ทั้งจับแขน-ยิ้มทักทายกันนายกประชันเฉดสถุงเท้าระหว่างทวิภาคีกับ‘ทรูโด’กกต.เผย80เรื่องจ่อฟันสส.

ประธานาธิบดี‘ไบเดน’ ยิ้มทักทายจับแขน‘นายกฯ เศรษฐา’ ในเวที เอเปคที่ซานฟรานซิสโก โชว์สัมพันธ์แน่นแฟ้นสหรัฐ-ราชอาณาจักรไทย 21 ผู้นำเขตเศรษฐกิจฯ ร่วมหารือแสวงหาความร่วมมือซึ่งกันและกัน นายกฯ ไทยตามคิวเข้าถกทวิภาคีกับนายกฯ แคนาดา ทั่วโลกจับตาดูสีถุงเท้าที่สองผู้นำสวมใส่มาพูดคุย ตามด้วยทวิภาคีกับนายกฯ เครือรัฐออสเตรเลีย ยืนยันพร้อมเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนสมัยพิเศษ ฉลองครบรอบ 50 ปีสัมพันธ์อาเซียน-ออสเตรเลียในเดือนมี.ค.ปีหน้า ‘ภูมิธรรม’แจงเรื่อง‘อุ๊งอิ๊ง’ เข้าพบเหลิมเป็นการเข้าไปแนะนำตัวขอคำปรึกษาหลังได้รับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ ส่วนดิจิทัลวอลเล็ตรอเพียงกฤษฎีกาชี้ว่าออกพ.ร.บ.กู้เงินทำได้หรือไม่เท่านั้น กกต.เผยสรุปเหลือ 80 เรื่องเตรียมชี้ขาดแจกใบให้สส.

ขบวนผู้นำเข้าสู่เวทีประชุมเอเปค

เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 16 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่นนครซานฟรานซิสโก สหรัฐ ช้ากว่ากรุงเทพฯ 15 ชั่วโมง บรรยากาศก่อนประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค โดยรอบสถานที่ประชุมเป็นไปอย่างคึกคัก บรรดารถขบวนผู้นำประเทศต่างๆ วิ่งกันขวักไขว่ ขณะที่การรักษาความปลอดภัยสถานที่พักของผู้นำแต่ละประเทศเป็นไปอย่างเข้มงวด มีการปิดถนนเส้นทางผ่านของขบวนเป็นระยะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวซานฟรานซิสโก รวมถึงสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศที่มารอชมและเก็บภาพขบวนรถของเจ้าภาพจัดประชุม นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ขบวนยาวกว่า 40 คัน เดินทางออกจากโรงแรมที่พัก ผ่านถนนเพาเวลล์เพื่อเข้าร่วมประชุม ที่ศูนย์ประชุมมอสโคนีเซ็นเตอร์ มีตำรวจมายืนประจำจุดตลอดเส้นทางเพื่ออำนวยการจราจรล่วงหน้า 40 นาที ระหว่างรอขบวนผู้นำผ่าน มีการปิด-เปิดการจราจรเป็นระยะ ก่อนปิดไม่ให้รถผ่านหรือคนข้ามถนนตลอดเส้นทางในช่วงที่ขบวนผ่าน และมีเฮลิคอปเตอร์บินวนสังเกตการณ์ก่อนขบวนรถผู้นำออกเดินทาง ตลอดเส้นทางจนถึงจุดหมาย

ผู้นำเอเปค – นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยืนเคียงข้าง โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ถ่ายภาพหมู่ร่วมกับบรรดาผู้นำประเทศที่เข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 ที่นครซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 16 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น

เศรษฐาหารือทวิภาคีกับทรูโด

เวลา 10.30 น. ที่ศูนย์ประชุมมอสโคนีเซ็นเตอร์ ฝั่งทิศใต้ นายเศรษฐาพบหารือทวิภาคีกับนายจัสติน ทรูโด นายกฯ แคนาดา ผู้นำทั้งสองฝ่ายหวังเพิ่มพูนความร่วมมือในระดับทวิภาคีอย่างรอบด้านมากขึ้น และมีความกังวลต่อสถานการณ์ระหว่างประเทศ เชื่อว่าความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) เป็นกรอบความร่วมมือที่สำคัญที่จะทำให้เกิดโอกาสมากมาย








Advertisement

นายกฯ แคนาดากล่าวว่า แคนาดาพร้อมทำงานร่วมกับรัฐบาลของไทยทั้งในระดับทวิภาคี และภูมิภาค เพื่อสานต่อพลวัตความสัมพันธ์และความร่วมมือสาขาต่างๆ โดยแคนาดามียุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกที่หวังจะร่วมมือกับไทย ซึ่งถือเป็นประเทศคู่ค้ารายสำคัญของแคนาดา อย่างไรก็ดี ไทยและแคนาดายังไม่มีเขตการค้าเสรี (FTA) ระหว่างกัน ทั้งสองเห็นตรงกันว่าหากดำเนินการจะเป็นประโยชน์ต่อไทยและแคนาดามาก โดยทั้งสองฝ่ายเห็นว่าความตกลงเอฟทีเอ ระหว่างอาเซียน-แคนาดา ที่กำลังเจรจากันอยู่น่าจะเป็นโอกาสดีที่ทั้งสองฝ่ายจะได้ประโยชน์

จับเข่า‘แอลบาเนซี’ผู้นำออสซี่

จากนั้นเวลา 11.35 น. นายเศรษฐาพบหารือทวิภาคีกับนายแอนโทนี แอลบาเนซี นายกฯ เครือรัฐออสเตรเลีย โดยนายเศรษฐากล่าวยืนยันความพร้อมเข้าร่วมการประชุม สุดยอดอาเซียนสมัยพิเศษ เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-ออสเตรเลียในเดือนมี.ค.2567 โดยจะนำภาคเอกชนร่วมคณะไปด้วย ทั้งนี้ ไทยและออสเตรเลียมีความคืบหน้าเอฟทีเอ รวมถึงแลกเปลี่ยนและความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน เช่น การท่องเที่ยว ชาวออสเตรเลียนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวไทยจำนวนมาก เช่นเดียวกับชาวไทยที่นิยม ท่องเที่ยวออสเตรเลียเนื่องจากปลอดภัย ขณะที่บริษัทชั้นนำ ด้านรถยนต์ไฟฟ้า การตั้งศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ เป็นต้น ได้ย้ายฐานการผลิตมาไทยเป็นจำนวนมากและจะมาลงทุนในไทยด้วย

ด้านนายกฯ ออสเตรเลียกล่าวว่า ยินดีที่ไทยตอบรับเข้าร่วมการประชุมสุดยอดสมัยพิเศษ ออสเตรเลียมีคนไทย ทั้งภาคธุรกิจ อาหาร อาศัยอยู่จำนวนมาก และมีความร่วมมือสถาบันการศึกษาระหว่างกันอย่างดี

ไบเดนยิ้มทัก-จับแขนเศรษฐา

ผู้สื่อข่าวรายงานช่วงถ่ายภาพหมู่ผู้นำ เอเปค ผู้นำชาติต่างๆ เดินต่อแถวขึ้นเวทีเพื่อร่วมถ่ายรูปร่วมกัน ช่วงหนึ่ง นายโจ ไบเดน ได้ทักทาย และจับแขนนายเศรษฐา ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทั้งคู่

นอกจากนี้ นายเศรษฐายังโพสต์รูปเหตุการณ์ดังกล่าวในไอจี และโพสต์รูปเซลฟี่กับไบเดนผ่าน X พร้อมระบุข้อความ “วันนี้ได้มีโอกาสเซลฟี่กับท่านประธานาธิบดีอย่างเหลือเชื่อ! ดีใจที่ได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับผู้นำที่ทรงอิทธิพลเช่นนี้”

เมื่อเวลา 21.00 น.วันเดียวกันในช่วงค่ำ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการประชุมผู้นำอย่างไม่เป็นทางการในวันแรก ก่อนประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์แห่งซานฟรานซิสโก โดยมีบรรดาผู้นำประเทศต่างๆ รวมถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เข้าร่วมด้วย โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น

ดินเนอร์ – นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นั่งเคียงข้างโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในงานเลี้ยงรับรองภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปค 2023 ที่นครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา วันที่ 16 พ.ย.ตามเวลาท้องถิ่น

นายกฯส่งต่อเงินเดือนอีก 4 มูลนิธิ

วันเดียวกัน นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สืบเนื่องจากนายเศรษฐาประกาศส่งต่อเงินเดือนและเบี้ยประชุมของทุกเดือนให้มูลนิธิต่างๆ ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งนั้น สำหรับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และเบี้ยประชุมช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ได้คัดเลือกมูลนิธิเพิ่มเติมอีกจำนวน 4 แห่ง โดยมูลนิธิที่นายกฯ ส่งต่อ คือ 1.มูลนิธิคนพิการไทย จำนวน 50,000 บาท เพื่อสมทบทุนในโครงการ “เป็นแขน-ขาให้ตากะยาย” โดยผลิตวีลแชร์ เพื่อส่งเสริมกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อเด็กพิการ คนพิการ และ ผู้สูงอายุทั่วประเทศ

2.มูลนิธิอิสรชน จำนวน 50,000 บาท องค์กรพัฒนาเอกชนที่ดำเนินกิจกรรมกับผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะในประเทศไทย เพื่อดำเนินกิจกรรมช่วยเหลือ แบ่งปันอาหาร หรือมอบถุงปันสุขให้แก่คนด้อยโอกาส และผู้ยากไร้ในช่วงภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ

3.มูลนิธิสายธารสุขใจ จำนวน 50,000 บาท สมทบทุนซื้อข้าวสาร อาหารแห้ง และจัดหาสิ่งของที่จำเป็นในการดำรงชีวิตให้ผู้ชราและคนยากไร้ 4. มูลนิธิบ้านพระพร จำนวน 50,000 บาท เพื่อให้การช่วยเหลือและเป็นทุนการศึกษาให้แก่เยาวชนผู้พ้นโทษ และเด็กที่พ่อแม่อยู่ในเรือนจำ เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

นายชัยกล่าวต่อว่า นอกจากการช่วยเหลือ กลุ่มเปราะบาง นายกฯ และคณะของรัฐบาลยังลงพื้นที่เพิ่มเติมในหลายๆ พื้นที่ เช่น ยโสธร อุดรธานี ชลบุรี ระยอง เชียงใหม่ พิษณุโลก โดยเข้าไปพบปะ พูดคุยกับประชาชนและองค์กรต่างๆ รับฟังปัญหาและความต้องการ เพื่อจะหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนต่อไป

‘พริษฐ์’ชงแก้กม.ประชามติ

ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.พรรคก้าวไกล ประธาน กมธ.การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงข้อกังวลของหลายฝ่ายเกี่ยวกับเงื่อนไขในพ.ร.บ.ประชามติ ว่าทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน และภาคส่วนอื่นๆ มีข้อห่วงใยเกี่ยวกับกฎหมายประชามติที่ต้องใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น หรือ Double majority ที่บัญญัติในมาตรา 13 พ.ร.บ.ประชามติ ที่อาจไม่เป็นธรรมต่อการทำประชามติในทุกหัวข้อ

เกณฑ์ชั้นที่ 1 คือต้องมีจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ ชั้นที่ 2 คือ ต้องมีเสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ์ ซึ่งสุ่มเสี่ยง หากคนที่ไม่เห็นด้วยกับประเด็นที่ถูกถามแทนที่จะออกมาใช้สิทธิ์แต่ใช้วิธีนอนอยู่บ้านเพื่อคว่ำประชามติแทน หากบวกจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์ก็จะไม่ถึงเกณฑ์เสียงข้างมากชั้นแรกจะทำให้กฎหมายประชามติตกไป

ปรับเกณฑ์เห็นชอบเหลือ 1 ใน 4

ควรทบทวนตัวกติกานี้โดยเฉพาะชั้นแรก จึงเสนอทางเลือกในการแก้ไข 2 ประเด็นคือ ยกเลิกเกณฑ์ชั้นที่ 1 ไม่ต้องกำหนดจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่ง บางประเทศไม่มีเกณฑ์ใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น และประชามติ 2 ครั้งของไทยในการรับร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 และ 2560 ก็ไม่ได้กำหนดเกณฑ์สัดส่วนผู้ออกมาใช้สิทธิ์ ส่วนอีกหนึ่งทางคือ ให้เขียนว่าคนออกมาใช้สิทธิ์และลงคะแนนเห็นชอบเกิน 25% หรือ 1 ใน 4 ของผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด จะป้องกันยุทธศาสตร์การนอนอยู่บ้านเพื่อคว่ำประชามติได้

สำหรับกระบวนการแก้ไขกฎหมาย นายพริษฐ์กล่าวว่า เรียบง่ายตรงไปตรงมาที่สุดคือให้รัฐบาลและฝ่ายค้านร่วมกันยื่นเสนอแก้พ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 13 เมื่อสภาเปิดสมัยประชุมช่วงธ.ค.สามารถพิจารณาวาระแรกได้ทันที และเชื่อจะผ่าน 3 วาระไปได้โดยไม่กระทบต่อกรอบเวลาการจัดทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญของรัฐบาลตามไทม์ไลน์ที่รัฐบาลวางไว้ และเคาะว่าจะทำประชามติหรือไม่ช่วงต้นม.ค. 2567 เพราะเป็นการแก้ไขแค่มาตราเดียว

นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ อาจพิจารณาประเด็นอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น จะทำอย่างไรให้กฎหมายประชามติรองรับการจัดทำประชามติวันเดียวกับการเลือกตั้งอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้ง สส.หรือเลือกตั้งท้องถิ่น ถ้าแก้ไปด้วยก็จะเป็นวิธีหนึ่งทำให้เลือกวันลงประชามติได้ยืดหยุ่นมากขึ้น และอาจมีประชาชนออกมาใช้สิทธิ์มากขึ้นได้หากทำพร้อมกับการเลือกตั้ง ขอเสนอให้แก้ไขกรณีการเข้าชื่อของประชาชนเพื่อทำประชามติ 50,000 รายชื่อทางออนไลน์ได้ด้วย

‘อ๋อย’จ่อยกร่างเข้าสภาสมัยหน้า

ด้านนายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า ได้รับเชิญจากประธานคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการทำประชามติฯ ให้เป็น ผู้สังเกตการณ์การประชุม เรื่องคำถามในการทำประชามติมีเป็น 2 แบบ คือตั้งคำถามว่าจะให้ร่างใหม่โดย สสร.หรือไม่ โดยไม่ต้องมีรายละเอียดหรือเงื่อนไขใดๆ กับอีกแบบหนึ่งให้กำหนดไปว่าการร่างใหม่จะไม่แตะต้องหมวด 1 และ 2 เรื่องการทำประชามติยังมีประเด็นสำคัญอีก 3 ประเด็นคือ 1.การทำประชามติโดยรัฐบาล จะไม่มีผลทางกฎหมายรัฐธรรมนูญ ไม่ผูกพันรัฐสภา ถึงแม้ประชามติผ่านแต่ถ้ารัฐสภาไม่แก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 256 การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ก็ไม่เกิดขึ้น 2.การทำประชามติจึงจะมีผลทางการเมืองเป็นหลัก ถ้าผ่านก็เป็นแรงสนับสนุนให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ถ้าไม่ผ่านก็อาจทำให้แก้รัฐธรรมนูญยากยิ่งขึ้นไปอีก

3.ประเด็นที่ผู้ร่วมประชุมหลายคนห่วงใยอีกเรื่องคือ การที่พ.ร.บ.ประชามติกำหนดให้ใช้ดับเบิลเมเจอริตี้ หรือการกำหนดให้ผู้มาใช้สิทธิ์ต้องมากกว่ากึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ และ ผู้เห็นชอบต้องมากกว่ากึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ์ กติกานี้แตกต่างจากการทำประชามติรัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับที่เคยทำกันมา หากใช้กติกาตามพ.ร.บ.ประชามติจะทำให้ผ่านได้ยากมาก และเมื่อไม่ผ่านก็จะกลายเป็นข้อสรุปว่าประชาชนไทยไม่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญ เราอาจไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญในเรื่องสำคัญหรือร่างใหม่ได้อีกตลอดไป

“การทำประชามติที่มีขึ้นมีประเด็นต้องคิดให้รอบคอบจะทำกี่ครั้ง ตั้งคำถามอย่างไร และจะแก้พ.ร.บ.ประชามติเสียก่อนหรือไม่ จึงเป็นโจทย์ที่ต้องช่วยกันตีให้แตก เรื่องการทำประชามตินี้ตนกำลังร่วมกับ สส.พรรคเพื่อไทยบางคนเตรียมยกร่างแก้ไขพ.ร.บ.ประชามติกันอยู่ คาดว่าจะเสนอสภาได้ในสมัยประชุมหน้า”นายจาตุรนต์ระบุ

ยัน 9 ธ.ค.ปชป.มีหน.คนใหม่

ที่ จ.ภูเก็ต นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช และรักษาการรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และกก.บห.พรรค ชุดใหม่ ในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ ว่า พรรคกำหนดเพิ่มองค์ประชุมใน (19) ข้อบังคับพรรค โดยให้สมาชิกพรรคแต่ละภาค 30 คน แสดงความจำนง ส่วนผู้จะลงชิงหัวหน้าพรรคตอนนี้ยังเป็นเพียงข่าวว่าใครจะลงบ้าง แต่คนที่แน่ชัดและยืนยันกับสื่อมวลชนในวันประชุม กก.บห. 14 พ.ย.คือ นาย นราพัฒน์ แก้วทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรค ดูแลภาคเหนือ ส่วนคนอื่นๆ ต้องให้ เจ้าตัวเป็นผู้ยืนยันก่อนว่าจะลงชิงจริงหรือไม่

“วันนี้ต้องรอให้ชัดเจนว่าคุณนราพัฒน์ ยังยืนยันลงชิงหัวหน้าพรรคหรือเปล่า สำหรับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรค มีบุคลิกรักษาคำพูด คำไหนคำนั้นอยู่แล้ว ท่านประกาศเลิกเล่นการเมือง ไม่รับตำแหน่งทางการเมือง การคิดกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะท่านก็พูดในที่ประชุมชัดเจนว่าท่านเลิกเล่นการเมือง แต่จะช่วยดูแลพรรค ช่วยสนับสนุนพรรค ประเด็นที่คิดว่าท่านจะมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคตัดไปได้เลย” นายชัยชนะกล่าว

ระบุพรรคอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน

นายชัยชนะกล่าวต่อว่า พรรคเราเป็นสถาบันทางการเมือง อยู่มา 77 ปี ก้าวสู่ปีที่ 78 วันนี้อยู่ในยุคเปลี่ยนผ่าน การเปลี่ยนผ่านต้องเปลี่ยนผ่าน 3 ชั่วอายุคนคือ 1.คนรุ่นเก่า 2.คนรุ่นกลาง และ 3.คนรุ่นใหม่ ดังนั้นจะให้คน 3 ยุคเข้าใจกันในทีเดียวคงไม่ใช่ แต่ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคือฟื้นพรรคให้กลับมาเป็นพรรคหลัก เพียงแต่วิธีคิด กระบวนการ แนวทางการทำงานอาจต่างกันอยู่บ้าง ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือการพูดคุย ถ้าได้มีการพูดคุยกันทุกอย่างก็ดีขึ้น ท้ายที่สุดแล้วต้องเปิดอกมาคุยกัน เปลี่ยนผ่านไม่ใช่เรื่องความขัดแย้ง ฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่ต้องคุยกันก็คือสิ่งไหนที่พรรคทำและดีอยู่แล้วก็ต้องรับไปทำต่อ สิ่งไหนที่ต้องปรับให้เข้ายุคสมัยก็ต้องทำต่อไป

มั่นใจว่าจะมีการคุยกันได้ก่อนถึงวันประชุมใหญ่วิสามัญ ในเมื่อทุกคนยืนยันออกจากปากว่ารักพรรคประชาธิปัตย์ ยึดมั่นว่าจะช่วยพรรค ก็ต้องพูดคุยกันได้ ถ้าความรักนั้นออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ มั่นใจว่าการประชุมใหญ่วิสามัญครั้งนี้ประชาธิปัตย์จะได้หัวหน้าพรรค เพราะองค์ประชุมก็ปรับปรุงแล้ว “มั่นใจว่าภายในวันที่ 9 พ.ย.นี้ ได้หัวหน้าพรรคแน่นอน แต่จะเป็นใครนั้นคงต้องรอสัปดาห์สุดท้ายว่าใครจะประกาศชิงหัวหน้าพรรคบ้าง วันนี้รายชื่อยังไม่ชัดเจน และสถานการณ์ยังเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา”

ภูมิธรรมแจงปมอิ๊งเข้าพบเหลิม

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เดินทางไปเยี่ยมร้อย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่บ้านพักริมคลอง เป็นการทำความเข้าใจหรือไม่ หลังจากเคยมีกระแสข่าว ร.ต.อ.เฉลิม ประกาศตัดขาดกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า น.ส.แพทองธารได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่อย่างเป็นเอกฉันท์ให้เป็นหัวหน้าพรรค ที่ผ่านมา น.ส.แพทองธารให้ความเคารพผู้อาวุโส ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ไปพบ ผู้อาวุโสภายในพรรคเพื่อรับฟังความคิดเห็นในที่ประชุมใหญ่ หลายคนที่ป่วยหรือติดขัดในภารกิจ ไม่ได้เดินทางมาร่วมประชุม รวมถึง ร.ต.อ.เฉลิมก็เป็นหนึ่งในนั้น น.ส.แพทองธารจึงเดินทางไปเยี่ยมและขอคำแนะนำ บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ไม่มีปัญหาอะไร และร.ต.อ.เฉลิมก็เป็นผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถืออยู่แล้ว การที่ น.ส.แพทองธารเดินทางไปถือว่าเป็นการทำหน้าที่หัวหน้าพรรค น้อมรับฟังความคิดเห็นของทุกส่วน โดยภารกิจอีกอย่างคือ การพยายามเชื่อมต่อ สื่อสารคนหลายรุ่นภายในพรรค ถือเป็นเรื่องปกติของ น.ส.แพทองธารอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าเป็นการเคลียร์ใจหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ต้องเคลียร์ใจ ความไม่พอใจหรือเห็นต่างเป็นเรื่องปกติ เมื่อวันเวลาผ่านไปก็เคลียร์ได้เข้าใจได้ และหากมีโอกาสตนจะเข้าไปกราบ ร.ต.อ.เฉลิม เมื่อถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม จะยังเป็นกำลังหลักของเพื่อไทยหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยืนยันว่าสมาชิกพรรคเพื่อไทยทุกคนถือเป็นกำลังหลัก ร.ต.อ.เฉลิมก็ใช้ประสบการณ์ให้คำแนะนำ ขณะนี้ยังช่วยงานพรรค ซึ่งได้นำมาปรับใช้กับความเป็นจริงที่เรากำลังเผชิญอยู่

รอกฤษฎีกาตีความร่างพรบ.กู้เงิน

นายภูมิธรรมกล่าวถึงความคืบหน้านโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ว่า คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตได้พูดคุยกันในประเด็นต่างๆ ข้อเสนอว่าการดำเนินการจะเป็นไปอย่างรอบด้านหรือไม่ การที่คณะกรรมการกฤษฎีการะบุว่าอยากจะช่วยดูรายละเอียด ถ้าเกิดมีความชัดเจนในเรื่องข้อกฎหมายทุกฝ่ายจะได้สบายใจ แต่ไม่ได้หมายความว่ากฤษฎีกาจะปฏิเสธ ตอนนี้ยังอยู่ในกระบวนการ คาดว่าน่าจะทำโดยเร็วที่สุด ถ้าสรุปได้ข้อชัดเจนอย่างไรจะดำเนินการตามนั้น

นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันเราพยายามรับฟังเสียงข้อเสนอแนะให้ครอบคลุมมากที่สุด ถ้าหากรัฐบาลจะออกเป็น พ.ร.ก.ก็สามารถทำได้ แต่เพียงอยากให้ทุกคนสบายใจ ซึ่งการเสนอเข้ารัฐสภาน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ต้องรอกฤษฎีกาตีความออกมาอย่างชัดเจน ตอนนี้เป็นไปตามขั้นตอนไม่ได้มีปัญหาอะไร เมื่อถามว่า ขั้นตอนของกฤษฎีกาจะใช้เวลานานเท่าไร นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับกฤษฎีกาแต่คิดว่าเร็วที่สุด เพราะทุกคนรู้ว่าเป็นเรื่องด่วนที่จะต้องทำ

เมื่อถามถึงเงื่อนไขว่าจะปรับเปลี่ยนอีกหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ต้องฟังทางกฤษฎีกา ถ้าบอกว่าไม่มีปัญหาอะไรก็ผ่านได้เลย แต่ถ้ามีข้อท้วงติงต้องมีการประชุมกันอีก ถ้าเป็นเรื่องเล็กน้อยเป็นการปรับและนำเสนอได้เลยเช่นกัน เมื่อถามว่าหากท้ายที่สุดแล้วโครงการไม่สามารถทำได้ต้องยุติเลยหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่รู้ว่าข้อกฎหมายจะออกมาเป็นแบบไหน การจะตัดสินใจอย่างไรขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงทางกฎหมาย

กกต.เหลือ 80 เรื่องรอชี้ผลสส.

รายงานข่าวแจ้งความคืบหน้าดำเนินการเกี่ยวกับคำร้อง สำนวน การวินิจฉัยและการดำเนินคดีการเลือกตั้ง สส.เป็นการทั่วไป พ.ศ.2566 ขณะนี้สำนักงานกกต. คงเหลือเรื่องที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 80 เรื่องนั้น มีข้อมูลพบว่าเป็นกรณีคำร้อง ความปรากฏ และข้อมูลเบาะแสที่ได้รับแจ้งมา โดยเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสส. และไม่ได้รับเลือกตั้ง รวมทั้งผู้ช่วยและทีมงานผู้สมัครสส. จากพรรคต่างๆ

ทั้งนี้ กระบวนการดังกล่าวอยู่ระหว่าง ขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนพยานและเร่งหาข้อมูล เพื่อประกอบการพิจารณาคำร้องของอนุกรรมการวินิจฉัยและกกต.จังหวัด เมื่อพิจารณาข้อมูลครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว จึงจะเสนอเรื่องให้สำนักงานฯ นำเข้าสู่ที่ประชุม กกต.เพื่อวินิจฉัย หากที่ประชุมเห็นว่าข้อมูลและพยานหลักฐานที่เสนอเข้ามายังมีน้ำหนักไม่เพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ ก็จะให้ไปสอบสวนเพิ่มเติม แล้วค่อยนำเรื่องเสนอกลับเข้ามาใหม่อีกครั้ง

ปีใหม่อินเดีย – น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติ พร้อมด้วยนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม พร้อมรัฐมนตรีจากเพื่อไทย สวมชุดอินเดียร่วมเทศกาลแห่งความสุข ‘ดิวาลี’ ย่านพาหุรัด กทม. กระชับสัมพันธ์ไทย-อินเดีย เมื่อวันที่ 17 พ.ย.

‘อุ๊งอิ๊ง’เผยบรรยากาศพบ‘เหลิม’

เมื่อเวลา 17.00 น. ที่ถนนพาหุรัด คลองโอ่งอ่าง สะพานเหล็ก กรุงเทพฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติ พร้อมนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.สำนักนายกฯ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง พร้อมสมาชิกพรรคเพื่อไทย ร่วมงานเทศกาลดิวาลี 2023 เทศกาลที่สำคัญที่สุดของชาวอินเดีย ในการเฉลิมฉลองปีใหม่ ที่รัฐบาลร่วมกับภาคเอกชนจัดขึ้น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายใต้แนวคิด “One day Trip 3 ศาสนา ศรัทธาแห่งบุญ”

เมื่อน.ส.แพทองธารเดินทางมาถึง ได้ สักการะพระพิฆเนศและแวะชมการเต้นบูชา พร้อมเดินตลาดคลองโอ่งอ่าง แวะชิมของว่าง รวมถึงชาอินเดีย พร้อมกล่าวว่า ตนต้องการให้ไทยเป็นฮับของงานเฟสติวัล งานนี้ก็เป็นอีกงานที่เราสนับสนุน

น.ส.แพทองธารกล่าวกรณีปรากฏภาพเดินทางไปพบกับร.ต.อ.เฉลิม ที่บ้านริมคลอง ย่านบางบอน ว่า บรรยากาศพูดคุยกับร.ต.อ.เฉลิมดีมาก ตอนแรกตนได้คุยงานกับนายวัน อยู่บำรุง อดีตสส.กทม. พรรคเพื่อไทย ก่อน และตามที่ทุกคนทราบจากข่าวว่าเป็นอย่างไร ตนได้ถามนายวันว่าเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าได้มีโอกาสอยากเข้าไปพูดคุยกับร.ต.อ.เฉลิม ได้เมื่อใด อย่างไร ซึ่งถามไปเพียงวันเดียว อีกวันนายวันก็ตอบมาว่าเข้าไปเจอได้เลยและยินดีที่จะพบเจอ พอเจอกันก็ไม่มีอะไรมากเลย สอบถามว่าเป็นอย่างไร สบายดีหรือไม่ มีอะไรไม่สบายใจให้บอกตน ซึ่งร.ต.อ.เฉลิมบอกว่ายังซัพพอร์ตสนับสนุนพรรคเหมือนเดิม ทุกคนก็ยังเป็นพรรคเพื่อไทยเหมือนเดิม ตนก็ดีใจที่ได้ไปเยี่ยม เรื่องบางเรื่องไม่สามารถยกหูหากันได้ พอเราได้ไปเจอมันก็ได้ความสบายใจ ทุกอย่างเป็นไปด้วยบรรยากาศอบอุ่น

เมื่อถามว่าสรุปตอนนี้ ร.ต.อ.เฉลิมหายงอนนายทักษิณหรือยัง น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิมกับนายทักษิณไม่ได้คุยกันเลย และตอนนี้นายทักษิณยังอยู่ข้างใน “ได้เคยถามท่านก็บอกว่าไม่มีอะไร ท่านไม่รู้เรื่องเลย ไม่ทราบว่าทำไมถึงมีการให้ข่าวแบบนั้น ก็ได้คุยกับลุงเหลิม ไม่มีอะไรเลย เข้าใจว่าไม่มีอะไรเลยจริงๆ อิ๊งเข้าการเมืองมาแค่ 2 ปี ไม่ได้ไปเจอลุงเหลิมในฐานะหัวหน้าพรรค แต่เข้าไปในฐานะที่รู้จักลุงเหลิม ตั้งแต่รุ่นคุณปู่ อิ๊งไปก็เพื่อความสบายใจของทั้งคู่ ไม่มีอะไร”

เมื่อถามถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์โครงการดิจิทัลวอลเล็ต น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ขอให้เป็นฝั่งรัฐบาลเป็นผู้ชี้แจงจะได้ไม่มีปัญหากัน ย้ำว่านโยบายของรัฐบาลทั้งหมดพรรคเพื่อไทยสนับสนุนแน่นอน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน