รอยตัด‘องศา’เหมือนกันป้าแต๋นบายศรีแก้เคล็ดแม่ชมพู่เปิดใจทนมา3ปีผบ.ตร.ยกเป็นตัวอย่างต่อยอดการสืบสวนคดี

แฟนคลับกอดให้กำลังใจ บายศรีสู่ขวัญ ลุงพล ป้าแต๋นลั่นพร้อมสู้ไปด้วยกันแจงยิบ ปมข่มขู่พยาน เส้นผมน้องชมพู่ ทวงบุญคุณ พ่อแบม ตอนติดคุก ก็เคย ช่วยเหลือ ผบ.ตร. ยกการสืบสวนคดีลุงพล เป็นโมเดลยกระดับการสืบสวนตำรวจไทย โฆษกศาลยุติธรรม ชี้ความเห็นแย้งคดีลุงพล ไม่มีผลโดยตรงต่อการวินิจฉัยชั้นอุทธรณ์ แม่น้องชมพู่เปิดใจครั้งแรกในรอบ 3 ปี เปิดภาพรอยตัดบนเส้นผมน้องชมพู่ หลักฐาน เด็ดที่มัดลุงพลจนดิ้นไม่หลุด

บายศรีสู่ขวัญลุงพล-ป้าแต๋น

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 21 ธ.ค. ที่วังปู่ปาริจิต-นาลุงพลป้าแต๋น ต.กุดเรือคำ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล และนางสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น พร้อมเหล่าแฟนคลับ ร่วมตักบาตรพระสงฆ์ 7 รูป ก่อนจะมีพิธีบายศรีสู่ขวัญในช่วงเวลาประมาณ 09.00 น.

โดยแฟนคลับรวมถึงชาวบ้านจำปาดง ชาวบ้านใกล้เคียง และชาวบ้านกกกอกที่มาบางส่วน ร่วมกันนำเชือกสีขาวติดธนบัตรมาผูกข้อไม้ข้อมือของลุงพลป้าแต๋น พร้อมนำข้าวเหนียว และไข่ต้มมาให้ลุงพลป้าแต๋น กำไว้ เพื่อให้พ้นจากสิ่งไม่ดีในชีวิต บางคนถึงกับร้องไห้ บอกว่าสงสารลุงพลป้าแต๋น ก่อนอวยพรให้ลุงพลป้าแต๋นพ้นทุกข์ พ้นโศก ทุกคนยังเชื่อมั่น และศรัทธาในตัวของทั้งคู่

จากนั้นต่อด้วยพิธี “กอดให้กำลังใจ ลุงพล” โดยเริ่มจากป้าแต๋นเป็นคนสวมกอด ลุงพล ก่อนร้องไห้ออกมาทั้งคู่ ตามด้วยกลุ่มแฟนคลับ และเหล่ายูทูบเบอร์ได้ทยอยกันกอดให้กำลังใจป้าแต๋น โดยทุกคนร้องไห้ มีน้ำตา เพราะสงสารลุงพลกับป้าแต๋นเป็นอย่างมาก

ป้าแต๋นเปิดเผยความรู้สึกด้วยว่า อยากให้ แฟนคลับไม่ต้องเป็นห่วงลุงกับป้า เพราะป้า จะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับลุง ไม่ทิ้งกันอย่างแน่นอน ที่ผ่านมาป้าสู้กับคอมเมนต์ที่ไม่ดีมานาน 3 ปี ป้าและลุงไม่สนใจกับข้อความอะไรทั้งสิ้นที่มันทำลายความรู้สึก ซึ่งป้า รู้ดีว่าลุงไม่ได้กระทำความผิด และไม่ได้เข้าไปสวนยางในช่วงเวลา 09.00 น. ในวันเกิดเหตุ แม้ว่าผลพิพากษาจะออกมาเป็นแบบนี้ ก็ไม่ได้ทำให้เราเสียกำลังใจ ป้าจะเป็นทุกอย่างให้ลูก และลูกๆ ป้าจะร้องไห้อีกครั้ง และวันเดียวที่ศาลตัดสินอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตสำหรับพิธีทำบุญและบายศรีสู่ขวัญให้กับลุงพลและป้าแต๋นที่จัดขึ้นในวันนี้ พบว่าไม่มีกลุ่มแม่ยกที่มีฐานะ มาร่วมพิธีเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา รวมทั้งในพิธีรำถวายยังพบมีนางรำร่วมพิธีแค่ 17 คนเท่านั้น จากพิธีบายศรีสู่ขวัญในครั้งก่อนๆ ที่มีนางรำมาร่วมพิธีรำถวายนับ 100 คน ทำให้เป็นที่น่าสังเกตว่า จากกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาจำคุกลุงพล 20 ปี ทำให้กลุ่มแม่ยก ที่เคยสนับสนุนและให้กำลังใจ เริ่มเปลี่ยนท่าทีไปหรือไม่

บายศรีลุงป้า – แฟนคลับพร้อมเหล่ายูทูบเบอร์ ทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ ‘ลุงพล-ป้าแต๋น’ หลังศาลพิพากษาจำคุกลุงพล 20 ปีคดีน้องชมพู่แล้วได้ประกันตัว โดยทั้งคู่ประกาศสู้ต่อชั้นศาลอุทธรณ์ ที่บ้านในอ.วานรนิวาส จ.สกลนคร เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.

ลุงพลลุ้นสู้ต่อชั้นอุทธรณ์

ขณะที่ลุงพลกล่าวว่า วันนี้มีการรำถวายครูบาอาจารย์ก่อนที่จะมีพิธีบายศรีสู่ขวัญ ซึ่งเป็นประเพณีของคนอีสาน เวลาเรียกขวัญกำลังใจ หลังจากนั้นก็มีการกอดกันเพราะผู้ใหญ่ใจดีท่านอยากทำให้เห็นว่า ทุกคนยังเป็นกำลังใจให้กับลุงพลและ ป้าแต๋นอยู่ ไม่มีอะไรพิเศษแต่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลุงกับป้าในตอนนี้

ความรู้สึกวันนี้มันตื้นตันใจมาก หลังจาก เมื่อวานที่กลับมา แฟนคลับก็รู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกตนกับป้าแต๋นมาก วันนี้จึงฝากให้คนที่อยู่ที่นี่กอดตนกับป้าแต๋นเพื่อเป็นกำลังใจ มันก็ทำให้ตนมีกำลังใจในการต่อสู้ ในกระบวนการชั้นศาลอุทธรณ์ต่อ จะสังเกต ได้ว่าวันนี้ตนร้องไห้น้อยมาก เพราะตอนนี้ ได้กำลังใจจากทุกคนเยอะ ทำให้เราเข้มแข็ง มากยิ่งขึ้น

เมื่อวานตนได้ดูข่าวของยายสมควร ซึ่งเป็นแม่ของป้าแต๋น ก็เห็นว่ายายสมควรมีรอยยิ้มและดีใจที่ลูกสาวสุดที่รัก ซึ่งเป็นลูกสาวคนแรกของครอบครัว ผ่านวิบากกรรมรอบนี้มาได้ ส่วนตัวของลุงเองเป็นลูกเขยก็ต้องพิสูจน์ตัวเองต่อไปว่าตนไม่ได้เป็นคนทำ

วินาทีที่ลงมาจากศาลตอนแรกไม่เข้าใจว่าตัวเองถูกจำคุก เข้าใจว่าศาลท่านยกทั้งหมด แต่เมื่อทนายมาบอกว่า ตนถูกจำคุกทั้งหมด 20 ปี แต่ศาลท่านเมตตาให้ประกันตัวภายในวันนั้นเลย ตนก็อยากขอบคุณศาล ที่เมตตา ที่ทำให้ตนได้ออกมาต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม

ส่วนประเด็นที่จะต่อสู้ต่อ ในความรู้สึกของตนคือ ที่ศาลพิพากษาว่าไม่ได้มีเจตนาฆ่า ตนก็จะสู้ในส่วนนี้ ไม่ว่าจะมีพิรุธตรงไหน เราต้องพิสูจน์ตัวเองต่อ ก็ต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ซึ่งตนพึงพอใจกับ ทีมทนายกฎหมายธรรมรังสี ท่านทำงานดีที่สุดแล้ว ก็จะใช้ทีมกฎหมายเหมือนเดิม

ยันไม่เคยข่มขู่พยาน

สิ่งสำคัญที่สุดที่ลุงจะต้องพิสูจน์ตัวเองคือช่วงเวลา 9 โมงเศษ กับ 14.00-16.00 น. ว่าเราอยู่ตรงไหน ส่วนพ่อแบมที่เป็นพยานปากเอก มีช่วงนึงที่พ่อแบมไปออกรายการหนึ่ง แล้วบอกว่าพบกับลุงพลในช่วงเวลา 09.20 น. หลังจากนั้นก็นั่งอยู่ที่บ้าน และพ่อของน้องชมพู่ก็ขับรถมอเตอร์ไซค์มาที่บ้านประมาณ 09.40 น. ห่างกัน 20 นาที มาถามหาน้องชมพู่ ซึ่งมันคือข้อพิรุธของพยานปากนี้ ลุงเห็นจึงได้ขับรถมอเตอร์ไซค์ เข้าไปบ้านพ่อแบมและบอกพ่อแบมว่าไปออกข่าวแบบนั้นจะทำให้พ่อชมพู่ลำบาก เพราะว่าลุงมีพยาน เนื่องจากในช่วงที่เจอกับพ่อแบม น้องโอมเอาโทรศัพท์ไปให้ที่สวนยาง ซึ่งตอนนั้นลุงกำลังกระตุ้นยางอยู่ ไม่ใช่กรีดยาง ลุงมีพยานเป็นลูกชายอยู่แล้ว ว่าช่วงเวลาประมาณ 7 โมงนิดๆ เรายังคุยกันอยู่

ยืนยันว่าไม่ได้ไปข่มขู่ให้เปลี่ยนคำให้การ ตามที่เขากล่าวอ้าง และไม่มีพฤติกรรม ที่จะข่มขู่ทำร้ายร่างกายพ่อแบมเลย พ่อแบม เคยติดคุกคดีตัดไม้ ระยะเวลาประมาณ 1 ปี มีลุงนี่แหละที่คอยช่วยเหลือครอบครัวของพ่อแบมมาตลอด ลุงจะไปข่มขู่พ่อแบมเรื่องอะไร มันไม่เกี่ยวกัน มันเป็นสิทธิ์ของพ่อแบมที่จะพูด แต่มันเป็นสิทธิ์ของลุง เช่นกันที่จะต้องพิสูจน์ความจริงให้ได้ คนชื่อไชย์พล วิภา กล้าทำ กล้ารับ ไม่มีการ ข่มขู่แน่นอน

แจงข้อสงสัยเส้นผมน้องชมพู่

ส่วนเรื่องเส้นผมของน้องชมพู่ที่เจอ ในรถของตน พนักงานพิสูจน์หลักฐานได้ขึ้นไปตรวจสอบรถของตนก่อนที่จะใส่ชุด PPE อีก ตนก็สงสัยว่าเส้นผมมาตกที่รถของลุงได้ยังไง แต่ถ้าหากเส้นผมที่ได้ไปเป็นเส้นผมของน้องชมพู่ เราก็พยายามจะพูดกับทีมงานทนายว่ารถของลุงไม่เคยล้างเลยและน้องชมพู่ก็ขึ้นรถของลุงตลอด และยังมีรถของคนอื่นที่น้องชมพู่ขึ้นด้วย ซึ่งตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานตรวจแต่รถของลุง จึงมองว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับลุงหรือเปล่า เพราะถ้าหากตรวจทุกคันเส้นผมของน้องชมพู่ก็อาจจะตกอยู่ในรถทุกคัน ที่น้องขึ้นก็ได้ เราต่อสู้เรื่องเส้นผมมาตลอด ทั้งนี้ วันแรกที่ชาวบ้านขึ้นเขาเหล็กไฟ ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ นอกจากยายตุ่นกับสา ซึ่งเป็นสามี เห็นรองเท้าทุกคนก็ขึ้นเขาไปพร้อมกัน เป็นวันแรกที่ทุกคนขึ้นไปถึงจุดนั้น

ป้าแต๋นกล่าวว่า มันมีหลายอย่างที่มันอยู่ในใจและตื้นตันใจ ด้วยความที่เราเห็นยูทูบเบอร์ มันก็ทำให้เราคิดว่าถ้าหากเราเป็นอะไรไปเขาจะมีรายได้อะไรไหม และแอดมินที่เราจ้างมาทำงาน เขาจะเป็นยังไง ซึ่งป้าผ่านตรงนั้นมาแล้ว เหลือลุงที่ต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเอง เราย้ายที่จากตรงนู้นมาอยู่ตรงนี้ก็ถูกทอดทิ้ง เรื่องต่างๆ ที่มันเกิดขึ้น ไม่ว่าสื่อจะออกไปแนวไหน มันเป็นการทำงานของสื่อแต่คนดูก็ต่างความคิดเห็น แฟนคลับก็เป็นห่วง

“ป้าเป็นคนเดียวที่รู้ทุกอย่างว่าลุงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง แม้เมื่อวานป้าจะถูกยกฟ้อง แล้วลุงก็ควรยกฟ้องไปพร้อมกับป้าถึงจะถูก และป้าจะไม่ทิ้งลุงไปไหนพร้อมที่จะสู้ ไปด้วยกัน หลายคนบอกว่าเราอวยผัวหรือเปล่า แต่ป้าจะบอกว่าลุงพลดีกว่าเจ้าหน้าที่หลายคนเลยด้วยซ้ำ” ป้าแต๋นกล่าว

โฆษกศาลชี้ปมความเห็นแย้ง

ด้าน นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยกรณีอธิบดีผู้พิพากษา ภาค 4 และผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดมุกดาหาร ที่ตรวจสำนวนแล้วเห็นว่าควรยกฟ้องลุงพล (เห็นแย้ง) เนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์มีข้อสงสัยนั้น คำเห็นแย้ง ก็จะอยู่ในสำนวนท้ายคำพิพากษา เมื่อเวลาคดีขึ้นสู่ศาลชั้นอุทธรณ์องค์คณะศาลอุทธรณ์ ก็จะเห็นทั้งตัวคำพิพากษาของศาลจังหวัดมุกดาหาร (ศาลชั้นต้น) และความเห็นแย้ง ซึ่งทางองค์คณะศาลอุทธรณ์ก็จะนำข้อมูลทั้งหมดในสำนวนทั้งคำพิพากษาศาลชั้นต้น รวมทั้งความเห็นแย้งต่างๆ ที่คู่ความอุทธรณ์ ขึ้นมาประกอบในการพิจารณาทำคำพิพากษา ชั้นอุทธรณ์

แต่คำเห็นแย้งดังกล่าวคงไม่ได้เป็นจุดเปลี่ยนคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์โดยตรง เพราะตัวความเห็นหลักยังเป็นความเห็นขององค์คณะผู้พิพากษาศาลจังหวัดมุกดาหาร เพราะองค์คณะผู้พิพากษาเป็นคนสืบพยานเป็นผู้ที่เห็นข้อเท็จจริงในตอนที่พยาน มาเบิกความ เห็นข้อเท็จจริงพยานหลักฐานต่างๆ อย่างใกล้ชิด ส่วนน้ำหนักความเห็นแย้งจะมีมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับมุมมองขององค์คณะผู้พิพากษาชั้นอุทธรณ์

นายสรวิศกล่าวย้ำว่า ในการบังคับบัญชา ของผู้พิพากษาหรือตุลาการไม่เหมือนกับข้าราชการฝ่ายอื่น เพราะการบังคับบัญชาไม่มีผลต่อการพิพากษาคดี หลักการพิพากษาคดีเป็นอิสระจากการแทรกแซงภายนอกและภายใน ผู้พิพากษาสามารถใช้ดุลพินิจในการพิพากษาออกไปได้ โดยที่ไม่ได้เน้นผลของการบังคับบัญชา

ตร.แจงยิบขั้นตอนสืบสวน

พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รองผู้บังคับการ ปราบปราม เจ้าหน้าที่สืบสวนคดีน้องชมพู่ เผยว่าคดีนี้ใช้เวลาค่อนข้างนาน จริงๆ วัตถุพยานก็เก็บไว้ตั้งแต่ช่วงต้น แต่กระบวนการ ตรวจพิสูจน์เราทำหลายขั้นตอน พิสูจน์ตั้งแต่ ดีเอ็นเอพิสูจน์ตัวบุคคลได้ พอไม่ได้ก็มาดูดีเอ็นเอสายมารดา ก็ระบุได้เป็นกลุ่มที่มีสายแม่เดียวกัน ไม่ได้อีก ก็มาดูร่อยหรอ ที่มีเอกลักษณ์พิสูจน์แล้วตรงกัน ยังมีการตรวจพิสูจน์ รวมถึงการขอความเห็นจาก ผู้เชี่ยวชาญหลายๆ ด้าน มันเลยต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน

ก่อนอื่นเราเริ่มต้นจากถามทุกคนทั้งหมู่บ้าน มีอยู่ 230 คน นายไชย์พลระบุ ตัวเองไม่ได้ว่า ช่วง 9-10 โมงหายไปไหน ประมาณ 50 นาที ซึ่งตรงกับเวลาที่เรารู้ว่าน้องหายไป สิ่งที่เขาอ้างคือเขาไปรับพระ แต่เวลาขับรถจากบ้านไปวัด ซึ่งระยะทางแค่ 1 กิโล 4 นาทีก็ถึงแล้ว แต่นี่หายไป 50 นาที สุดท้ายก็มาได้พยานสองปากว่า เห็นอยู่ในสวนยางทางไปบ้านน้องชมพู่ เขาบอกว่าก่อนไปถึงวัดมีการชวนเพื่อนบ้านไปรับพระด้วย แต่พอไปถามจริงๆ เหตุการณ์นั้นคือรับพระมาแล้ว และกำลังจะออกจากหมู่บ้าน แต่กลับเอาเหตุการณ์นี้ มาสวมใส่ก่อนไปรับพระ ก็คือพิรุธในการพูด ไม่จริงขึ้นมา

เรื่องโทรศัพท์ช่วงแรกๆ เจ้าตัวบอกตร.ว่าทางภรรยาโทร.หาแจ้งข่าวว่าน้องหายก ่อนไปถึงวัด เขาเลยตอบพระได้ว่าน้องหาย แต่ข้อเท็จจริงคือโทรศัพท์มีอยู่เครื่องเดียว เครื่องก่อนหน้าเขา เขาทำลายไปก่อน จริงๆ เขามีคนละเครื่องแหละ แต่ตอนนั้นลูก น่าจะติดเกมก็เลยทำลายโทรศัพท์ไปหนึ่งเครื่อง เหลือเครื่องเดียว

พบเอกลักษณ์ที่เส้นผม

เรื่องเส้นผมเรื่องนี้เกิดจากคนร้ายน่า จะมีความเชื่อทางไสยศาสตร์ จุดพบศพคนร้ายตัดเส้นผมน้องไปกระจุกนึง เศษจาก การตัดก็ตกอยู่ในจุดพบศพบนเขา เราเก็บตรงนี้ได้ประมาณ 50 เส้น เป็นรอยตัดหมดเลย การตัดก็ใช้มีดตัด ก็เป็นการสับ แต่พอเป็นดินครั้งแรกไม่ขาดก็สับครั้งที่สอง สิ่งนี้ กลายเป็นเอกลักษณ์

ตามที่ศาลได้แถลงออกมา จะเห็นว่ามี 16 เส้นอยู่ในรถ ก็ต้องแยกที่หลุดร่วงตามธรรมชาติออก ก็เหลือที่ถูกมีดตัดออก มีรอยตัด เอามาพิสูจน์ ปรากฏว่ามีรอย ที่ถูกตัดตรงกัน พูดง่ายๆ ถ้าเส้นผมสองเส้น เส้นนึงอยู่ในรถ เส้นนึงอยู่บนเขา มันเคยอยู่ด้วยกันมาก่อน ถูกตัดในครั้งเดียวกัน ด้วยอาวุธชิ้นเดียวกัน ตรวจสอบจากรอยตัด ถ้าเรียกว่าทูมาร์กก็เรียกได้ จริงๆ ก็คือเครื่องจุลทรรศน์กำลังสูง พบไม่ใช่เส้นเดียวกัน แต่เป็นเส้นที่อยู่ใกล้กัน รอยตัดเหมือนกัน

ตอนเก็บได้บนเขาก็มากับดิน ก็มากรองเหลืออยู่สัก 40-50 เส้น ตัดบนพื้นดินครั้งแรกตัดไม่ขาดก็เป็นรอยข้างล่าง ครั้งที่สองก็เลยตัดอีกรอบนึงแล้วก็ขาด ฉะนั้นเส้นผม หลายเส้นก็จะพบสองรอย ซึ่งในรถนายไชย์พล ก็มีสองรอยเหมือนกัน

เชื่อชนวนแค่น้ำผึ้งหยดเดียว

จริงๆ เรื่องนี้จะว่าเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ก็ว่าได้ เริ่มต้นนายไชย์พลมีนัดไปส่งพระต่างอำเภอ เลยเชื่อว่ามีเจตนาดีเพื่อมารับน้องไปเที่ยวด้วยกัน แล้วเกิดเหตุไม่คาดฝัน น้องอาจงอแง สุดท้ายถูกทิ้งไว้ในชายป่า เขาไปส่งพระกลับมา คนตามหาเต็มไปหมดเลย สิ่งที่เขาเห็นและอุทานออกมาครั้งแรกคือทำไมแม่น้องชมพู่ต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย ทำไมต้องเรียกคนมาช่วยหาเยอะแยะ ทุกคนก็ช่วยหา แต่ช่วงบ่ายที่เขากลับมา เขาหายไปอีกแล้ว 2 ช.ม. เวลาหาเด็กทุกคนก็ไปเป็นกลุ่ม อย่างน้อยก็ 2 คนกันหลงป่า ตอนนั้นทุกคนคิดว่าเด็กหลง ช่วงประมาณบ่ายสอง บ่ายสาม ตัวเขา หายไปตั้งแต่บ่ายสองถึงสี่โมงเย็น ก็มีพยาน เห็นอีกว่าตอนสี่โมงเย็น ลงมาจากเขา คนเดียว มันก็ไม่สมเหตุสมผลว่าทำไมเขาถึงหายไปคนเดียวในเวลา 2 ช.ม.

อย่างที่บอกคือชวนไปเที่ยว แต่เหมือนเคสผู้ใหญ่กระทำกับเด็กหลายเคส เด็กอ่อนประมาณ 3 ขวบ เวลางอแงจะมีผู้ใหญ่ คุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ หงุดหงิด ไม่สามารถ จัดการให้เด็กหยุดร้องได้ ตัวเองก็ไม่สามารถ จัดการอารมณ์ตัวเองได้ ตัวเองอาจเป็นคนหงุดหงิดง่าย ใจร้อน เลยเผลอกระทำกับเด็กไป พอพลาดไปแล้วเหมือนวิธีการแก้ปัญหาของเขาจากเรื่องเล็ก จะแก้ด้วยการเอามาคืน ก็เอาไปหลบไม่ให้ใครรู้ซะอย่างนั้น จริงๆ เราไม่ได้โฟกัสหรือเริ่มต้นว่าเป็นเขา เราไม่ได้มีธงว่าเขาเป็นคนร้ายแน่นอน แต่เคสนี้มีคนร้าย เราก็เดินตามพยานหลักฐาน เท่านั้นเอง พยานหลักฐานนำไปสู่เขา สิ่งที่ เขาสู้ จริงๆ เราสู้ในชั้นพิจารณามาทั้งสามประเด็นแล้ว ผมก็ตอบไปให้ศาลท่านได้เข้าใจ ในมุมของเจ้าหน้าที่ ท่านก็พิพากษาตามนี้

ยกคดีลุงพลพัฒนางานสืบสวน

ด้าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร เปิดเผยถึงมาตรฐานการทำงานของพนักงาน สอบสวน ในคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ว่า ต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่และรู้สึกพอใจ ผลการปฏิบัติงานในคดีนี้ ซึ่งคดีดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยของพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นการทำงานที่ยากมาก เนื่องจากคดีนี้ไม่มีพยานหลักฐาน ไม่มีประจักษ์พยานใดๆ แต่เจ้าหน้าที่โดยเฉพาะฝ่ายสืบสวนได้พยายาม สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด โดยเฉพาะหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์คือ เส้นผมของน้องชมพู่ที่ถูกตัด และพยานบุคคลที่ให้การมาตั้งแต่ต้น และไม่เคยกลับคำให้การเลย ซึ่งถือเป็นหลักฐานสำคัญ ที่ทำให้สำนวนมีความแน่นหนาในระดับหนึ่ง จนทำให้ศาลเชื่อและมีคำพิพากษา ดังกล่าวได้

ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหาได้โต้แย้งว่า ไม่ได้รับความชอบธรรมในการเข้าตรวจค้น รถของตนเองนั้น ก็เป็นสิทธิ์ที่ผู้ต้องหาสามารถทำได้ แต่เจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน และการที่ศาลยกฟ้อง นั้นก็เนื่องจากมีเหตุอันควรสงสัยจึงยกประโยชน์ให้จำเลยแต่หากมีพยานหลักฐาน อื่นๆ ก็สามารถเพิ่มเติมในชั้นอุทธรณ์ได้

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า จะต้องยกคดีของลุงพลนี้เป็นโมเดลในการปรับปรุง พัฒนางานสืบสวนในอนาคต ทั้งการวิเคราะห์ พฤติกรรมศาสตร์ของคนร้าย และการสืบสวนแบบดั้งเดิม ซึ่งวานนี้ได้แจ้งกับที่ประชุมของกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาลแล้วว่าให้ฝึกนักสืบรุ่นใหม่ๆ ให้ยกระดับให้มีความเป็นสากลและมืออาชีพมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันสื่อต่างๆ ได้เผยแพร่ภาพเส้นผมของน้องชมพู่ 2 เส้นที่เก็บได้จากบนเขาเหล็กไฟและในรถของลุงพล ที่มีร่องรอยถูกตัดด้วยของมีคม ทำมุม 26 องศาเท่ากัน ซึ่งใช้เป็นหลักฐานมัดตัวลุงพลจนดิ้นไม่หลุด

แม่ชมพู่ – แม่น้องชมพู่เปิดใจในรายการโหนกระแส ส่วนรูปเล็กเป็นเส้นผมชมพู่ที่พบในรถลุงพล และจุดพบศพบนภูเขา องศาการตัดด้วยของมีคมตรงกัน เป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้ลุงพลถูกตัดสินว่ามีความผิด

แม่น้องชมพู่เปิดใจรอบ 3 ปี

วันเดียวกัน นายอนามัย วงศ์ศรีชา และ นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา พ่อแม่ของน้องชมพู่ พูดคุยกับหนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ในรายการโหนกระแส โดยนางสาวิตรีเปิดใจครั้งแรกในรอบ 3 ปี ว่า ถึงสาเหตุที่เริ่มสงสัยในตัวลุงพล ก็ตอนที่ลุงพลนำร่างน้องเข้า กทม. มาผ่าชันสูตร แล้วมาออกรายการทีวี ไปกล่าวพาดพิงคนข้างบ้าน พอกลับมาที่บ้านกกกอก ครอบครัวก็ตำหนิ ที่ไปพูดแบบนั้น เกรงว่าจะผิดใจกัน ซึ่งไม่ได้ พูดจารุนแรง แต่เจ้าตัวกลับโกรธรุนแรงมาก แล้วยังมามีเรื่องที่ยืนให้สัมภาษณ์หน้างานศพน้อง บอกว่าดวงวิญญาณน้องยังอาฆาต ยังโกรธแค้นคนที่ทำ ทั้งที่ตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกถูกฆาตกรรม

แต่ที่มาสงสัยจริงๆ คือตอนที่ตำรวจสอบสวนพี่สาวของชมพู่ไม่ได้ยินเสียงน้องร้องไห้ แปลว่าตอนที่ถูกพาไปต้องเป็นคนที่คุ้นเคย เลยมานั่งไล่ดูว่า ใครบ้างที่อุ้มน้องได้ ซึ่งนอกจากครอบครัวเรา ก็มีลุงพลและป้าแต๋น ที่อุ้มน้องได้

พอช่วงที่มีข่าวหนักๆ ลุงพลให้ข่าวว่าเรื่องที่อยู่ของตน แต่ข่าวที่ออกมาเรื่อง หลักฐานที่อยู่ของลุงพล มันขัดแย้งกับสิ่งที่เรารู้สึกหลายเรื่อง ผ่านมา 3 ปี เหตุการณ์วันนี้มันเปลี่ยนไปจากตอนแรกมาก วันนี้มีคนส่งกำลังใจมาให้เยอะมาก ช่วงแรก พ่อกับแม่ถูกกล่าวหาเยอะมาก ว่าทำไมลูกหายไม่ไปตามหา ทั้งที่เราตามหาจนไม่รู้ว่าจะหายังไง เราตั้งใจหาเต็มที่ เพียงแต่ไม่ได้อัดคลิป ไม่ได้ไลฟ์สด เวลานักข่าวมาถาม ก็ไม่ได้ถามว่าเราไปหาที่ไหนมาบ้าง ตรงนี้ หรือไม่ที่ทำให้คนเข้าใจเราผิดว่าเราไม่ตามหาลูก แล้วที่มีคนตั้งคำถามว่า ทำไมลูกตายทั้งคนแม่ไม่ร้องไห้เลย แม่ก็อยากถามว่าทำไมเราต้องมาร้องไห้ออกสื่อตลอดเวลา เราร้องไห้ของเราเองทุกวัน แต่ละคอมเมนต์ที่เกิดขึ้นกับเรา ผ่านเวลามา เวลามีข่าวแบบนี้กับคนอื่น มันก็ยังมีคอนเมนต์ไปรุมถล่มเหมือนที่เราเคยเจอ เราก็รู้สึกว่ามันเกินไป ถ้าเราไม่ตั้งสติให้ดี เราคงจบชีวิตตัวเองไปแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน