สอบเงินบริจาค
สตม.เผยไม่พบ
เผ่นหนีไปตปท.
หลบกระแสร้อน ไลฟ์โค้ช คนดัง ‘ฌอน บูรณะหิรัญ’ ปิดโทรศัพท์มือถือติดต่อไม่ได้ ลือหนักหนีไปตั้งหลักต่างประเทศที่กัมพูชาขณะที่ผบช.สตม.ระบุ ยังไม่พบรายงานเดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เพราะ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ควบคุมการเดินทางเข้า-ออกช่วงโควิด-19 แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าใช้ช่องทางธรรมชาติ ส่วนประเด็นเงินบริจาคที่ยังไม่เคลียร์ ล่าสุดอาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรฯ โพสต์เฟซบุ๊ก อ้างอิงยอดเงินว่าอาจมีมากกว่า 50 ล้านบาท ด้านผู้ใหญ่บ้านทีมดับไฟป่า ก็ออกมาระบุด้วยว่า ไม่เคยได้รับการช่วยเหลือใดๆ ทั้งจากฌอนและศิลปินคนดังอื่นๆ ด้วย เรียกร้องให้เจ้าตัวออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงอย่างละเอียดโดยเร็วที่สุดด้วย
กรณีที่สังคมออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงไลฟ์โค้ชคนดัง “ฌอน บูรณะหิรัญ” จากเรืการเปิดรับองคลิปปลูกป่าที่กล่าวชมเชย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จนเกิดเรื่องราวตามมาอีกหลายประเด็น รวมทั้งเรื่องการเปิดรับบริจาค เพื่อช่วยดับไฟป่าที่ จ.เชียงใหม่ ที่ได้เงินไปมากกว่า 8 แสนบาท แต่ปรากฏว่า ถูกนำไปใช้บริจาคช่วยโควิด-19 โดยไม่ได้นำไปช่วยเหลือเจ้าหน้าที่
ดับไฟป่าตามวัตถุประสงค์แต่แรก รวมถึงยังนำเงินไปผลิตสื่อกว่า 250,000 บาท อีกทั้งการเปิดเผยยอดบัญชีเงินบริจาคก็ยังไม่เคลียร์ และยังถูกโยงว่ามีการจ่ายเงินจ้างอินฟลูเอนเซอร์ เพื่อมาโปรโมตภาพลักษณ์งานปลูกป่าด้วย ตามที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้นั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 4 ก.ค. นายกมลรัฐ ลิ้มไขแสง หรือ “พ่อหลวงอุ๋ย” ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 บ้านโป่งน้อย ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นอาสาเฝ้าระวังและดับไฟป่าช่วงที่เกิดสถานการณ์ไฟไหม้ป่าดอยสุเทพอย่างรุนแรง และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งทีมรถจักรยานยนต์วิบากสายตรวจไฟป่า เปิดเผยว่า กรณีการเปิดรับบริจาคของ “ฌอน” นั้น ตนเคยทราบจากข่าวและเข้าใจมาโดยตลอดว่าประสานกับหน่วย
งานราชการ เรื่องที่จะนำส่งการช่วยเหลือสนับสนุนให้กับชาวบ้านและอาสาสมัครที่ทำงานดับไฟป่า มาทราบภายหลังว่าไม่ได้ประสานใดๆ ผ่านทางหน่วยงานราชการ ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ก็ยืนยันว่า ไม่เคยได้รับการช่วยเหลือใดๆ จากฌอน รวมทั้งศิลปินดาราและคนดังอื่นๆ ด้วย เพราะปกติจะรับความช่วยเหลือผ่านหน่วยงานราชการเท่านั้น ซึ่งกรณีนี้ก็อยากเรียกร้องให้ “ฌอน” ออกมาชี้แจงข้อ
เท็จจริงอย่างละเอียดโดยเร็ว
นายกมลรัฐเปิดเผยต่อว่า เรื่องนี้สร้างความกังวลและไม่สบายใจให้กับชาวบ้าน และอาสาสมัครดับไฟป่าอย่างมาก เพราะต้องยอมรับความจริงว่า ปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งของชาวบ้านและอาสาสมัครช่วยจัดการไฟป่านั้น ก็น่าจะมาจากเรื่องงบประมาณ เพราะลำพังความช่วยเหลือจากทางราชการอย่าง
เดียวคงไม่เพียงพอ ขณะที่ชาวบ้านและอาสาสมัครต่างทำงานด้วยใจเสียสละและไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ ทำให้มีความจำเป็นต้องรับบริจาค ทั้งเรื่องอาหารการกินและอุปกรณ์การทำงาน เพื่อไม่ให้เป็นภาระของอาสาสมัครที่อุตส่าห์เสียสละลงแรงแล้ว ปกติประชาชนและภาคเอกชนจะบริจาคสนับสนุนผ่านหน่วยงานราชการ เช่น อำเภอ, เทศบาล หรือทางอุทยานฯ อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดกรณีนี้
ขึ้นทุกคนที่ทำงาน ต่างเกิดความกังวลใจว่าในอนาคตจะไม่มีใครกล้าบริจาคอีก ก็ต้องยอมรับว่าเป็นการบั่นทอนกำลังใจคนทำงานอย่างมาก
ขณะเดียวกันมีรายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครอง ได้พยายามติดต่อ ฌอนทางโทรศัพท์มือถือแล้ว ปรากฏว่าได้ปิดเครื่องไปแล้ว ส่วนการเคลื่อนไหวของเพจของฌอน ก็ไม่พบการ
เคลื่อนไหวอะไรทั้งสิ้น ล่าสุดยังมีกระแสข่าวว่า ฌอนได้เดินทางออกไปต่างประเทศ ด้านชายแดนกัมพูชาแล้ว เพื่อไปตั้งหลัก
ส่วนประเด็นเงินบริจาคที่ยังไม่เคลียร์ ล่าสุด รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์และนักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กอ้างอิงถึงจำนวนยอดเงินบริจาคของฌอน ระบุว่า “แหล่งข่าวแจ้งว่า ยอดบริจาคคุณฌอนมีมากกว่า 50 ล้านบาท”
ด้านพล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลล่าสุดในขณะนี้ ยังไม่พบรายงานว่านายฌอน มีการเดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเพื่อออกนอกประเทศแต่อย่างใด เพราะจากการตรวจสอบข้อมูลยืนยันได้ว่า ยังไม่มีด่านไหนที่เปิดให้ใครเดินทางเข้าออกนอกประเทศได้ เนื่องจากทางรัฐบาลมีการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในการควบคุมการเดินทางเข้า-ออกนอก
ประเทศเอาไว้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด เชื้อโควิด- 19
“แต่กรณีหากมีการหลบหนีจริง ก็อาจเป็นไปได้ว่ามีการใช้ช่องทางธรรมชาติหรือไม่ แต่บริเวณด่านชายแดนไทยซึ่งเป็นสถานที่ราชการ ยังไม่พบการเดินทางของนายฌอน ออกนอกประเทศแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามหากมีการประสานข้อมูลการดำเนินการเกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้น ทางสํานักงานตรวจคนเข้า
เมือง (สตม.) ก็พร้อมที่จะดำเนินการตรวจสอบให้ทันที” ผบช.สตม. กล่าว
วันเดียวกันที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายรณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนเพื่อความยุติธรรม เดินทางเข้าพบพ.ต.ท.แสวง สนูหมื่น พนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม หลังจากได้เข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับนายฌอน ในข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์, พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไรโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังจากร่วมบริจาคเงินด้วย จำนวน 10
บาท เพื่อช่วยเหลือดับไฟป่า
นายรณรงค์กล่าวว่า ตอนนี้ทราบมาว่ามียอดเงินในบัญชีดังกล่าวมากกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่นั้น ก็ต้องให้ตำรวจเรียกบัญชีมาตรวจสอบ เพราะถ้ามีการทุจริตคดีอื่นๆ ด้วย ก็จะต้องอายัดบัญชีไว้ แต่ที่ผ่านมานายฌอนไม่ได้พิสูจน์อะไรเลยว่า ตัวเองบริสุทธิ์ใจกับยอดเงินบริจาค ก็อยากจะฝากถึงฌอนด้วยว่า ทางช่องส่องผียังมีการออกมาแสดงสเตตเมนต์การโอนเงินเลย ถ้าฌอน
บริสุทธิ์ใจจริงทำไมถึงไม่ออกมาโชว์หลักฐานเงินในบัญชี ส่วนที่บอกกับสื่อว่าได้ปิดบัญชีดังกล่าวไปแล้ว แต่ทำไมตนยังสามารถโอนเงินเข้าไปในบัญชีของฌอนได้อยู่ เงินบริจาคที่รับไปจากพี่น้องประชาชน คุณฌอนก็ต้องอธิบายให้รายละเอียด โดยเชื่อว่าคุณฌอนคงจะไม่คิดหนีตามที่มีข่าวลือว่า
หนีออกนอกประเทศไปแล้ว เพราะถ้าไม่ผิดก็ไม่สมควรจะหนี เพราะไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่มากมาย ส่วนความคิดเห็นเรื่องการเมือง ตนมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคน แต่เรื่องเงินบริจาคของประชาชนต้องชัดเจนตรวจสอบได้
นายรณรงค์กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการแจ้งความ ตนได้แจ้งดำเนินคดีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิเตอร์
และพ.ร.บ.การเรี่ยไรเท่านั้น ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหาฉ้อโกงประชาชน ก็จะติดตามให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดออกหมายเรียก เพื่อให้มารับทราบ ข้อกล่าวหาโดยเร็วที่สุด พร้อมกับจะทำเรื่องแจ้งไปที่สำนักงานใหญ่ของธนาคารที่ฌอนเปิดบัญชีรับบริจาคอยู่ เพื่อขอให้ตรวจสอบรายละเอียด ขณะนี้อยู่ระหว่างรอธนาคารจะตอบกลับและส่งเอกสารกลับมา
นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอแม่ริม จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่าหลังจากที่ทางนายอรรถชา กัมปนาทแสนยากร นายอำเภอแม่ริม ได้เซ็นหนังสือรับทราบในการที่มีผู้มาร้องต่อศูนย์ดำรงธรรมอำเภอแม่ริม กรณีการรับบริจาคและเรี่ยไรเงินของนายฌอน เรื่องนี้ตนในฐานะรับผิดชอบศูนย์ดำรงธรรม อ.แม่ริม จึงได้ทำหนังสือแล้วเพื่อส่งไปให้นายฌอน ตามที่อยู่ที่มีภูมิลำเนาที่ระบุไว้ตามกฎหมาย
ขอให้นายฌอนมาให้ข้อเท็จจริง พร้อมนำหลักฐานมาแสดงที่เกี่ยวกับการเรี่ยไรทั้งใบอนุญาต ทั้งวัตถุประสงค์ โดยขอให้เขามาพบหลังจากได้รับหนังสือไม่เกิน 7 วัน โดยให้มาให้ถ้อยคำ แต่หากไม่มาก็ขอให้เขาส่งเอกสารมาก็ได้ หรือไม่มาก็ได้เรื่องของเขา แต่การไม่มาก็ไม่เป็นผลดี
ปลัดอำเภอแม่ริม กล่าวต่อว่าตอนนี้เราทำ 2 ส่วน ถามเขาว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ถามในฐานะเขา
ต้องแสดงเพราะเป็นไปตามกฎหมาย หากไม่มาก็จะทำควบคู่ไปกับพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด ใครที่ถูกเขาเรี่ยไรก็จะขอเชิญมาทำการสอบเห็นว่ามีดาราหลายคนอยู่ด้วย สำหรับด้านทางเจ้าหน้าที่หรืออาสาดับไฟป่าตอนนี้ตนสอบแทบจะหมดแล้ว เหลือแต่ให้นายฌอน ชี้แจง และหาพยานที่ขอรับการ
สนับสนุนจากนายฌอนและโอนเงินไปให้ ตามที่ตนเห็นในคลิป ก็มีดาราดังหลายคนที่บริจาคให้นายฌอน ซึ่งตนจะทำหนังสือขอความร่วมมือด้วย