ผบก.เชียงใหม่เซ็นเชือดฟันวินัย-อาญาข้อหาหนัก
เด้ง ‘รองผกก.’ ลวงสาวขืนใจ ผู้การเชียงใหม่เซ็นสั่งตั้ง กก.สอบ พร้อมให้ออกจากราชการไว้ก่อนหลังพยาบาลสาวเข้าแจ้งดำเนินคดีที่สภ.เหมืองจี้ ลำพูน เผยพฤติกรรมพ.ต.ท. แช็ตนัดผ่านเฟซบุ๊ก ชวนดื่มกาแฟ ตกเย็นไปกินสเต๊กร้านดังพร้อมดื่ม แล้วอ้างเมาขอให้สาวขับรถไปส่ง ถึงบ้านฉวยโอกาส ฉุดรั้งเข้าห้อง จนผู้หญิงต้องเรียกญาติ มาช่วย
เมื่อวันที่ 30 พ.ย. พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ มีคำสั่ง “ให้ข้าราชการตำรวจออกราชการไว้ก่อน” จากกรณีพ.ต.ท.นายหนึ่งตำแหน่ง รองผกก.ป.ในจ.เชียงใหม่ ต้องหาคดีอาญาฐาน “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้” ตามคดีอาญาของสถานีตำรวจภูธรเหมืองจี้ จ.ลำพูน ที่ 426/2566
พฤติการณ์และการกระทำมีลักษณะเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดวินัยร้ายแรง ตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 112 (2),(6) และมีเหตุให้ออกจากราชการไว้ก่อนได้ตามกฎฯ จึงให้ พ.ต.ท.นายนี้ ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัย ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ลงวันที่ 28 พ.ย.66
สำหรับพฤติการณ์ของ พ.ต.ท.นายนี้ เหตุเกิดที่บ้านพักในสวน ต.หนองหนาม อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยพยาบาลสาวผู้เสียหายได้รู้จักกับ พ.ต.ท.ผ่านทางเฟซบุ๊ก วันเกิดเหตุนัดกันไปดื่มกาแฟในเชียงหม่ พร้อมเพื่อนอีก 2 คน จากนั้นตกเย็นเวลา 16.00 น. พ.ต.ท.และผู้เสียหาย ไปรับประทานอาหารต่อที่ร้านสเต๊กชื่อดังในจ.เชียงใหม่ โดยใช้รถยนต์ของพ.ต.ท. และได้ดื่มกินเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กระทั่งเวลา 18.00 น. พ.ต.ท.อ้างว่าเมาขับรถไม่ได้ ขอให้หญิงสาวขับรถไปส่งที่บ้านพักในจ.ลำพูน โดยระหว่างนั้น พ.ต.ท.ได้ลวนลามหญิงสาวตลอดทาง จนต้องบอกให้หยุด ถ้าไม่หยุดจะไม่ไปส่ง พ.ต.ท.จึงได้หยุด
ต่อมาเมื่อถึงบ้านพักที่เกิดเหตุ หญิงสาวได้ขอเข้าห้องน้ำ โดยหลังจากออกจากห้องน้ำ พ.ต.ท.ได้ฉุดรั้งหญิงสาวขึ้นชั้น 2 แล้วใช้กำลังข่มขืนกระทำชำเราหญิงสาวหลายครั้ง แต่หญิงสาวไม่ยินยอม หลังจากนั้นจึงขอความช่วยเหลือให้ญาติมาช่วย
บก.ภ.จว.เชียงใหม่ พิจารณาแล้วเห็นว่า พฤติการณ์และการกระทำของ พ.ต.ท. ผู้ถูกกล่าวหา ต้องหาคดีอาญาฐาน “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้” จึงเข้าลักษณะที่เป็นความวินัยตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน และคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อน
