส่งให้วุฒิสภาพิจารณาต่อ “ยืนยันว่าร่างกฎหมายยังไม่เสร็จจากคลัง ร่างกฎหมายยังไม่มี ยังไม่ได้ร่างเลย เพิ่งประชุมไปไม่นาน แต่ก็ไม่รู้สึกหนักใจ ไม่มีเรื่องเป็นห่วงอะไร เพียงแต่ทำทุกอย่างให้อยู่ในกรอบกฎหมายเท่านั้น”

พร้อมเข้าชี้แจงปปช.-ศาลรธน.

นายจุลพันธ์กล่าวกรณีหลายฝ่ายระบุรัฐบาลเดินหน้าออก พ.ร.บ.ครั้งนี้ เพื่อให้โครงการไปไม่ได้นั้น ยืนยันไม่มีใครคิดอย่างนั้น เป็นไปไม่ได้ ไม่มีอยู่ในหัว รัฐบาลมีหน้าที่เดินหน้าโครงการ คณะทำงานมีโจทย์ชัดเจนที่ได้รับมาจากรัฐบาลก็มีหน้าที่ทำให้สำเร็จเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่ากฎหมายอาจไม่ผ่านความเห็นชอบนั้น รมช.คลังกล่าวว่า เป็นมุมมองด้านกฎหมายที่มองกันคนละมุม รัฐบาลมีหน้าที่ทำ ผลจะออกมาเป็นอย่างไรอยากให้รอดู แต่ยังเชื่อมั่นว่ามันจะเดินไปต่อไป

“ถ้าไม่ผ่าน ก็ไม่ผ่าน แต่เรายังเชื่อว่าเราจะต้องทำให้กฎหมายผ่านให้ได้ สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลยอมรับความจริงคือ การใช้งบประมาณ โดยการอัดเม็ดเงิน 5 แสนล้านบาทเข้าไปในปีเดียวถือเป็นภาระที่สูง ทุกคนก็ต้องรู้สภาพอยู่แล้ว ส่วนการออกพ.ร.ก. ฝ่ายบริหารใช้อำนาจออกกฎหมายใช้ก่อนแล้วไปขออนุมัติ ก็จะโดนอีกว่าวิธีนี้ไม่โปร่งใส จึงออกมาเป็น พ.ร.บ. เพื่อให้ทุกฝ่ายคุยกัน สุดท้ายถ้ามีคนไปยื่นตีความ ทั้ง ป.ป.ช. หรือศาลรัฐธรรมนูญ รัฐบาลก็จะตามไปชี้แจง”

ถกแก้กม.ประชามติ-ปลดล็อก

ที่รัฐสภา มีการประชุมกมธ.การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.พรรคก้าวไกล เป็นประธาน พิจารณาแนวทางปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ 2564 ซึ่งเชิญนายกิตติพงษ์ บริบูรณ์ รองเลขาธิการกกต. เข้าชี้แจง

กมธ.ซักถาม กกต.ถึงข้อติดขัดการแก้ไข มาตรา 13 ว่าด้วยเกณฑ์ออกเสียงประชามติที่ถือว่าผ่าน คือ มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ และต้องได้เสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ์ นายพริษฐ์กล่าวว่า มาตรา 13 พ.ร.บ.ประชามติต้องใช้เสียงข้างมากถึง 2 ชั้น กังวลจะกระทบต่อการออกเสียงประชามติทุกเรื่องในอนาคต ไม่เฉพาะเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ และอาจเกิดการได้เปรียบกรณีฝ่ายไม่อยากให้เรื่องที่ออกเสียงได้รับความเห็นชอบ เพราะไม่ต้องรณรงค์ใดๆ เพียงให้ไม่ไปใช้สิทธิ์ เท่ากับเพิ่มโอกาสคว่ำประชา มติได้

การพิจารณามี 4 ทางเลือก 1.คงไว้ตามกฎหมายเดิม 2.ปรับปรุงโดยใช้เกณฑ์ 25% ผู้มีสิทธิ์ที่มาออกเสียงและเสียงเห็นชอบ 3.ตัดออกทั้งหมด และ 4.ตามข้อเสนออนุกรรมการศึกษาแนวทางทำประชามติ ให้ใช้เกณฑ์เกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ์ เสียงเห็นชอบให้ใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก

นายกิตติพงษ์ชี้แจงว่า การปรับแก้ กกต.ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ แต่ต้องคำนึงสิ่งที่จะกลายเป็นข้อโต้แย้งในอนาคตในประเด็นของฉันทามติหรือไม่ด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน